ใบสั่งจราจรแบบใหม่ เริ่มใช้ 4 ส.ค.68 ขั้นตอนจ่ายค่าปรับออนไลน์

ใบสั่งจราจรมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

ปรับเปลี่ยนใบสั่งจราจรเพื่อสอดคล้องกับกฎหมายความผิดทางพินัย ที่หากไม่ชำระค่าปรับตามกำหนด เจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องให้อัยการและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่จะไม่ถูกจำคุก หรือกักขังแทนค่าปรับเหมือนความผิดทางอาญาในอดีต

ใบสั่งจราจรแบบใหม่ มีดังนี้
1. ใบสั่งส่งทางไปรษณีย์: ใบสั่งแบบนี้ใช้เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้ใบสั่งกับผู้ขับขี่ได้ทันที เช่น การตรวจจับด้วยกล้องวงจรปิด โดยใบสั่งจะถูกส่งไปยังที่อยู่ตามทะเบียนรถ ซึ่งในใบสั่งจะมีการระบุรายละเอียดความผิดและค่าปรับชัดเจน
2. ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket): เป็นใบสั่งรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยที่สุด เจ้าหน้าที่จะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกใบสั่ง ข้อมูลจะถูกบันทึกเข้าระบบทันทีและสามารถส่งให้ผู้กระทำความผิดทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ช่วยลดการใช้กระดาษและเพิ่มความรวดเร็ว
สำหรับรูปภาพของใบสั่งจราจรแบบใหม่นั้น เนื่องจากเป็นรูปแบบที่เพิ่งประกาศใช้ จึงยังไม่มีภาพตัวอย่างอย่างเป็นทางการจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แต่โดยรวมแล้วจะมีข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน เช่น เลขที่ใบสั่ง ชื่อ-ที่อยู่ผู้ทำผิด วันเวลาที่ทำผิด ข้อหา และค่าปรับที่ต้องชำระ พร้อมทั้งมีช่องทางการชำระที่หลากหลายมากขึ้น

วิธีจ่ายค่าใบสั่งแบบใหม่
การชำระค่าปรับจากใบสั่งจราจรแบบใหม่สามารถทำได้หลายช่องทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
จ่ายผ่านระบบออนไลน์:
- เว็บไซต์ e-Payment ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ: เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ptm.police.go.th/ePayment
- แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ แอปฯ เป๋าตัง: สามารถเลือกเมนู "จ่ายบิล" แล้วค้นหา "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" หรือ "ค่าปรับจราจร"
- สแกน QR Code: ในใบสั่งจะมี QR Code ให้สแกนเพื่อชำระค่าปรับผ่าน Mobile Banking ของธนาคารต่างๆ ได้ทันที

จ่ายผ่านช่องทางอื่นๆ:
- ธนาคารกรุงไทย: สามารถนำใบสั่งที่มีแถบบาร์โค้ดไปชำระที่สาขาหรือตู้ ATM ของธนาคารได้
- เคาน์เตอร์เซอร์วิส: ชำระได้ที่ร้านสะดวกซื้อที่มีบริการ
- ตู้บุญเติม, CenPay: ตู้บริการต่างๆ ที่รองรับการชำระค่าปรับ
- ที่ทำการไปรษณีย์: ชำระได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ

ค่าปรับเป็นพินัย คืออะไร
ค่าปรับเป็นพินัย คือมาตรการใหม่ที่ถูกนำมาใช้แทนการปรับทางอาญาสำหรับความผิดบางประเภทที่มีโทษไม่ร้ายแรง เช่น ความผิดทางจราจร ซึ่งหมายความว่าความผิดเหล่านี้จะไม่ถูกจัดเป็นคดีอาญาอีกต่อไป

หัวใจสำคัญของค่าปรับเป็นพินัย คือ:
ไม่เป็นคดีอาญา: การกระทำความผิดจะไม่ถูกบันทึกในประวัติอาชญากรรม
เน้นการชำระค่าปรับ: หากชำระค่าปรับตามกำหนด เรื่องก็จะยุติลง ไม่ต้องเสียเวลาไปขึ้นศาล
มีความยืดหยุ่น: กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาค่าปรับตามความเหมาะสมและฐานะของผู้กระทำผิดได้
หากไม่ชำระค่าปรับตามกำหนด เจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องให้อัยการและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่จะไม่ถูกจำคุกหรือกักขังแทนค่าปรับเหมือนความผิดทางอาญาในอดีต

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : https://www.thairath.co.th/news/society/2875380, ไทยรัฐออนไลน์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่