คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว 8 ชาติ ลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ขวางเก็บกู้ทุ่นระเบิด
.
.
คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว 8 ชาติ ลงพื้นที่ 3 วันติดเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงกำลังพลเหยียบทุ่นระเบิดสังหาร -ข้อมูลกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
.
วันที่ 17 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค. 2568) กองบัญชาการกองทัพไทย จะนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) จำนวน 8 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวม 14 นาย นำโดย ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ประจำกรุงเทพฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 2 (กองกำลังสุรนารี) ทั้งนี้ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ตามบันทึกข้อตกลงจากผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา รวมทั้งการขัดขวางการปฏิบัติการในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ
.
กำหนดการในวันแรก 18 ส.ค. 2568 คณะฯ จะเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ไปยัง บก.มณฑลทหารบกที่ 22 อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในช่วงเวลา 15.15 น.
.
วันอังคารที่ 19 ส.ค.2568
.
เช้า-เดินทางลงพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน และเดินทางต่อไปยังผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับฟังบรรยายสรุป ในประเด็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
.
บ่าย-จะเดินทางไปยังฐานกฤษณา -ฐานปราบศึก ใกล้ภูมะเขือ พร้อมรับชมภารกิจปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2
วันพุธที่ 20 ส.ค. 2568
.
คณะฯ ตรวจเยี่ยมเชลยศึก จากนั้นเดินทางไป รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สุรินทร์ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป พร้อมตรวจพื้นที่ผลกระทบจากจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ต่อจากนั้น เดินทางไปช่องจุ๊ปตะโมก ตรวจพื้นที่จุดที่กำลังพล ร้อย.ทพ.2601 เหยียบกับระเบิด
.
.
ชาวบ้านผวา หวั่นเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย รอบ 2 รีบย้ายออกพ้นหมู่บ้าน ซุกศูนย์อพยพ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9897133
.
อุบลราชธานี ชาวบ้านผวาข่าวลือ หวั่นเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา รอบ 2 เร่งขนของย้ายเผ่นพ้นหมู่บ้าน 80 เปอร์เซ็นต์ รีบหนีซุกศูนย์อพยพฯ ทางการเตือนอย่าตระหนก-แจ้งเตรียมพร้อม
.
17 ส.ค. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านคำระหง และอีกหลายหมู่บ้าน ในพื้นที่ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ผวากับข่าวลือ จะเกิดการปะทะกันรอบ 2 พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเร่งเก็บข้าวของไว้เตรียมพร้อมอพยพ หากเกิดการปะทะรอบ 2 ได้หนีทัน แต่อีกส่วนโดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ได้พากันอพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพเดิม ที่อำเภอเดชอุดมแล้ว
.
นาง
วาริน พลยามี อายุ 48 ปี ชาวบ้านคำระหง ที่ยังไม่อพยพ กล่าวว่า มีการประกาศแจ้งข่าวจากทางราชการให้ชาวบ้านมีการเตรียมความพร้อมในการอพยพเอาไว้ แต่ยังไม่มีคำสั่งในการอพยพแต่อย่างใด แต่ทางชาวบ้านมีอาการผวากับคำเตือน ทางผู้นำชุมชนจึงได้มีการเคลื่อนย้ายผู้กลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิง เพื่อความปลอดภัย เพราะหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบจะลำบากในการเคลื่อนย้าย ทำให้ปัจจุบันในหมู่บ้านมีคนอพยพไปแล้วประมาณร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือก็อยู่เฝ้าดูแลทรัพย์สิน
.
ด้าน นาย
ทินวุฒิ ไชยภักดิ์ ชาวบ้านที่อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพวัดบ้านนากระแซง ต.นากระแซง อ.เดชอุดม กล่าวว่า หมู่บ้านตั้งอยู่ติดชายแดนตรงข้ามกับช่องอานม้า ไม่กล้าอยู่บ้าน โดยมีผู้อพยพออกมาบางส่วน และก็บางคนก็ยังอยู่ แต่ก็มีการเตรียมพร้อมตลอดเวลา มีการพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพร้อมอพยพออกมาได้ทุกเวลา การอพยพครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ขณะนี้กังวลหากมีการปะทะรอบที่ 2 จะหนักกว่าเดิม เพราะมีข่าวว่า กัมพูชา มีการเตรียมอาวุธมามากกว่าครั้งแรก
.
