Swing Trade คืออะไร ? เทคนิคเทรดระยะยาวที่เทรดเดอร์นิยมใช้

ในโลกของตลาด Forex มีกลยุทธ์การเทรดหลากหลายรูปแบบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่การเทรดแบบ Scalping ที่ต้องตัดสินใจในเสี้ยววินาที ไปจนถึงการเทรดระยะยาวแบบ Position Trading แต่มีกลยุทธ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และมาพร้อมกับความสมดุลระหว่างการใช้เวลาและผลตอบแทน นั่นคือ "Swing Trade"

Swing Trade คืออะไร ?
Swing Trading หรือ การเทรดแบบสวิง เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex ระยะกลางที่เน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาที่เป็นจังหวะ "คลื่น" โดยเทรดเดอร์จะถือครองคำสั่งซื้อขายตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากช่วงการขึ้นลงของราคาในแต่ละรอบ
กลยุทธ์นี้ใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นหลักเพื่อหาจังหวะการเข้าซื้อขายและจุดที่ราคากลับตัว เครื่องมือที่ใช้บ่อย เช่น
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อหาแนวโน้ม
แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance) เพื่อหาจุดเข้าและเป้าหมายการทำกำไร
RSI หรือ Stochastic เพื่อดูว่าราคาอยู่ในภาวะซื้อหรือขายมากเกินไป
Fibonacci Retracement เพื่อหาจุดพักตัวของราคาที่เหมาะกับการเข้าเทรดตามเทรนด์
นอกจากนี้ อาจมีการใช้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อยืนยันแนวโน้มในระยะกลางถึงระยะยาวเพิ่มเติมด้วย

อินดิเคเตอร์ที่เหมาะกับการเทรดแบบ Swing Trade เน้นการใช้หลายตัวร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่

1. อินดิเคเตอร์ประเภทแนวโน้ม (Trend Indicators)
สิ่งแรกที่ Swing Trader ต้องรู้คือ "ตอนนี้ตลาดกำลังเป็นขาขึ้นหรือขาลง ?" อินดิเคเตอร์ประเภทแนวโน้มนี้จะช่วยตอบได้อย่างชัดเจน

- Moving Average (MA) เป็นอินดิเคเตอร์ที่นิยมมากที่สุดในการเทรด โดยเฉพาะ Exponential Moving Average (EMA) เพราะตอบสนองต่อราคาปัจจุบันได้รวดเร็วกว่า โดยทั่วไปจะใช้ EMA สองเส้นตัดกันเพื่อยืนยันแนวโน้มและการกลับตัวของราคา

ตัวอย่างการใช้ Moving Average

EMA 25 และ EMA 50:
ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น: เมื่อเส้น EMA 25 (ระยะสั้น) ตัดขึ้นเหนือเส้น EMA 50 (ระยะกลาง) ถือเป็นสัญญาณ "แนวโน้มขาขึ้น"
ยืนยันแนวโน้มขาลง: ในทางกลับกัน เมื่อเส้น EMA 25 ตัดลงใต้เส้น EMA 50 ถือเป็นการยืนยัน "แนวโน้มขาลง"
การประยุกต์ใช้: เทรดเดอร์จะใช้พื้นที่ระหว่างเส้น EMA ทั้งสองเป็น แนวรับ-แนวต้าน เพื่อหาจังหวะเข้าเทรดตามแนวโน้มนั้นๆ

- Ichimoku Kinko Hyo เป็นอินดิเคเตอร์ที่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพสูงมากสำหรับนักเทรดแบบ Swing Trader เพราะสามารถบ่งบอกได้ทั้งแนวโน้มราคา แนวรับ-แนวต้าน และโมเมนตัมในตัวเดียว โดยส่วนที่สำคัญที่สุดที่นักเทรดมักจะให้ความสนใจคือ "ก้อนเมฆ" (Kumo)

วิธีการใช้ Kumo (ก้อนเมฆ)

