ก่อนหน้านี้เราได้รับการดูแลจากที่บ้านมาดีตลอด พอเราเรียนจบทำงาน เขาเริ่มเปิดใจคุยว่าเขามีหนี้ตอนแรกกเราก็ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ พอออกมาทำงานเราก็มาอยู่คนเดียว ใช้เงินเดือนของเราในแต่ละเดือน ไม่ได้ขอจากที่บ้านอีก เราแค่คิดว่าขอแค่เราไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวก็พอ ผ่านมาสักพักเขาเริ่มให้เรากู้เงินให้ ด้วยความที่เราทำงานมันสามารถกู้ได้ เริ่มยืมเงินเราบ้าง ตอนแรกๆเราก็มองว่าเออช่วยเหลือกันได้ จนบางเดือนเงินเดือนเราไม่พอใช้ ต้องไปยืมแฟนบ้าง พอเราทำให้1ครั้ง ครั้งต่อๆมาเขาก็ให้ทำให้อีกเรื่อยๆ ด้วยความที่เราใจอ่อนก็ทำให้ แล้วที่กู้มาก็เป็นเราที่จ่ายหนี้ให้ มีบ้างที่เขาช่วยจ่ายให้ช่วง1-2เดือนแรก จนหลังๆเขาผลัดวันไปเรื่อยๆ พอเงินเดือนเราออกเราก็ไปจ่าย เราเริ่มรู้สึกว่ารายจ่ายเรามากเกิน เลยย้ายงานที่ได้เงินมากขึ้น ก็มีแค่ช่วงย้ายงานแรกๆที่เขาไม่มายุ่ง พอทำไปสักพักเขาก็ให้เรากู้อีกเรื่อยๆ จนตอนนี้หนี้ที่เป็นชื่อเราประมาณ 1แสนบาท แต่เรากฌยอมรับว่าเราเป็นคนใจอ่อนทำให้เอง หลังๆมาเราเริ่มปฏิเสธเพราะเรารู้สึกว่าเราก็จ่ายไม่ไหวแล้ว แล้วเขาก็ไม่เคยทำตามที่พูดเลยว่าจะจ่ายให้ หรือเงินที่ยืมไปก็คืนบ้างไม่คืนบ้าง จนตอนนี้เราได้บรรจุข้าราชการ เขาก็ภูมิใจมาก พอเงินเดือนก้อนแรกออกเขาก็ขอยืม ทำงานผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มพูดเรื่องกู้เงินเหมือนเดิม บอกว่าเป็นราชการกู้ได้เยอะ กู้แล้วเขาจะปิดยอดหนี้อื่นๆให้ เขาต้องการเงินไปลงทุนทำอาชีพ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไปกู้ทั้งในระบบ/นอกระบบ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น รอบนี้ฉันปฏิเสธเพราะฉันไม่เชื่อคำพูดเขาอีกแล้ว และมันก็จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่กว่าเดิม ถ้าให้ฉันผ่อนเองเหมือนเดิมคงไม่ไหว พอปฏิเสธเขาก็ว่าฉันมากมาย เช่น ฉันใจดำ ไม่ช่วย จะอยู่คนเดียวใช่ไหม เป็นต้น แล้วเรื่องนี้ถูกพูดคุยกันมาเป็นเดือนแล้วยังไม่จบ ฉันปฏิเสธและให้เหตุผลพร้อมทางออกอื่นๆที่เสนอไป และเสนอทางช่วยที่ฉันพอจะช่วยได้และโอเค ตอนนี้เครียดมากคิอยากรู้ว่าเพื่อนๆในนี้จะเกิดสถานการณ์แบบนี้จะทำยังไงกันบ้างคะ เรารู้สึกถูกกดดันมากๆ
จะจัดการกับปัญหาครอบครัวยังไง