สวัสดีดีค่ะ หนูเรียนอยู่มหาลัยปี 2 แล้วค่ะ หนูมาเรียนมหาลัยไกลบ้าน ห่างกัน 7 ร้อยกว่าโลได้เลยค่ะ
นั่งรถทัวร์กลับบ้านทีต่ำๆ ก็ 13 ชั่วโมงได้ ในการตัดสินใจเรื่องมหาลัย เวลาหนูปรึกษาพ่อกับแม่ มีประโยคนึงที่ชอบมาก คือ จะเรียนที่ไหนก็ได้เพราะมันคือชีวิตลูก เป็นหนึ่งประโยคที่ทำให้หนูตัดสินใจได้ค่ะ หนูอยากเรียนในที่ๆเราไม่รู้จักใครเลย อยากออกไปเจออะไรใหม่ๆ ไปเรียนรู้จักโลกนี้ให้มากขึ้นจากตัวเราเองไม่ใช่แค่คำพูดที่คนอื่นพูด เพราะสมัยเรียนมัธยมหนูเป็นโรคซึมเศร้า เลิกเรียนกลับบ้านตลอดแทบไม่ได้ออกไปไหน นอกจากโรงเรียนกับร้านขายของชำแถวบ้านเลยค่ะ5555
แต่พอได้เริ่มใช้ชีวิตมหาลัยตอนสัปดาห์แรกนี่ home sick สุดๆเลยค่ะ แค่เห็นรูปหรือได้ยินเสียงก็ทำให้น้ำตาแตกแล้วค่ะ หนูเคยคิดว่า มันคงไม่ยากเพราะปกติอยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้คุยกับที่บ้านมากเท่าไหร่อยู่แล้ว คงไม่เป็นไร แต่พอได้มาอยู่คนเดียว ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ช่วงแรกๆก็แอบจัดการอะไรยังไม่ลงตัวขนาดนั้นค่ะ สิ่งนึงที่ได้รับรู้มากขึ้น คือ ครอบครัว ช่วงชีวิตที่เคยได้ใช้ตั้งแต่เกิดจนอายุ 18 ก่อนจะได้มาเรียนมันเป็นชีวิตที่มีค่ามากเลยค่ะ แต่ก่อนคงเห็นเป็นแค่ช่วงเวลาธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีวันหยุดยาวที่ว่างไม่ติดสอบ หรือปิดเทอมจริงๆ ก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่มีที่ไหนสบายใจได้เท่าที่บ้านเลย
ทุกครั้งที่ได้กลับบ้านนี่ตื้นเต้นตลอดเลยค่ะ555 แต่พิต้องนั่งรถกลับมาเรียนน้ำตาซึมทุกรอบเลยค่ะ555
ช่วงปีแรกตัดสินใจอยู่หอในส่วนนึงเพราะคิดว่ามันคงมอบประสอบการณ์อะไรหลายๆอย่างให้แล้วมันก็ใช่จริงๆค่ะ555 ตรัสรู้เลยว่า ต่างคนต่างที่ ต่างพ่อต่างแม่เป็นยังไง ได้เรียนรู้หลายอย่างเลยค่ะ ชีวิตมหาลัยทำให้ชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้นแบบมากๆ
(ส่วนตัวเป็นคนที่เพื่อนน้อย เข้าสังคมไม่เก่งค่ะ)
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะกินข้าว กินหมูกระทะ ดูหนังหรือไปเที่ยวคนเดียวก็สบายมากเลยค่ะ
พอได้ใช้ชีวิตคนเดียวต่างถิ่นแบบนี้ เลยรู้สึกว่า ทำให้มีเวลาคุยกับตัวเองมากขึ้นค่ะ ชอบช่วงเวลาที่ได้ออกไปเจอโลกนี้ให้ได้มากขึ้นถึงแม้ว่าจะแค่เสี้ยวนึง ก็ดีแล้วค่ะ ได้รู้คำนึงว่า คนไทยใจดี นี่ไม่เกินจริงเลยค่ะ5555
ในช่วงเวลา 4 ปีในมหาลัยนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดูเหมือนนานแต่จริงมันสั้นมากๆ ถ้าหลังจบไปคงใช้ชีวิตด้วยความรู้สึก หรือในช่วงวัยแบบนี้ไม่ได้แล้ว สำหรับชีวิตหนูมันเป็นช่วงวัยที่เปรียบเหมือนวันที่ท้องฟ้าไม่ใสและก็ไม่ได้ฝนตกเช่นกัน เป็นเหมือนวันที่ฟ้านิ่งธรรมดาๆ แต่เพราะ เป็นแบบนั้น เลยต้องใช้ชีวิตพัฒนาตัวเองไปทีละนิดก็ยังดี เริ่มจากสิ่งที่เราสนใจหรือชอบอยู่แล้ว คือ หนูเริ่มอ่านหนังสือนอกจากหนังสือการ์ตูนมากขึ้น เป็นพวกแนวจิตวิทยาซะส่วนใหญ่ค่ะ