ด้าน นาย
รัฐปกร สุขทวีดำรง ปลัดอำเภอน้ำยืนกล่าวว่า สำหรับประชาชนที่อพยพออกไปอาจมาจากความวิตกกังวล แต่ยอมรับว่า อำเภอได้มีการเตือนให้ประชาชนมีความพร้อม แต่อย่าตระหนก ส่วนการอพยพอำเภอยังไม่มีการสั่งให้ออกจากพื้นที่ มีแต่แจ้งให้ประชาชนมีการเตรียมความพร้อมสามารถอพยพได้ทันที่ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง
.
จึงขอให้ประชาชนรอคำสั่ง หรือตรวจสอบจากเพจของกองทัพ หรือทางอำเภอ ซึ่งจะแจ้งหากต้องมีการอพยพ ส่วนที่อพยพไปแล้วก็มีทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปดูแล
.
.
ปชน. น้อมรับข้อท้วงติง ยกการอภิปราย “สส.ฉัตร” บัญชีวัดต้องโปร่งใสป้องกันทุจริต
https://www.thairath.co.th/news/politic/2877163
.
พรรคประชาชน น้อมรับข้อท้วงติง “สส.นนท์” อภิปรายงบประมาณสำนักพุทธฯ กระเทือนความรู้สึกต่อความเชื่อ พร้อมยกการอภิปราย “สส.ฉัตร” ชูหลักการสำคัญ บัญชีวัดต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ป้องกันการทุจริต
.
เมื่อเวลา 17.51 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่าน
https://www.facebook.com/PPLEThai/posts/pfbid02JR3TuVYFUn1hQKfF4ewv3ZM4GNVN9Qir2P3NtYv9pUzUN7NezBRk7gr2sZSmDDPTl เฟซบุ๊ก สืบเนื่องจากการอภิปราย
ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดย สส.พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับ
งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งปรากฏข้อความบางช่วงที่อาจกระทบกระเทือนความรู้สึกต่อความเชื่อและสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของผู้คน พรรคประชาชนขอน้อมรับข้อท้วงติง โดย สส.ผู้อภิปราย (นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี) ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชนสำหรับข้อความดังกล่าวแล้ว.
พรรคประชาชน ระบุต่อไปว่า หลักการสำคัญที่พรรคยึดถือต่อการใช้งบประมาณของสำนักพุทธฯ คือการปรับปรุงระเบียบและแนวทางให้การเงินของวัดโปร่งใสเพื่อป้องกันการทุจริต ปกป้องเงินบริจาค และรักษาศรัทธาอันดีของศาสนิกชน รวมถึงการตรวจสอบงบประมาณของทุกหน่วยงานว่าถูกจัดลำดับความสำคัญและจัดสรรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยหนึ่งในผู้อภิปรายคือ นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึงงบประมาณของสำนักพุทธฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ในตอนหนึ่งว่า
.
งบประมาณการบูรณะวัดทั่วประเทศปีนี้ (ปี 2569) พศ. ขอมาจำนวน 709 ล้านบาท 546 รายการ นายฉัตร ให้ข้อเสนอแนะว่าในอดีตเคยเกิดคดีเงินทอนวัด หรือการทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้แก่วัด การใช้งบฯ ส่วนนี้จึงต้องมีความระมัดระวังและรัดกุมรอบคอบขึ้น ควรหาแนวทางกระจายงบประมาณให้ทั่วถึงกว่านี้ ไม่กระจุกตัวอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเป็นพิเศษ ในระยะยาวภาครัฐควรเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนและส่งเสริมคณะสงฆ์ให้สามารถบริหารจัดการการบูรณะวัดได้ด้วยตนเอง จะทำให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า
.
.
.
แอตต้า รับหลายปัจจัยลบฉุดมู้ดท่องเที่ยว หวังไฮซีซั่น 3 เดือนสุดท้ายฟื้นตัวแตะ 3 ล้านคน
https://www.matichon.co.th/economy/news_5327188
.
