JJNY : ศก.ไม่สดใสสกัดไทยหนีเที่ยวนอก│เศรษฐกิจซบ เดือดร้อนยัน "กบ"│นักวิชาการป้อง หมอสุภัทร│“ฟ้ารั่ว”ในเอเชียใต้ ตายเพิ่ม

ศก.ไม่สดใสสกัดไทยหนีเที่ยวนอก แต่ไม่เดือดร้อนคนรวยตะลุยจีนดันแชมป์ที่ 1 ในใจ
.
.
ศก.ไม่สดใสสกัดไทยหนีเที่ยวนอก แต่ไม่เดือดร้อนคนรวยตะลุยจีนดันแชมป์ที่ 1 ในใจ
.
นายโชติช่วง ศูรางกูร อุปนายกสมาคมสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคนไทยเที่ยวนอกในปี 2568 คาดว่าจะมีประมาณ 10 ล้านคน เทียบเท่าปี 2567 ที่ผ่านมา ถือว่าไม่ได้เติบโตมากนัก แม้เห็นคนไทยออกเที่ยวประเทศจีนมากขึ้นแบบร้อนแรง แต่เป็นการเปลี่ยนจากประเทศอื่น อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง ถูกดึงตลาดเปลี่ยนไปจีนแทน ซึ่งประเทศจีนมีขนาดใหญ่ ทำให้มีเส้นทางใหม่ๆ ที่เดินทางไปท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ตลอด อาทิ เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฮาร์บิน และมีราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกัน ทำให้แนวโน้มคนไทยไปเที่ยวจีนเติบโตขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ดีมากนัก ทำให้ตลาดไทยเที่ยวนอกไม่ได้โตกว่าปีที่ผ่านมา อาทิ ลูกค้ากลุ่มองค์กรของบริษัทเองก็มีหลายรายที่เลื่อนการเดินทาง หรือตัดงบการเดินทางออกไปเลย
.
นายโชติช่วง กล่าวว่า พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยในปัจจุบันค่อนข้างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าว่าเป็นครอบครัว หรือองค์กร เพราะเวลามีไม่เท่ากัน จึงเที่ยวจำนวนวันสั้นหรือยาวไม่เท่ากัน แต่เห็นแนวโน้มของคนที่เดินทางสั้นลง โดยเฉพาะกลุ่มองค์กร เพื่อบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ลูกค้ากลุ่มครอบครัวยังเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูงในการใช้จ่าย จึงไม่มีปัญหาในเรื่องการใช้จ่าย รวมถึงมีทางเลือกมากขึ้น ในเส้นทางที่หลากหลายมากขึ้น เพราะเที่ยวบินกลับมามากกว่าเดิม และมีราคาลดลงจากที่เคยสูงช่วงโควิดที่ผ่านมา
.
บริษัทมีลูกค้าองค์กรสัดส่วนประมาณ 70% ซึ่งเห็นแนวโน้มการขอเลื่อนหรือยกเลิกทริปจากแผนที่วางไว้มากขึ้น และมีการลดจำนวนเพื่อลดค่าใช้จ่ายลงจากเดิมมากขึ้น ความจริงปี 2567 ก็มีเลื่อนกันบ้าง แต่ไม่ได้เยอะมากเท่าปีนี้ เพราะการเลื่อนแต่ละครั้ง เนื่องจากลูกค้าเป็นกรุ๊ปใหญ่ หากมีการเลื่อนการเดินทางก็ส่งผลกระทบหลายจุด ซึ่งปกติเราจะพยายามช่วยลูกค้า หากมีค่าใช้จ่ายอะไรที่เก็บไว้ได้ก็จะเก็บไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเก็บได้จริงๆ อาทิ ค่าตั๋วเครื่องบิน หากมัดจำการจองไปแล้วก็ต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป” นายโชติช่วง กล่าว
.
นายโชติช่วง กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางเอง (เอฟไอที) ช่วงหยุดยาวที่ผ่านมาเห็นแนวโน้มการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงหยุดยาวปลายปีนี้ เพราะอย่างที่บอกว่า ตอนนี้ตลาดจีนมาแรง ราคาถูก สามารถเดินทางไปเที่ยวเองได้ง่าย เทียบกับญี่ปุ่นที่ตอนนี้ตั๋วเครื่องบินราคาค่อนข้างสูง ขั้นต่ำประมาณ 20,000 บาท แต่จีนยังอยู่ประมาณ 10,000 บาทต้นๆ และใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า โดยคาดว่าเดือนตุลาคมนี้ คนไทยจะออกไปเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง เพราะเป็นช่วงพีกของจีนที่มีความสวยงามมากที่สุด และกลุ่มครอบครัว ก็เป็นช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอมด้วย จึงถือเป็นปลายทางที่ดึงดูดคนไทยสูงมาก
.