ฟังคลิปและอ่านพวกปรัญญา ประวัติศาสตร์ คดีฆาตกรรมและพอดแคสค่ะ พอฟังและอ่านพวกนี้บ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าทัศนคติที่มองโลกนี้เปลี่ยนไปมากๆเลยค่ะ หนูชอบฟังประวัติศาสตร์
เพราะมีคำนึงในใจคือ " เราจะใช้ชีวิตบนโลกนี้ โดยที่จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยหรอ"
หนูคิดว่า "ถ้าวันนึงเราจะเป็นอะไรไปก็ไม่เป็นไร"ค่ะ เพราะในทุกวันถึงการใช้ชีวิตคนเดียวมันจะมีเหงาบ้าง แต่หนูก็มีความสุขกับงานอดิเรกที่เรารักและได้ใช้ชีวิตในแบบของเราแล้ว แต่พอคิดไตร่ตรองดีๆ กลับมีสิ่งที่ทำให้ต้องคิดอีกรอบคือ ถ้าเราเป็นอะไรไปแล้วคนข้างหลังล่ะ เลยอยากพยามใช้ชีวิตที่ถึงจะเป็นอะไรไปก็ไม่ต้องทำให้ใครลำบากค่ะ
อยากบอกทุกคนที่ผ่านมาเห็นกระทู้นี้หรือใครที่อุตส่าห์อ่านที่หนูพิมพ์ซะยาวจนจบว่า ขอบคุณนะคะ
ขอให้ใช้ชีวิตที่มีค่าของคุณที่ได้รับมานี้ให้มีความสุขมากๆนะคะ เราไม่จำเป็นต้องรอให้มีความสุขเลยค่ะ ในเมื่อแต่สิ่งเล็กๆก็ทำให้มีความสุขได้แล้ว ลองมองออกไปในโลกอันกว้างขวาง หรือจักรวาลที่มันใหญ่ไพศาลนี้ มันมีสิ่งสวยงามอีกเยอะเลยค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆกับชีวิตนี้ ภูมิใจและชมตัวเองให้เยอะๆนะคะ คนๆนึงกว่าจะโตมาได้ขนาดนี้มันไม่ง่ายเลยค่ะ ทุกคนเก่งมากๆแล้ว🙏🙇🤍
แค่เรื่องเล็กๆที่อยากแชร์ค่ะ
นั่งรถทัวร์กลับบ้านทีต่ำๆ ก็ 13 ชั่วโมงได้ ในการตัดสินใจเรื่องมหาลัย เวลาหนูปรึกษาพ่อกับแม่ มีประโยคนึงที่ชอบมาก คือ จะเรียนที่ไหนก็ได้เพราะมันคือชีวิตลูก เป็นหนึ่งประโยคที่ทำให้หนูตัดสินใจได้ค่ะ หนูอยากเรียนในที่ๆเราไม่รู้จักใครเลย อยากออกไปเจออะไรใหม่ๆ ไปเรียนรู้จักโลกนี้ให้มากขึ้นจากตัวเราเองไม่ใช่แค่คำพูดที่คนอื่นพูด เพราะสมัยเรียนมัธยมหนูเป็นโรคซึมเศร้า เลิกเรียนกลับบ้านตลอดแทบไม่ได้ออกไปไหน นอกจากโรงเรียนกับร้านขายของชำแถวบ้านเลยค่ะ5555
แต่พอได้เริ่มใช้ชีวิตมหาลัยตอนสัปดาห์แรกนี่ home sick สุดๆเลยค่ะ แค่เห็นรูปหรือได้ยินเสียงก็ทำให้น้ำตาแตกแล้วค่ะ หนูเคยคิดว่า มันคงไม่ยากเพราะปกติอยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้คุยกับที่บ้านมากเท่าไหร่อยู่แล้ว คงไม่เป็นไร แต่พอได้มาอยู่คนเดียว ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ช่วงแรกๆก็แอบจัดการอะไรยังไม่ลงตัวขนาดนั้นค่ะ สิ่งนึงที่ได้รับรู้มากขึ้น คือ ครอบครัว ช่วงชีวิตที่เคยได้ใช้ตั้งแต่เกิดจนอายุ 18 ก่อนจะได้มาเรียนมันเป็นชีวิตที่มีค่ามากเลยค่ะ แต่ก่อนคงเห็นเป็นแค่ช่วงเวลาธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีวันหยุดยาวที่ว่างไม่ติดสอบ หรือปิดเทอมจริงๆ ก็ไม่ได้กลับบ้าน ไม่มีที่ไหนสบายใจได้เท่าที่บ้านเลย