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวไทย ณ เวลานี้ต้องบอกว่า เหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชา ที่ยังไม่สงบอย่างแท้จริง และกรณีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ถูกจุดไฟเผาในไทยนั้น มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเข้ามาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติแน่นอน แต่ในตลาดระยะไกล โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เดือนตุลาคมเป็นต้นไป อาทิ ตลาดตะวันออกกลาง ยังมีแนวโน้มดีอยู่ แต่ตลาดระยะใกล้ที่มีสัดส่วนมากกว่า และมีความอ่อนไหวมากกว่า อาทิ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ที่ใช้ภาษาจีนในการสื่อสาร รวมถึงอาเซียน ตลาดเหล่านี้ถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า ประเมินทั้งปี 2568 น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยอยู่ประมาณ 34-35 ล้านคน ตลาดจีนก็น่าจะยืนหยัดอยู่ที่ 5 ล้านคน หลังจากเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เป็นต้นมา ตัวเลขรายวันของตลาดจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยเริ่มปรับดีขึ้น แม้มีผลกระทบจากคลิปนักมวยไทยทำร้ายนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ แต่ด้านตัวเลขตอนนี้เรามองว่าเลยจุดต่ำสุดมาแล้ว จึงไม่น่าที่จะตกต่ำมากกว่านี้แล้ว ฉะนั้นจำนวน 5 ล้านคนในปีนี้น่าจะเป็นไปได้อยู่ เพราะหากเทียบกับช่วงไฮซีซั่น 3 เดือนสุดท้ายของปี (ตุลาคม-ธันวาคม) จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเฉลี่ยประมาณ 2.5-3 ล้านคนต่อเดือน แม้ยังกลับไปไม่เท่าปี 2562 ก่อนเกิดโควิด ที่มีเข้ามาประมาณ 3.2 ล้านคนต่อเดือน แต่เชื่อว่าจะมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้นตามช่วงฤดูกาล
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า การทำตลาดในตอนนี้ การเข้าไปกระตุ้นผ่านโครงการหรือแคมเปญต่างๆ ก็ทำกันมาอย่างต่อเนื่องแล้วทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การลบภาพข่าวเชิงลบ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น จะทำอย่างไรให้ภาพไม่แพร่สะพัดออกไปในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางเหมือนที่ผ่านมา เพราะประเด็นเรื่องความไม่เชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประเทศไทย เริ่มต้นมาจากภาพเชิงลบที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่เราควรจะทำอย่างแรกคือ ทำอย่างไรให้ข่าวภาพลบรายวันที่เกิดขึ้นลดลงให้น้อยที่สุด และจำกัดอยู่ในวงแคบที่สุด เพราะจากที่เดินทางไปหลายประเทศ อาทิ จีน คุยกับผู้ประกอบการพบว่า ในจีนก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวกรณีเชิงลบต่างๆ หลายประเทศก็มีเช่นกัน แต่สามารถแก้ไขอย่างรวดเร็วและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด จนไม่เกิดการบานปลายไปอยู่ในข่าวเชิงลบ หรือเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ได้
.
“อย่างที่รัฐบาลจีนพูดว่า เขาไม่ได้ดูดุลการค้าหรือเสียเปรียบนักท่องเที่ยวจำนวนมากน้อยเท่าใด แต่สิ่งที่ต้องการมี 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องความปลอดภัย 2.คุณภาพการบริการที่นักท่องเที่ยวควรได้รับ หมายถึงเมื่อนักท่องเที่ยวจากประเทศเขาเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว ต้องได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงได้รับความยุติธรรม หรือความซื่อสัตย์ในการให้บริการจากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้มีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ ตอนนี้จึงมองว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเน้นทำในบ้านเราให้ดีที่สุด เพื่อให้เรายืนยันกับต่างชาติได้ว่าประเทศไทยปลอดภัยจริงๆ และนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีกลับไปบอกต่อ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ที่เห็นผลชัดเจนที่สุด” นายอดิษฐ์ กล่าว
JJNY : 5in1 8 ชาติลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริง│ชาวบ้านผวา│ปชน.น้อมรับข้อท้วงติง│แอตต้ารับหลายปัจจัยลบ│ยุโรปยืนหยัดข้างเซเลนสกี
.