เมื่อราคาอยู่เหนือ Kumo: บ่งชี้ถึง ตลาดขาขึ้น (Bullish) ที่ชัดเจน โดยก้อนเมฆจะทำหน้าที่เป็น แนวรับ ที่แข็งแกร่ง
เมื่อราคาอยู่ใต้ Kumo: บ่งชี้ถึง ตลาดขาลง (Bearish) และก้อนเมฆจะกลายเป็น แนวต้าน ที่สำคัญ
นักเทรดมักจะใช้ก้อนเมฆในการหาจังหวะเข้าเทรด โดยจะรอให้ราคาย่อตัวกลับมาทดสอบบริเวณขอบของก้อนเมฆก่อนที่จะเข้าเทรดตามแนวโน้มหลัก พร้อมใช้เส้นสัญญาณอื่น ๆ ของ Ichimoku เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณเพิ่มเติม

2. อินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัม (Momentum Oscillators Indicator)
หลังจากรู้ทิศทางแล้ว คำถามต่อไปคือ "ตอนนี้แรงซื้อหรือแรงขายเริ่มอ่อนกำลังแล้วหรือยัง ?" เพื่อที่จะได้หาจังหวะเข้าเทรดตอนที่ราคาย่อตัวหรือกลับตัว อินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator จะช่วยจับสัญญาณเหล่านี้ได้

- Relative Strength Index (RSI) 
Relative Strength Index (RSI) เป็นอินดิเคเตอร์ที่วัดการแกว่งตัวของราคาเพื่อดูภาวะ ซื้อมากเกินไป (Overbought - ค่าสูงกว่า 70) และ ขายมากเกินไป (Oversold - ค่าต่ำกว่า 30)
- Stochastic Oscillator
Stochastic Oscillator ทำงานคล้าย RSI แต่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคามากกว่า เหมาะสำหรับการหาจุดกลับตัวของ "วงสวิงย่อย"

3. เครื่องมือหาจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุน (Take Profit and Stop Loss)
หลังจากที่วิเคราะห์ทิศทางและมีสัญญาณเข้าเทรดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญคือการกำหนดจุดเข้า-ออกที่ชัดเจน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยได้

- Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้กันมากในหมู่ Swing Trader โดยใช้เพื่อวัดการ "ย่อตัว" ของราคาในแนวโน้มหลัก โดยระดับสำคัญที่นักเทรดเฝ้ารอคือ 38.2%, 50.0% และ 61.8% โดยเทรดเดอร์จะรอให้ราคาย่อตัวลงมาที่ระดับเหล่านี้ ก่อนที่จะหาจังหวะเข้าซื้อขายเพื่อเก็งกำไรตามแนวโน้มเดิมต่อไป
- Pivot Points
Pivot Points คือระดับแนวรับ-แนวต้านที่คำนวณจากราคาของวันก่อนหน้า โดยใช้เป็นเป้าหมายราคาและจุดตัดขาดทุนที่สำคัญ และเนื่องจากเป็นจุดที่เทรดเดอร์ทั่วโลกให้ความสนใจ ระดับราคาเหล่านี้จึงมักจะมีความสำคัญและส่งผลให้ราคาเกิดปฏิกิริยาขึ้นบ่อยครั้ง


สรุปกลยุทธ์ Swing Trade

Swing Trade เป็นกลยุทธ์การเทรดระยะกลางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรจากภาพรวมของตลาดโดยไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจออย่างต่อเนื่อง
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้คือ:
1. การวิเคราะห์แนวโน้ม: ต้องเข้าใจทิศทางของตลาดอย่างแม่นยำ
2. ความอดทน: รอคอยจังหวะเข้าเทรดที่เหมาะสมที่สุด
3. การบริหารความเสี่ยง: มีแผนจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน โดยเฉพาะการถือครองคำสั่งข้ามคืน
หากคุณมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เร่งรีบและต้องการแนวทางการเทรดที่สมดุล Swing Trade อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่