JJNY : 5in1 ปชน.แนะลดพึ่งส่งออก│“ณัฐชา”อัด“ภูมิธรรม”│กัณวีร์ตั้งคำถามระบบราชการ│เขยชาวดัตช์บุกพบทูตแฉเขมร│SME กระทุ้งรัฐ

ปชน. ชงทำ ‘ตำราวัฒนธรรมอาเซียน’ ทางออกหยุดห้ำหั่น แนะไทยลดพึ่งส่งออก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5326251
.
.
รองหัวหน้าพรรคปชน. ชงทำ ‘ตำราวัฒนธรรมอาเซียน’ ทางออกหยุดห้ำหั่น –  แนะปรับโมเดลพัฒนา ‘ลดพึ่งพาส่งออก’ หวั่นชีวิตคนไทยแขวนบนมหาอำนาจ
.
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เวลา 10.30 น. ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สถาบันปรีดี พนมยงค์ จัดงานเสวนา PRIDI Talks #32 : “อนาคตไทย–อาเซียน: ความร่วมมือเพื่อสันติภาพท่ามกลางระเบียบโลกใหม่” โดยมี รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ กล่าวนำเปิดงานในหัวข้อ “สันติภาพในอาเซียนและไทยภายใต้ระบบพหุขั้วอำนาจ”
.
จากนั้นเข้าสู่ช่วงเสวนา โดยมีวิทยากรได้แก่  รศ.ดร.มารค ตามไท อาจารย์ประจำสาขาวิชาสันติศึกษา ม.พายัพ, ดร.วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน, นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ปรึกษาของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.
ดำเนินรายการโดย อ.ดร.ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.
ในตอนหนึ่ง ดร.วีรยุทธ กล่าวว่า อย่างน้อย ปัญหาหลายๆ ด้าน ที่ไทยกำลังเผชิญ ทั้งภาษีทรัมป์ เศรษฐกิจตกต่ำ หนี้ครัวเรือน มันเกี่ยวกับโมเดลการพัฒนาของเราเอง ซึ่งจะมีส่วนสร้างความรู้สึกเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
.
ถ้าเศรษฐกิจโต ผมเชื่อว่า ความเกลียดชังจะน้อย ถ้าคนลืมตาอ้าปากได้ เราจะสนใจในมิติอื่นๆ  ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม”
.
ดร.วีระยุทธชี้ว่า อย่างเกาหลี ก่อนหน้านี้เป็นซีรีส์ความรักล้วนๆ สิบปีให้หลัง กลายเป็นเห็นความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากเป็นสิ่งตกค้าง ที่มาจากโมเดลการพัฒนาที่ชาตินั้นๆ เลือก ซึ่งต่างจากไต้หวัน ที่ตั้งใจหนุน SME ตั้งแต่แรก
.
“เศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องตัวเลข แต่เราสร้างตัวเลขนั้นๆ ด้วยอะไร แล้วมันจะมีผลข้างเคียง ทางสังคม วัฒนธรรมด้วย ซึ่งของเราเปลี่ยนจากยุคทดแทนการนำเข้า ไปสู่การส่งออก เราเติบโตมาจากยุคนั้นด้วยสิ่งทอ เครื่องนุ่มห่ม เคมีภัณฑ์ จุดเปลี่ยนคือ ยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่มีความพยายามผลักดันของผู้ประกอบการ ที่รู้สึกว่าตลาดภายในเริ่มตีบตันจึงมีการลดค่าเงินบาท ทำให้สินค้ายิ่งถูกลงในสายตาชาวโลก  ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา”
.