ชาวบ้านผวา หวั่นเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย รอบ 2 รีบย้ายออกพ้นหมู่บ้าน ซุกศูนย์อพยพ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9897133
.
อุบลราชธานี ชาวบ้านผวาข่าวลือ หวั่นเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา รอบ 2 เร่งขนของย้ายเผ่นพ้นหมู่บ้าน 80 เปอร์เซ็นต์ รีบหนีซุกศูนย์อพยพฯ ทางการเตือนอย่าตระหนก-แจ้งเตรียมพร้อม
.
17 ส.ค. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านคำระหง และอีกหลายหมู่บ้าน ในพื้นที่ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ผวากับข่าวลือ จะเกิดการปะทะกันรอบ 2 พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเร่งเก็บข้าวของไว้เตรียมพร้อมอพยพ หากเกิดการปะทะรอบ 2 ได้หนีทัน แต่อีกส่วนโดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ได้พากันอพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพเดิม ที่อำเภอเดชอุดมแล้ว
.
นางวาริน พลยามี อายุ 48 ปี ชาวบ้านคำระหง ที่ยังไม่อพยพ กล่าวว่า มีการประกาศแจ้งข่าวจากทางราชการให้ชาวบ้านมีการเตรียมความพร้อมในการอพยพเอาไว้ แต่ยังไม่มีคำสั่งในการอพยพแต่อย่างใด แต่ทางชาวบ้านมีอาการผวากับคำเตือน ทางผู้นำชุมชนจึงได้มีการเคลื่อนย้ายผู้กลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิง เพื่อความปลอดภัย เพราะหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบจะลำบากในการเคลื่อนย้าย ทำให้ปัจจุบันในหมู่บ้านมีคนอพยพไปแล้วประมาณร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือก็อยู่เฝ้าดูแลทรัพย์สิน
.
ด้าน นายทินวุฒิ ไชยภักดิ์ ชาวบ้านที่อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพวัดบ้านนากระแซง ต.นากระแซง อ.เดชอุดม กล่าวว่า หมู่บ้านตั้งอยู่ติดชายแดนตรงข้ามกับช่องอานม้า ไม่กล้าอยู่บ้าน โดยมีผู้อพยพออกมาบางส่วน และก็บางคนก็ยังอยู่ แต่ก็มีการเตรียมพร้อมตลอดเวลา มีการพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพร้อมอพยพออกมาได้ทุกเวลา การอพยพครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ขณะนี้กังวลหากมีการปะทะรอบที่ 2 จะหนักกว่าเดิม เพราะมีข่าวว่า กัมพูชา มีการเตรียมอาวุธมามากกว่าครั้งแรก
.
ด้าน นายรัฐปกร สุขทวีดำรง ปลัดอำเภอน้ำยืนกล่าวว่า สำหรับประชาชนที่อพยพออกไปอาจมาจากความวิตกกังวล แต่ยอมรับว่า อำเภอได้มีการเตือนให้ประชาชนมีความพร้อม แต่อย่าตระหนก ส่วนการอพยพอำเภอยังไม่มีการสั่งให้ออกจากพื้นที่ มีแต่แจ้งให้ประชาชนมีการเตรียมความพร้อมสามารถอพยพได้ทันที่ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง
.
จึงขอให้ประชาชนรอคำสั่ง หรือตรวจสอบจากเพจของกองทัพ หรือทางอำเภอ ซึ่งจะแจ้งหากต้องมีการอพยพ ส่วนที่อพยพไปแล้วก็มีทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปดูแล
.
.
ปชน. น้อมรับข้อท้วงติง ยกการอภิปราย “สส.ฉัตร” บัญชีวัดต้องโปร่งใสป้องกันทุจริต
https://www.thairath.co.th/news/politic/2877163
.
.
แอตต้า รับหลายปัจจัยลบฉุดมู้ดท่องเที่ยว หวังไฮซีซั่น 3 เดือนสุดท้ายฟื้นตัวแตะ 3 ล้านคน
https://www.matichon.co.th/economy/news_5327188
.