ทุกครั้งที่ได้กลับบ้านนี่ตื้นเต้นตลอดเลยค่ะ555 แต่พิต้องนั่งรถกลับมาเรียนน้ำตาซึมทุกรอบเลยค่ะ555
ช่วงปีแรกตัดสินใจอยู่หอในส่วนนึงเพราะคิดว่ามันคงมอบประสอบการณ์อะไรหลายๆอย่างให้แล้วมันก็ใช่จริงๆค่ะ555 ตรัสรู้เลยว่า ต่างคนต่างที่ ต่างพ่อต่างแม่เป็นยังไง ได้เรียนรู้หลายอย่างเลยค่ะ ชีวิตมหาลัยทำให้ชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้นแบบมากๆ
(ส่วนตัวเป็นคนที่เพื่อนน้อย เข้าสังคมไม่เก่งค่ะ)
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะกินข้าว กินหมูกระทะ ดูหนังหรือไปเที่ยวคนเดียวก็สบายมากเลยค่ะ
พอได้ใช้ชีวิตคนเดียวต่างถิ่นแบบนี้ เลยรู้สึกว่า ทำให้มีเวลาคุยกับตัวเองมากขึ้นค่ะ ชอบช่วงเวลาที่ได้ออกไปเจอโลกนี้ให้ได้มากขึ้นถึงแม้ว่าจะแค่เสี้ยวนึง ก็ดีแล้วค่ะ ได้รู้คำนึงว่า คนไทยใจดี นี่ไม่เกินจริงเลยค่ะ5555
ในช่วงเวลา 4 ปีในมหาลัยนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดูเหมือนนานแต่จริงมันสั้นมากๆ ถ้าหลังจบไปคงใช้ชีวิตด้วยความรู้สึก หรือในช่วงวัยแบบนี้ไม่ได้แล้ว สำหรับชีวิตหนูมันเป็นช่วงวัยที่เปรียบเหมือนวันที่ท้องฟ้าไม่ใสและก็ไม่ได้ฝนตกเช่นกัน เป็นเหมือนวันที่ฟ้านิ่งธรรมดาๆ แต่เพราะ เป็นแบบนั้น เลยต้องใช้ชีวิตพัฒนาตัวเองไปทีละนิดก็ยังดี เริ่มจากสิ่งที่เราสนใจหรือชอบอยู่แล้ว คือ หนูเริ่มอ่านหนังสือนอกจากหนังสือการ์ตูนมากขึ้น เป็นพวกแนวจิตวิทยาซะส่วนใหญ่ค่ะ
ฟังคลิปและอ่านพวกปรัญญา ประวัติศาสตร์ คดีฆาตกรรมและพอดแคสค่ะ พอฟังและอ่านพวกนี้บ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าทัศนคติที่มองโลกนี้เปลี่ยนไปมากๆเลยค่ะ หนูชอบฟังประวัติศาสตร์
เพราะมีคำนึงในใจคือ " เราจะใช้ชีวิตบนโลกนี้ โดยที่จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยหรอ"
หนูคิดว่า "ถ้าวันนึงเราจะเป็นอะไรไปก็ไม่เป็นไร"ค่ะ เพราะในทุกวันถึงการใช้ชีวิตคนเดียวมันจะมีเหงาบ้าง แต่หนูก็มีความสุขกับงานอดิเรกที่เรารักและได้ใช้ชีวิตในแบบของเราแล้ว แต่พอคิดไตร่ตรองดีๆ กลับมีสิ่งที่ทำให้ต้องคิดอีกรอบคือ ถ้าเราเป็นอะไรไปแล้วคนข้างหลังล่ะ เลยอยากพยามใช้ชีวิตที่ถึงจะเป็นอะไรไปก็ไม่ต้องทำให้ใครลำบากค่ะ
อยากบอกทุกคนที่ผ่านมาเห็นกระทู้นี้หรือใครที่อุตส่าห์อ่านที่หนูพิมพ์ซะยาวจนจบว่า ขอบคุณนะคะ
ขอให้ใช้ชีวิตที่มีค่าของคุณที่ได้รับมานี้ให้มีความสุขมากๆนะคะ เราไม่จำเป็นต้องรอให้มีความสุขเลยค่ะ ในเมื่อแต่สิ่งเล็กๆก็ทำให้มีความสุขได้แล้ว ลองมองออกไปในโลกอันกว้างขวาง หรือจักรวาลที่มันใหญ่ไพศาลนี้ มันมีสิ่งสวยงามอีกเยอะเลยค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆกับชีวิตนี้ ภูมิใจและชมตัวเองให้เยอะๆนะคะ คนๆนึงกว่าจะโตมาได้ขนาดนี้มันไม่ง่ายเลยค่ะ ทุกคนเก่งมากๆแล้ว🙏🙇🤍