.
เศรษฐกิจซบ เดือดร้อนยัน "กบ" จ.ชัยนาท
.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ไปดูปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงกบ ที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ของ ธ.ก.ส. เพื่อสร้างรายได้ แต่กลับประสบปัญหาขายไม่ได้ 
.
ที่เห็นคือกบที่โตเต็มที่พร้อมขาย ตอนนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงกบ เดือดร้อนหนัก เพราะกบสามารถจับขายได้แล้ว แต่ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าอาหารกบเอง ราคากระสอบละ 600-700 บาท ที่เลี้ยงได้เพียง 5-6 วัน ทำให้เสี่ยงขาดทุนแม้จะขายหมด 
.
นายสุเมธ มักเกิด ตัวแทนเกษตรกร บอกว่า พอเข้าโครงการ ธ.ก.ส. ร่วมกับประมงจังหวัด ก็ได้รับพันธุ์กบ 1,200 ตัว กระชัง 2 ชุด และอาหารกบ แต่ปัญหาเกิดจากเลี้ยงพร้อมกันจำนวนมาก ขายไม่ออก วอนให้ภาครัฐเร่งหาผู้รับซื้อโดยเร็ว พร้อมยอมลดราคา หากมีผู้เหมาซื้อทั้งกระชัง เพื่อระบายให้หมด ราคาขาย 70 บาทต่อกิโลกรัม แต่ยินดีขายเหมา ขายไม่ได้ต้องซื้ออาหารให้เรื่อย ๆ รอคนมาซื้อ ตอนร่วมโครงการบอกว่าเลี้ยงแล้วจะมีคนมารับซื้อ แต่พอกบโตก็เงียบไป
.
ขณะที่ พาณิชย์จังหวัดชัยนาท ก็ได้มารับเรื่องร้องเรียน พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนอุดหนุนกบคุณภาพดี 
.
ใครที่สนใจกบเลี้ยงคุณภาพดี ติดต่อที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยนาท โทร. 056-412-507 หรือ 061-564-9328
.

.
นักวิชาการป้อง หมอสุภัทร ปมถูกให้ออกจากราชการ วอน สมศักดิ์ ทบทวน
https://www.matichon.co.th/local/news_5326744
.
นักวิชาการป้อง หมอสุภัทร ปมถูกให้ออกจากราชการ วอน สมศักดิ์ ทบทวน
.
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีข่าว นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) สะบ้าย้อย จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ถูกให้ออกจากราชการ ว่า ตอนสถานการณ์เกิดโควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) หนักหน่วงมากชุมชนที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลทำงานคนในชุมชนติดโควิดมายชุมชน และมีคนเสียชีวิต รายวันจำนวนมาก หลายคนต้องออกจากบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองติดโควิดหรือไม่ เพราะไม่มีการตรวจ ATK ที่ขาดแคลน และราคาแพงมาก มูลนิธิฯ พยายามช่วยแต่ก็หา ATK ไม่ได้ และระบบสาธารณสุขใน กทม. ก็ยังตั้งหลักไม่ได้ ช่วยชาวบ้านไม่ได้ จนมีโครงของได้แพทย์ชนบท ที่เข้ามา กทม. ถึง 3 ครั้ง
.
โดยมีหมอสุภัทร เป็นแกนนำ ร่วมกับแพทย์ชนบทท่านอื่นๆ จากทั่วประเทศมาช่วยตรวจโควิดให้ชาวบ้านได้ทั่วถึง และมีการรักษาชาวบ้านในชุมชนได้มาก มีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวที่เข้าใจง่าย ลดความตื่นกลัวหวาดระแวง อัตราการเสียชีวิตก็เริ่มลดลง และชาวบ้านตั้งหลักในการแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ ภารกิจทางมนุษยธรรมที่หมอสุภัทรกับทีมช่วยชาวบ้าน กทม.ไว้ได้ทัน แต่ทำไมต้องมาถูกไล่บีบแบบนี้ ทั้งๆ ที่หมอสุภัทรได้เป็นตัวแทนของกระทรวงสาธรณสุข ช่วยชีวิตชาวบ้านที่เป็นภาระกิจต้องทำอยู่แล้ว นึกไม่ถึงที่ข้าราชการที่เป็นผู้บริหารกระทรวงถึงไม่เข้าใจชีวิตของชาวบ้าน ที่กำลังเผชิญกับความตายในตอนนั้น กลับจะมาเล่นงานปลดหมอสุภัทรออกถือว่าเป็นการทำร้ายจิตชาวบ้านที่เผชิญความเป็นความตายอย่างโดดเดี่ยว“ นายจะเด็จ กล่าว
.