ดร.วีระยุทธระบุว่า 70% จีดีพีของเรา มาจากการส่งออกเป็นหลัก ทำให้ดศรษฐกิจของเราไปเชื่อมโยงกับโลกมากขึ้น ชัดเจนช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง กลายเป็นส่งออกเป็นตัวนำ ดังนั้น ประเทศที่ตื่นตัวกับภาษีทรัมป์อย่างมาก คือ เวียดนามกับไทย เพราะพึ่งพาเศรษฐกิจโลกสูงมาก ไทยก็พึ่งพามากขึ้นเรื่อยๆ ขาเข้าจากจีน 26 ขาออกส่งเมกา 20 ดังนั้น เศรษฐกิจเราจึงเหมือนกัน แขวนอยู่ระหว่างเศรษฐกิจจีน และอเมริกาทำให้เราชินกับการเติบโตจากการส่งออกนำ
.
ผมอยากชวนคิด คุณคิดว่า เกาหลี พึ่งการส่งออกเท่าไทยหรือไม่ จีนพึ่งพาการส่งออกเพียง 20% ของไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 60-70% เราอาจจะต้องถึงเวลาทบทวนว่า ถ้าเราพึ่งพาการส่งออกขนาดนี้ ชีวิตคนส่วนใหญ่ไปแขวนกับต่างประเทศเยอะขนาดนี้ ซึ่งเราพูดถึงเรื่องสัดส่วน และพึ่งพาเศรษฐกิจภายในนอก
.
อย่างจีน สมัย 2017 พึ่งพาอเมริกา ในตลาดส่งออกเยอะ เขาตั้งโจทย์ชัดเจนว่า ต้องกระจายฐานการส่งออกใหม่ แล้วเขาทำได้ อันนี้มันมีผลโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นเลือกบริษัทข้ามชาติ ซึ่งเวียดนามเผชิญปัญหานี้เยอะ
.
ถ้าอยากได้งานดีๆ ในเวียดนาม ต้องเดินเข้าหาบริษัทข้ามชาติเท่านั้น ของไทย เราไม่เคยทบทวนจริงจัง ถ้าเจอสภาวะที่มีวิกฤตรอบด้านขนาดนี้ เราต้องกลับมาคิดถึง โมเดลการพัฒนากันใหม่
.
ดร.วีระยุทธยังย้ำอีกด้วยว่า เป็นเรื่องของ ‘สัดส่วน’ ที่อาจต้องเติมเรื่องการแข่งขันเข้าไปด้วน ซึ่งในเชิงนโยบาย พอจะมีทิศทาง โดยไม่กี่วันมานี้ สภาฯ เพิ่งผ่านงบประมาณไป ซึ่งไม่น้อย
.
บริการการแพทย์ของเราดี แต่นำเข้าเยอะมาก ถ้าเป็นประเทศอื่น เขาจะเอาอุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์มาสร้าง เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น เขาจะคิดว่า ทำอย่างไรที่จะลดพึ่งพานำเข้าภายนอก และผลิตภายใน ขณะเดียวกันก็มีการแข่งขันภายใน แต่ตลาดส่งออกก็สำคัญ เทคโนโลยีสำคัญเกิดขึ้นได้ในการแข่งขันระดับโลก” ดร.วีระยุทธกล่าว และว่า
.
เราพึ่งพาการส่งออกเยอะกว่า จีน เกาหลี ญี่ปุ่น มันเป็นไปได้ไง มันไม่ก็สมดุล จะทำให้เราเปราะบางในเศรษฐกิจโลกเกินไป
.
ในช่วงท้าย ดร.วีระยุทธ ยังชวนคิดว่า จะทำอย่างไรให้อาเซียน และโลกเอื้อต่อการสร้างสันติภาพ
1.ควรอ่านโลกาภิวัฒน์แบบเก่า 2.มองชาตินิยมแบบใหม่
.
ช่วงปี 1945-1970 ก่อนเข้าสู่ยุคเสรีนิยมใหม่ มันเป็นโลกาภิวัตน์ที่มีความยืดหยุ่นในตัว ตกลงกรอบกว้างๆ แต่ละประเทศ สามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือของตัวเอง จนกระทั่งมี WHO ที่เข้ามายังคับ บีบความเสรี ซึ่งถ้าเทียบ ยุคนั้นโตดีกว่าหลังยุค 1990 เป็นต้นมาด้วยซ้ำ ไม่ได้มีขาวดำ มันมีรูปแบบให้เลือก
.
