ละคร เป็นรายการหนึ่งในสถานีโทรทัศน์
สถานะคือ daily content ต้องมีทุกวันทุกคืนหลังข่าว
เขาถึงเรียกว่า ละครหลังข่าว
มีระยะเวลาออกอากาศในช่วงเวลา 1 - 2 เดือนในสมัยก่อน
ถ้ามีความนิยมตอนจะเพิ่มขึ้น นักแสดงและทีมงานก็ถ่ายทำไปออกอากาศไป
เพราะโฆษณามันลนจากตอนปกติ และเมื่อต้องทำเรื่องใหม่
เรามักจะได้ละครที่ได้เนื้อหาสถานกาาณ์ทันสมัยเข้ามา
แต่วันนี้การออกอากาศแบบเดิมดูไม่ง่ายที่จะรักษา
ความตลอดรอดฝั่งของแต่ละเรื่อง
บางทีก็ยาวเกินไปถ้ามีวันออกอากาศน้อยฉายเกือบ 3 เดือน
บางทีก็สั้นเกินไปจนจับประเด็นให้ตามเนื้อหาต่อยาก
ยังไม่ร่วมกับความคุ้มทุนที่ทำให้ทุลักทุเล
ทำให้ตอนละครก็น้อยลงกว่าก่อน แต่กลับออกอากาศนานกว่าแต่ก่อน
จะเป็นมันทุกช่องด้วยซ้ำตอนนี้
ความสั่นคลอนมันเริ่มมาเรื่อย ๆ เมื่อละครหลังข่าว
เริ่มถูกท้าทายจาก seasonal content จนกลายเป็นประจำวันช่วงหนึ่ง
และวันนี้คู่แข่งในสถานีโทรทัศนฺไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือข่าวสารหลังข่าว
ที่แต่ละช่องสรรสร้างประเด็นมากมายให้มันเกิดกว่าละครที่ฉายอยู่
ทั้งเนื้อหา ทั้งตัวละครในเหตุการณ์ที่ถ้าได้โบนัส
คุณเตรียมดูละครที่เขาอ้างว่ามันคือความจริงยาวกันทุกวันเป็นาอาทิตย์
เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ มีการทำสปอยนอกรอบเพื่อดึงคนไปดูเรื่องใหม่ในคืนต่อไป
แต่ยุคหลังละครถูกเรียกรวมเป็น ไทยคอนเทนต์
ซึ่งมันกว้างขึ้นกับการรับชมที่ที่หลากหลายทางมากขึ้น
ผ่านเครื่องมือที่ไม่ใช่ในจอทีวีเท่านั้น
ในปัจจุบันการรับชมสิ่งพวกนี้มันไม่เดิมและก็ให้ความบันเทิง
และถูกขยายจากพื้นที่สื่อมาสนับสนุน
กลุ่มหนึ่ง คือ ทำรวมกันเป็นก้อนจบในภาคหรือจบไปเลย
ถ้าเนื้อหาตรึงตราตรึงใจก็จะมีอายุความนิยมยาวที่มีคนสนใจไปพอสมควร
แบบ สืบสันดาน หรือ ปีนี้สงครามส่งด่วน
อีกกลุ่มคอนเทนต์ประจำวันซึ่งมีต้นแบบจากแผ่นดินใหญ่ใกล้ฉัน
ที่ตกลูกค้าละครเดิม ๆ กันไปหลายคน เนื้อหาไม่ได้ต่างจากละครทั่วไป
และไม่ได้ปีนบันไดรับชมแบบซีรีส์เกาหลีที่เนื้อเรื่องหลากหลายที่เข้าถึงยากขึ้น
รวมไปถึงคนในอุตสาหกรรม ดาราไทยก็ยอมรับเป็นลูกค้าเอง
รูปแบบที่มีทุกวัน เนื้อหายิ่งกว่าคลิปสั้น แต่มีจำนวนเป็นร้อย ๆ ตอน
ถ้าอยากดูอีกก็จ่ายมาจะกี่บาทก็ว่าไปตามเงินที่โอนไว
และสามารถขายได้เทียบเท่าทุนซีรีส์เดิมที่จะโดนทางการตรวจสอบ
ก็เลยแปรสภาพเป็นละครคุณธรรรม หรือจะเป็นกะเทยธรรมที่ดูใกล้เคียง
และสามารถสร้างรายได้ตามโมเดลนี้
จึงเป็นคำถามว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เนื้อหาที่หลายคนพยายามอ้างว่าต้องปรับ
แต่ละครวันนี้ไม่ใช่เครื่องบอกเวลา รายการหลังข่าว
คู่ต่อสู้ไม่ได้แค่ในเวลาที่ไม่ใช่ละครแต่ละช่องที่เริ่มผลิตน้อยลง
รวมถึงการรับรู้ไทยคอนเทนต์แบบใหม่ ที่มันเริ่มนิยมมากขึ้น
ที่ไร้รูปแบบทั้งจบในตัว ไม่แคร์เวลา ไม่แคร์จำนวนตอน แถมยังสร้างรายได้ด้วย
จึงกลับมาที่คำถามวิถีรับชมของคอนเทนต์ไทยเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือยัง
แล้วที่ยังทำกันอยู่มันจะพลิกแพลงให้มีทางรอดในสถานการณ์แบบนี้ด้วยวิธีไหน
ปล. การพลิกแพลงตามแต่องค์กรเริ่มมีบ้างแต่จะได้ผลไหมจะนำเสนอในคราวต่อไป