รศ.บุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่า กระทรวงสาธารณสุข จะให้หมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ อดีต ผอ.รพ.จะนะ ที่ถูกย้ายไปเป็น ผอ.รพ.สะบ้าย้อย ออกจากราชการ หมอสุภัทร อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่มีบทบาททักท้วงนโยบายสาธารณะที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ชมรมแพทย์ชนบทนำตรวจคนในชุมนุมด้วยเครื่องมือ ATK เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกมาให้เร็วที่สุด ถ้าใครยังจำกันได้ ช่วงนั้นอย่าว่าแต่การได้ยาบรรเทาอาการ แค่ได้คิวตรวจยังรอนานมาก การเข้ามาบุกกรุงของแพทย์ชนบท ก็เพื่อให้ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในเมืองหลวง หากสกัดล้อมวงการแพร่กระจายที่กรุงเทพฯได้ การกระจายไปที่จังหวัดอื่น ก็จะน้อยลง นึกไม่ถึงว่า หมอที่ลงแรงเพื่อสังคมขนาดนี้จะถูกให้ออกจากราชการ หมอสุภัทร ควรเป็นนายแพทย์ที่ได้รับรางวัลได้รับการยกย่อง เป็นความภาคภูมิใจของกระทรวงสาธารณสุขที่ มีหมอทำงานหนัก เพื่อสังคม ความจริงชมรมแพทย์ชนบท ก็ได้รับรางวัลจากต่างประเทศ แต่นึกไม่ถึงว่า อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบทกำลังจะถูกพิจารณาให้ออกจากราชการ
.
ด้านนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ในช่วงแรกๆ ถึงช่วงกลางของการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นช่วงความเป็นความตายจริงๆ ท่ามกลางความกลัว และหวาดระแวงโดยเฉพาะในชุมชนของพวกเราใน กทม. ที่มีคนติด คนป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก ท่ามกลางความหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้นการมาของแพทย์ชนบทในตอนนั้น นอกจากช่วยคัดกรองคนติดคนป่วยได้ชัดเจนแล้ว ยังช่วยสร้างขวัญและกำลังใจของชาวบ้านได้อย่างมากๆ เราในส่วนของภาคประชาสังคมเองก็มั่นใจมากขึ้นในการออกไปทำงานช่วยเหลือคนติดคนป่วยในตอนนั้น แต่ละองค์กรก็กลับมาออกแบบการทำงานและวิถีชีวิตกันใหม่ให้ออกไปช่วยชาวบ้านได้อย่างมีองค์ความรู้
.
เราต้องไม่ลืมบรรยากาศในตอนนั้น ที่มีความตายอยู่ตรงหน้ากับกฎระเบียบ วินัย ข้อบังคับ ภายใต้สถานการณ์พิเศษแบบนั้น มันควรต้องเอาชีวิตมนุษย์เป็นสำคัญมิใช่หรือ หากการให้ออกจากราชการของหมอสุภัทรเกิดขึ้นจริง มันจะทำให้เราจะเหลือแต่ราชการเพลย์เซฟ อยู่เป็น เอาตัวรอด และคนที่จะทำเพื่อความถูกต้องในการรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ในสถานการณ์พิเศษแบบนี้จะไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยง เพราะผลที่ตอบแทนกับมาคือการถูกเล่นงานจากอำนาจเหนือที่ไม่พอใจ ส่วนตัวยังหวังว่ากระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ปลัดกระทรวงคนใหม่ รัฐมนตรีคนปัจจุบัน จะทบทวนไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น คนที่ทำงานเคียงข้างประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างหมอสุภัทร ต้องได้รับการปกป้อง และเร็วๆ นี้หากไม่มีการทบทวน ภาคประชาสังคมคงต้องรวมตัว แสดงจุดยืนที่ถูกต้องต่อกระทรวงสาธารณสุข
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่