💥 สื่อกัมพูชาขู่ “สวีเดน” อาจสูญเสียชื่อประเทศที่ส่งเสริมสันติภาพ หากขายเครื่องบินกริพเพนเพิ่มให้ไทย

สื่อกัมพูชาตีบทความขู่ “สวีเดน” อาจสูญเสียชื่อเสียง ในฐานะประเทศที่ส่งเสริมสันติภาพ หากขาย “เครื่องบินกริพเพน” เพิ่มให้กับไทย พร้อมอ้างว่าจะนำมาใช้เพื่อรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา


ในรายงานเว็บไซต์ข่าวกัมปูเจียทะแมย์เดลี่ (Kampuchea Thmey Daily) ของกัมพูชา ระบุว่า สวีเดนเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงที่ดีมากในภูมิภาคยุโรป ในด้านการส่งเสริมสันติภาพและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านนโยบายต่างประเทศและการสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย

อย่างไรก็ดี สวีเดนอาจสูญเสียชื่อเสียงในฐานะ ประเทศที่มีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงออก และเป็นประเทศที่น่าชื่นชมในเวทีระหว่างประเทศอื่นๆ หากยังคงเดินหน้าขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน E/F รุ่นใหม่ให้กับประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา

ในช่วงความขัดแย้งทางอาวุธที่กินเวลานาน 5 วัน 5 คืน ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 28 สิงหาคม สื่อไทยได้รายงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ากองทัพไทยได้ใช้เครื่องบินขับไล่กริพเพน C/D ที่ซื้อจากสวีเดนในปี 2554 ในปฏิบัติการทางทหารควบคู่ไปกับเครื่องบินขับไล่ F-16

สื่อกัมพูชาอ้างว่ากองทัพไทยได้โจมตีวัดวาอาราม, ปราสาท, บ้านเรือน และสังหารพลเรือนไปมากมาย ด้วยเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัย ซึ่งมีความเร็วเหนือเสียงและมีประสิทธิภาพสูงในการทิ้งระเบิด

และเพื่อพยายามบั่นทอนกำลังใจของกองทัพและประชาชนกัมพูชา สื่อไทยได้ประโคมข่าวอ้างถึงการใช้งานเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยอย่างมีประสิทธิภาพของกองทัพไทย แต่ประเทศไทยเองอาจต้องเผชิญกับข้อหา "อาชญากรรมสงคราม" หากกัมพูชาและประชาคมระหว่างประเทศยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หลังการสู้รบสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ สวีเดนได้ขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน C/D ให้กับไทยในปี 2551 และนำเข้ามาประการในปี 2554 ปัจจุบัน ประเทศไทยมีเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D จำนวน 11 ลำ และกำลังวางแผนที่จะซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่ Gripen E/F

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัติอย่างเป็นทางการให้จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ซาบ ยาส 39 กริเพน อี/เอฟ (Saab JAS 39 Gripen E/F) จำนวน 4 ลำจากสวีเดน มูลค่า 19,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่กริพเพนนอกเหนือจากกริกเพน C/D ที่มีอยู่ 11 ลำ ซึ่งตามรายงานของสื่อไทย ประเทศไทยมีแผนนำเข้าเครื่องบินกริพเพน E/F จำนวน 12 ลำภายในปี พ.ศ. 2572

สื่อกัมพูชายังขู่ว่า ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยอาจต้องเผชิญกับข้อหา "อาชญากรรมสงคราม" จากการสั่งการให้ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 และ Gripen C/D โจมตีแหล่งวัฒนธรรมและพลเรือน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ถูกห้ามอย่างเด็ดขาดในการสู้รบ

กัมพูชาอาจนำประเทศไทยขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีการโจมตีทางอากาศของไทยโดยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ของสหรัฐฯ และ Gripen ที่ซื้อจากสวีเดน

สื่อกัมพูชาบอกว่า การใช้เครื่องบินเพื่อการป้องกันตนเองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรุกรานนั้น "ผิดกฎหมาย" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้กับเป้าหมายที่เป็นพลเรือน, โรงพยาบาล หรือแหล่งวัฒนธรรม ซึ่งการโจมตีสถานที่เหล่านี้ถือเป็น "อาชญากรรมสงคราม"

ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นบนเพจทางการของสถานทูตสวีเดนในกรุงเทพฯ ด้วยข้อความสะเทือนใจว่า "ก่อนจะขายอาวุธให้ไทย โปรดจำไว้ว่ามันอาจคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์... โปรดคิดถึงมนุษยธรรม"

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียอีกรายหนึ่ง เขียนว่า สวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องมาช้านานในเรื่องความมุ่งมั่นต่อสันติภาพ, ความเป็นกลาง และการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควรจะต้องสะท้อนจุดยืนเหล่านี้ผ่านการดำเนินนโยบายในภาพรวมด้วย เขากล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่สวีเดนยังคงเดินหน้าขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน ให้กับประเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่