
.
"มาดามรถถัง" ส่งรถเกราะกันกระสุน - ช่างซ่อม ช่วยกองทัพ เข้าประจำชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมรวบรวมจิตอาสาคิดค้น "โดรน" เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน ยันไม่มีค่าใช้จ่าย
.
วันที่ 18 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือ มาดามรถถัง เจ้าของบริษัทชัยเสรี พร้อมลูกชาย กล่าวถึงเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชา ว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วพี่น้องคนไทยก็ต้องร่วมมือกัน สามัคคีกัน ช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วย เพื่อการป้องกันประเทศ ชัยเสรีเป็นบริษัทสัญชาติไทย ในฐานะคนไทย มีหน้าที่รักษาเอกราช และความมั่นคงของชาติ
.
ขีดความสามารถของชัยเสรี คือ การคิดค้นยุทโธปกรณ์ เพื่อการป้องกันประเทศ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว คือการออกแบบข้อต่อสายพาน ซ่อมรถให้กับกองทัพ และออกแบบรถเฟิสต์วิน 4x4 และรถสะเทินน้ำสะเทินบก 8x8 ให้กับกองทัพ ซึ่งขณะนี้ก็ปฏิบัติงานอยู่ที่ชายแดน เราก็ทำรถเกราะกันกระสุน กันระเบิดไปช่วยชายแดน
.
และในฐานะที่เราเป็นโรงงานซ่อมสร้างยานยนต์ทหาร เราได้ส่งคณะช่างอะไหล่ไปอยู่ประจำที่ชายแดน เพื่อรอซ่อมรถต่างๆ ให้กองทัพ ในภารกิจปกป้องประเทศ เช่น รถฮัมวี่ และ M113 พร้อมกันนี้ ยังได้รวบรวมจิตอาสาในการคิดค้นโดรน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานที่ชายแดน ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนร่วมมือกัน.
.
.
หวั่นเวลาเรียนไม่ครบ โรงเรียนชายแดนศรีสะเกษ เปิดวันแรกไม่คึกคัก ครูยันคุยแนวหน้าแล้ว มั่นใจปลอดภัย
https://www.matichon.co.th/region/news_5327681
.
หวั่นเวลาเรียนไม่ครบ เปิดเรียนวันแรก โรงเรียนชายแดนศรีสะเกษ หลังปิดไปช่วงเหตุปะทะ เด็กยังมาเรียนน้อย ผู้ปกครองยังไม่มั่นใจว่าปลอดภัย บางส่วนยังไม่กลับเข้าพื้นที่ ด้านครูยันประสานแนวหน้าแล้ว มั่นใจปลอดภัย
.
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ใกล้ชิดติดชายแดนไทย-กัมพูชา เชิงเขาพระวิหาร จุดการยิงปะทะกันระหว่าง ทหารกัมพูชา ที่ยิงถล่มเข้ามาในไทย โดยเฉพาะเป้าหมายที่เป็นบ้านเรือนราษฏร โรงเรียน โรงพยาบาล นับตั้งวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โรงเรียนได้ประกาศปิดการเรียนการสอน แต่หลังจากตั้งหลักได้ ก็ได้เปิดเรียนแบบออนไลน์แทน จนวันนี้ทุกฝ่ายเห็นว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นมาก จึงได้ประกาศเปิดการเรียนการสอนใหม่อีกครั้ง เพราะหวั่นการสอนจะไม่ได้ตามมาตรฐานของกระทรวง แต่ปรากฏว่า ผู้ปกครองได้นำพานักเรียน ที่เป็นลูกหลานตน มาเรียนเพียงไม่ถึง 30% อันเนื่องมาจาก อย่างแรก ยังไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์ตามแนวชายแดน ซึ่งโรงเรียนห่างจากชายแดนประมาณ 3 กิโลเมตร อีกอย่าง นักเรียนส่วนใหญ่ อพยพตามผู้ปกครอง ไปอยู่บ้านญาติ ยังไม่กล้ากลับเข้ามาในพื้นที่ชายแดน
.
นางอุไร (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ผู้ปกครองรายหนึ่ง กล่าวว่า ลูกตนอยากมาโรงเรียน เพราะหยุดเรียนนานแล้ว แต่ก็กลัวอยู่ แต่หากจะต้องระวังเอา โดยโรงเรียนจะแจ้งบอกหากเกิดเหตุปะทะกันอีก โดยวันเกิดเหตุวันนั้น ครูก็โทรบอกผู้ปกครอง ว่าให้มารับลูกกลับบ้านด่วน แต่ตอนนี้ก็น่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว ก็รอดูข่าวไปเรื่อยๆ ดูว่าจะว่าอย่างไร
.
ส่วน นายบุญเที่ยง (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ผู้ที่ขับรถรับ-ส่ง นักเรียน กล่าวว่า วันนี้นักเรียนมาโรงเรียนน้อยมาก น่าจะมาเรียนไม่ถึง 50% โดยรถตนจะมีหน้าที่รับนักเรียน จากบ้านชำเม็ง มาที่โรงเรียนแห่งนี้ เป็นประจำ ตอนนี้ผู้ปกครองหลายคนยังอยู่ระหว่างอพยพไปอยู่บ้านญาติ ยังไม่กลับมาบ้าน เพราะยังกลัวอยู่
.