คุณคิดว่าวิถีการรับชมละครหรือไทยคอนเทนต์จะเปลี่ยนไปไหม
สถานะคือ daily content ต้องมีทุกวันทุกคืนหลังข่าว
เขาถึงเรียกว่า ละครหลังข่าว
มีระยะเวลาออกอากาศในช่วงเวลา 1 - 2 เดือนในสมัยก่อน
ถ้ามีความนิยมตอนจะเพิ่มขึ้น นักแสดงและทีมงานก็ถ่ายทำไปออกอากาศไป
เพราะโฆษณามันลนจากตอนปกติ และเมื่อต้องทำเรื่องใหม่
เรามักจะได้ละครที่ได้เนื้อหาสถานกาาณ์ทันสมัยเข้ามา
แต่วันนี้การออกอากาศแบบเดิมดูไม่ง่ายที่จะรักษา
ความตลอดรอดฝั่งของแต่ละเรื่อง
บางทีก็ยาวเกินไปถ้ามีวันออกอากาศน้อยฉายเกือบ 3 เดือน
บางทีก็สั้นเกินไปจนจับประเด็นให้ตามเนื้อหาต่อยาก
ยังไม่ร่วมกับความคุ้มทุนที่ทำให้ทุลักทุเล
ทำให้ตอนละครก็น้อยลงกว่าก่อน แต่กลับออกอากาศนานกว่าแต่ก่อน
จะเป็นมันทุกช่องด้วยซ้ำตอนนี้
ความสั่นคลอนมันเริ่มมาเรื่อย ๆ เมื่อละครหลังข่าว
เริ่มถูกท้าทายจาก seasonal content จนกลายเป็นประจำวันช่วงหนึ่ง
และวันนี้คู่แข่งในสถานีโทรทัศนฺไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือข่าวสารหลังข่าว
ที่แต่ละช่องสรรสร้างประเด็นมากมายให้มันเกิดกว่าละครที่ฉายอยู่
ทั้งเนื้อหา ทั้งตัวละครในเหตุการณ์ที่ถ้าได้โบนัส
คุณเตรียมดูละครที่เขาอ้างว่ามันคือความจริงยาวกันทุกวันเป็นาอาทิตย์
เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ มีการทำสปอยนอกรอบเพื่อดึงคนไปดูเรื่องใหม่ในคืนต่อไป
แต่ยุคหลังละครถูกเรียกรวมเป็น ไทยคอนเทนต์
ซึ่งมันกว้างขึ้นกับการรับชมที่ที่หลากหลายทางมากขึ้น
ผ่านเครื่องมือที่ไม่ใช่ในจอทีวีเท่านั้น
ในปัจจุบันการรับชมสิ่งพวกนี้มันไม่เดิมและก็ให้ความบันเทิง
และถูกขยายจากพื้นที่สื่อมาสนับสนุน
กลุ่มหนึ่ง คือ ทำรวมกันเป็นก้อนจบในภาคหรือจบไปเลย
ถ้าเนื้อหาตรึงตราตรึงใจก็จะมีอายุความนิยมยาวที่มีคนสนใจไปพอสมควร
แบบ สืบสันดาน หรือ ปีนี้สงครามส่งด่วน
อีกกลุ่มคอนเทนต์ประจำวันซึ่งมีต้นแบบจากแผ่นดินใหญ่ใกล้ฉัน
ที่ตกลูกค้าละครเดิม ๆ กันไปหลายคน เนื้อหาไม่ได้ต่างจากละครทั่วไป
และไม่ได้ปีนบันไดรับชมแบบซีรีส์เกาหลีที่เนื้อเรื่องหลากหลายที่เข้าถึงยากขึ้น
รวมไปถึงคนในอุตสาหกรรม ดาราไทยก็ยอมรับเป็นลูกค้าเอง
รูปแบบที่มีทุกวัน เนื้อหายิ่งกว่าคลิปสั้น แต่มีจำนวนเป็นร้อย ๆ ตอน
ถ้าอยากดูอีกก็จ่ายมาจะกี่บาทก็ว่าไปตามเงินที่โอนไว
และสามารถขายได้เทียบเท่าทุนซีรีส์เดิมที่จะโดนทางการตรวจสอบ
ก็เลยแปรสภาพเป็นละครคุณธรรรม หรือจะเป็นกะเทยธรรมที่ดูใกล้เคียง
และสามารถสร้างรายได้ตามโมเดลนี้
จึงเป็นคำถามว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เนื้อหาที่หลายคนพยายามอ้างว่าต้องปรับ
แต่ละครวันนี้ไม่ใช่เครื่องบอกเวลา รายการหลังข่าว
คู่ต่อสู้ไม่ได้แค่ในเวลาที่ไม่ใช่ละครแต่ละช่องที่เริ่มผลิตน้อยลง
รวมถึงการรับรู้ไทยคอนเทนต์แบบใหม่ ที่มันเริ่มนิยมมากขึ้น
ที่ไร้รูปแบบทั้งจบในตัว ไม่แคร์เวลา ไม่แคร์จำนวนตอน แถมยังสร้างรายได้ด้วย
จึงกลับมาที่คำถามวิถีรับชมของคอนเทนต์ไทยเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือยัง
แล้วที่ยังทำกันอยู่มันจะพลิกแพลงให้มีทางรอดในสถานการณ์แบบนี้ด้วยวิธีไหน
ปล. การพลิกแพลงตามแต่องค์กรเริ่มมีบ้างแต่จะได้ผลไหมจะนำเสนอในคราวต่อไป