กองทัพภาคที่ 1 แจงปฏิบัติการชายแดนสระแก้ว ยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรม เน้นปกป้องอธิปไตย-ความปลอดภัย ปชช.

กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ที่ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมการปฏิบัติการชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงวันที่ 24–28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ได้ใช้กำลังโจมตีเป้าหมายทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น บ่อนคาสิโน หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ฝั่งปอยเปต พร้อมยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยยึดตามกฎการปะทะและหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเน้นปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

กองทัพบกได้กำหนดพื้นที่ปฏิบัติการหลักและรองอย่างชัดเจน โดยกองทัพภาคที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่หลัก ส่วนกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังจันทบุรี–ตราดของกองทัพเรือ เป็นพื้นที่ปฏิบัติการรอง ซึ่งการใช้กำลังทุกขั้นตอนเป็นไปตามสายการบังคับบัญชาและความเร่งด่วนในสถานการณ์


สำหรับกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ได้วางแผนและเตรียมการรอบคอบเป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความหนาแน่นของชุมชนทั้งสองประเทศ แตกต่างจากพื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 2 ดังนั้น การปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 1 จึงมุ่งเน้นโจมตีเฉพาะสิ่งปลูกสร้างทางทหารที่รุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยไทยเท่านั้น ไม่มุ่งเป้าไปที่เป้าหมายพลเรือนหรือกิจการเศรษฐกิจ

การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตาม Rules of Engagement (ROE) และสอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law – IHL) เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งสะท้อนถึงความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการปกป้องอธิปไตย และยังเป็นการแสดงออกถึงความพยายามแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงการใช้กำลังทางทหารเพียงมิติเดียว




กองทัพภาคที่ 1 ยังได้เสนอแผนแก้ไขปัญหาพื้นที่ที่มีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ร่วมกับหน่วยงานและองค์กรนานาชาติ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม (Comprehensive Solution) ลดช่องว่างไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปบิดเบือนบนเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่การปิด–เปิดด่านพรมแดน ยังคงเป็นอำนาจสั่งการของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของกองทัพ คือการรักษาอธิปไตยบูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทยทุกคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่