ส่วน นักเรียนรายหนึ่ง เพราะดีใจที่ได้มาเรียน มาพบเพื่อนๆ เล่าว่า วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ตนพึ่งเข้ามาถึงโรงเรียน และครูก็ประกาศให้กลับบ้านทันที เพราะได้ยินเสียงปืนใหญ่เข้ามา ครั้งแรกที่ตนได้ยิน ได้พบเจอ พอมีครูบอกว่ากัมพูชายิงมาแล้วตนกลัวมาก ได้อพยพตามผู้ปกครองไปอยู่ที่ศูนย์พังพิง ราว 2 สัปดาห์ก่อนมากลับบ้าน แต่ก็ยังกลัวอยู่ แต่คิดถึงเพื่อนในชั้นเรียน
.
ขณะที่ นายทศพร (สงวนนามสกุล) ผอ.โรงเรียนฯ เปิดเผยว่า วันนี้โรงเรียนของเรามีความพร้อมในการเปิดการเรียนการสอน เพราะได้รับการประสานข้อมูลจากแนวหน้า มีความมั่นใจว่ามีความปลอดภัย สำหรับนักเรียนที่มาเรียน แต่หากโรงเรียนหยุดยาวไปมากกว่านี้ นักเรียนก็จะมีเวลาเรียนไม่ครบตามหลักสูตร ก็เลยต้องเปิดเรียน แต่หากเปิดไปแล้วเหตุการณ์ไม่ปกติ ถึงจะอพยพนักเรียนออกไปนอกพื้นที่ตามแผนทันที ซึ่งวันนี้เปิดเรียนวันแรก นักเรียนมาเรียน ราว 30-40% ของนักเรียน ทั้งหมด 508 คน ครู 33 คน วันนี้ลา 1 คน เหตุผลประการแรก น่าจะยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย และอีกอย่าง ผู้ปกครองยังกลับเข้ามาในพื้นที่ยังไม่ครบทุกหลังคาเรือน ซึ่งก่อนเปิดเรียนก็ได้ทำการสำรวจข้อมูลทางออนไลน์ ซึ่งที่หยุดเรียน เราก็จะเปิดสอนชดเชยในวันหยุดเพื่อให้ครบต่อไป
.
.
สรรพากร ส่งหนังสือถึงสำนักพุทธ บริจาควัดต้องผ่านระบบ e-Donation เท่านั้น
.
สรรพากร ส่งหนังสือถึงสำนักพุทธ บริจาควัดต้องผ่านระบบ e-Donation เท่านั้น ชี้ใบอนุโมทนาบัตรออกเป็นกระดาษได้ แต่หักลดหย่อนภาษีไม่ได้ ระบุวัดไหนยังไม่เข้าระบบต้องรีบลงทะเบียนกับสรรพากรพื้นที่-แบงก์ เริ่ม 1 ม.ค. 69
.
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาวิธีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่วัดวาอาราม โดยให้ใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
.
หนังสือระบุว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) เพื่อยกระดับบริการภาครัฐให้ประชาชนได้รับความสะดวกและความรวดเร็วเพิ่มขึ้น นั้น กรมสรรพากรในฐานะหน่วยงานที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้บริจาคให้แก่วัดวาอาราม จะดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การที่ได้รับการประกาศโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส
.
โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาค และได้รับเงินคืนภาษีรวดเร็วมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้หน่วยรับบริจาคไม่ต้องจัดทำและเก็บหลักฐานการรับบริจาคเป็นกระดาษ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของหน่วยรับบริจาค
.
การปรับปรุงกฎหมายข้างต้นจะเป็นการกำหนดให้การบริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่าง ๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาคหรือหักรายจ่ายการบริจาค ต้องใช้ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากรเท่านั้น ทั้งนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
.
นายปิ่นสาย กล่าวว่า ระบบปัจจุบัน เวลาวัดจะนำมาใช้สิทธิหักรายจ่าย มีทั้งระบบ e-Donation และ แบบการออกใบอนุโมทนาบัตรด้วยมือ ซึ่งการออกด้วยมือ ก็อาจจะมีช่องในการทุจริต คอร์รัปชั่นได้ ดังนั้น สรรพากรจึงกำหนดให้ใช้เฉพาะ e-Donation เท่านั้น โดยวัดที่ยังไม่ได้ใช้ระบบดังกล่าว ต้องไปลงทะเบียนกับสรรพากรพื้นที่ รวมถึงธนาคาร
.
“ต่อไปนี้จะใช้แต่ระบบ e-Donation เมื่อมีการสแกน ข้อมูลก็จะมาขึ้นที่กรมสรรพากรเลย ถ้าไปบริจาคแล้วมีแต่ใบอนุโมทนาบัตร อันนั้นจะได้แต่บุญ แต่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ได้แล้ว ซึ่งการบริจาคผ่าน e-Donation ข้อมูลก็จะมาเข้า D-MyTax ของกรมด้วย ทำให้ผู้เสียภาษีก็ไม่ต้องเก็บเอกสารหลักฐาน เพราะข้อมูลจะเข้าระบบมาโดยอัตโนมัติเลย”
.
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า สาเหตุที่ปรับ เนื่องจากเป็นแนวทางการพัฒนาการขับเคลื่อนในยุคดิจิทัลของกรมสรรพากร ซึ่งจะทำให้กระบวนการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยจะสอดรับกับระบบ D-MyTax ด้วย
JJNY : "มาดามรถถัง" ช่วยฟรี│รร.ชายแดน เปิดวันแรกไม่คึกคัก│สรรพากรส่งหนังสือถึงสำนักพุทธ│อียูจับมือเซเลนสกี เตรียมหารือ
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2877247
.
.
.
หวั่นเวลาเรียนไม่ครบ โรงเรียนชายแดนศรีสะเกษ เปิดวันแรกไม่คึกคัก ครูยันคุยแนวหน้าแล้ว มั่นใจปลอดภัย
https://www.matichon.co.th/region/news_5327681
.
.