2.ชาตินิยม เราจะหาอุดมการณ์มาแทนที่ หรือพยายามนิยามใหม่ ให้คุณค่าเก่า มันสอดคล้องเข้ากับโลกมนุษย์ยุคใหม่ มันจึงมีข้อเสนอในโลกสากลที่เริ่มโยนเข้ามา คือ ควรจะมี liberal nationalism ได้หรือเปล่าคำที่ดูขัดแย้ง
.
กัน คุณจะชื่นชมชาติของคุณ เท่าที่ชื่นชมชาติอื่นๆ ได้หรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้ว ‘ชาติ’ เป็นชุมชนจินตกรรม
.
ผมคิดว่าไทย มีวิวัฒนาการที่ดีกว่าชาติอื่น เช่น เจนเดอร์ ดีกว่าเกาหลี ญี่ปุ่นแน่นอน ดังนั้นในความเป็นคุณค่าของไทย อาจจะเติมความหลากหลายเข้าไปได้หรือเปล่า
.
“ถ้าเรามองไปที่กรอบอาเซียน ก่อนหน้านี้เรื่องการค้าคุยตกลงกันไม่ได้สักที หันมาทำเรื่อง cultural มากขึ้น ตำราเรียนที่เปิดมากกว่านี้ แต่ละชาติเห็นคุณค่าระหว่างกัน เป็นไปได้หรือเปล่า เพิ่มมิติทางวัฒนธรรมเข้าไปในอาเซียนได้ไหม อาจจะเป็นเรื่องที่คุยได้เร็วกว่าฝั่งการค้าหรือเปล่า อย่างน้อยถ้าผู้นำแต่ละชาติมองเห็นภัยคุกคามร่วมกัน ก็น่าจะเป็นไปได้
.
ในบทบาทอาเซียนถ้าเรามองกลับไปหาโลกาภิวัฒน์แบบเก่า แต่ช่วยกันนิยามชาตินิยมแบบใหม่ก็อาจจะเป็นทางออกในการสร้างสันติภาพยุคนี้ได้” ดร.วีระยุทธกล่าว
.

.
“ณัฐชา” อัด “ภูมิธรรม” ไม่ผลักดันเงินอุดหนุนกลุ่มเปราะบาง ซัดพูดแบบทำอีกแบบ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2877003
.
“ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์” ซัด “ภูมิธรรม” ผิดสัญญาเรื่องเงินอุดหนุนกลุ่มเปราะบาง ขอประชาชนจดจำ ครั้งหน้าอย่าเลือกคนพูดแบบทำอีกแบบ เข้าสภาฯ
.
วันที่ 16 ส.ค. 2568 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เคยมีมติเห็นชอบหลักการ 3 ประเด็น 5 ข้อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ได้แก่
.
1. เงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้า 600 บาทต่อเดือน เริ่มปีงบประมาณ 2568
2. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถ้วนหน้า 1,000 บาทต่อเดือน
3. เบี้ยความพิการ 1,000 บาทต่อเดือน
4. ปรับค่าตอบแทนผู้ช่วยคนพิการจากชั่วโมงละ 50 บาทเป็นชั่วโมงละ 100 บาท
5. เงินอุดหนุนสตรีมีครรภ์ 3,000 บาทต่อเดือน สำหรับช่วงเดือนที่ 5–9 ของการตั้งครรภ์
.
มติในเวลานั้นเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาของรัฐบาลต่อสังคม ในการเดินหน้ายกระดับสวัสดิการพื้นฐานให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง
.
นายภูมิธรรมก้าวขึ้นนั่งตำแหน่งรักษาการนายกฯ ตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร ผลักดันนโยบายได้ทันที กลับไม่มีความคืบหน้าหรือความชัดเจนใด ๆ ในการดำเนินการตามมติดังกล่าว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นชัดว่า หน้าอย่างหลังอย่าง พูดแบบทำอีกแบบ ขอให้ประชาชนจดจำไว้ว่าครั้งหน้าเมื่อถึงวันเลือกตั้ง อย่าได้ฝากความหวังหรือเชื่อใจคนที่เคยผิดสัญญาเช่นนี้อีก
.

.
กัณวีร์ ตั้งคำถามระบบราชการ จ่อนำกรณี หมอสุภัทร ถูกให้ออก หารือในสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_5326028
.
กัณวีร์ ตั้งคำถามระบบราชการ จ่อนำกรณี หมอสุภัทร ถูกให้ออก หารือในสภา
.
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม จากกรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย และ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่ากำลังถูกให้ออกจากราชการ ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
.
ล่าสุด นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.พรรคเป็นธรรม ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กกรณีดังกล่าวว่า
.
ถ้าข้าราชการอย่างหมอสุภัทร ถูกให้ออกจากราชการ เราคงต้องตั้งคำถามดังๆ ถึงระบบราชการแล้วล่ะครับ
.
ตั้งแต่ผมเข้าทำงานการเมืองแรกๆ ก่อนจะได้มาเป็น สส. ภาคประชาชนกลุ่มแรกๆ ที่ผมทำงานด้วยน่าจะเป็น เครือข่าวจะนะรักษ์ถิ่น พี่น้องชาว อ.จะนะ จ.สงขลา ที่ต่อสู้คัดค้านการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งที่นั่น ทำให้ผมได้พบกับพี่หมอจุ๊ก หรือ คุณหมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ที่ทำให้ผมทึ่ง และนับถือใจพี่หมอจุ๊ก มาตลอด เพราะไม่คิดว่า จะมีข้าราชการ โดยเฉพาะแพทย์ ที่จะทุ่มเททำงานเพื่อสังคมมายาวนานเหมือนพี่หมอจุ๊ก เพราะถ้าย้อนกลับไปพี่หมอจุ๊ก ก็ทำงานร่วมกับพี่น้องจะนะมาตั้งแต่ยุคโรงไฟฟ้าจะนะ
.
การได้พูดคุย และแลกเปลี่ยนกันหลายครั้ง ทำให้ผมชื่นชมวิธีคิดการทำงานของพี่หมอจุ๊กมาตลอด และทุกครั้งที่ผมลงพื้นที่ อ.จะนะ ก็จะแวะเวียนไปพูดคุยกันเสมอ ตั้งแต่ที่พี่หมอจุ๊กยังอยู่ที่ โรงพยาบาลจะนะ จนกระทั่งย้ายไป รพ.สะบ้าย้อย ล่าสุดผมก็ได้พบกับพี่หมอจุ๊ก ในการไปรับฟังปัญหาเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เรื่องเงิน 20 ล้านบาท
.
ไม่เพียงแต่งานที่ทำกับภาคประชาชน งานในฐานะแพทย์ ในฐานะแพทย์ชนบท ในฐานะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล คงไม่มีใครปฏิเสธว่า หมอสุภัทร ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะข้าราชการที่ดีคนหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงโควิด อย่างที่หมอสุภัทร ชี้แจงถึงการถูกกล่าวหาและตรวจสอบกรณีการจัดซื้อ ATK ในโครงการแพทย์ชนบทบุกกรุง เพื่อไปช่วยแก้ปัญหาโควิดในกรุงเทพมหานคร
.
หากคนอย่างพี่หมอจุ๊ก ถูกให้ออกจากราชการ เราคงต้องตั้งคำถามดังๆ ถึงระบบความเป็นธรรมและความยุติธรรม ในระบบราชการไทย อย่าว่าแต่เพียงจะคุ้มครองข้าราชการไม่ได้แล้ว ยังหมายถึงการไม่สามารถคุ้มครองความเป็นธรรมและความยุติธรรมให้ประชาชนได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่