📱 การตั้งค่า “ใส่รหัสก่อนปิดเครื่อง” (Samsung – Android)
ป้องกันเบื้องต้น ในกรณีมือถือถูกขโมยหรือตกหล่น ไม่ให้คนทั่วไปปิดเครื่องได้ง่าย (ไม่ใช่ 100% กันได้ทุกกรณี)
• เหมาะกับ: ป้องกันคนทั่วไปที่เก็บเจอหรือขโมยไปไม่ให้ปิดเครื่องได้ทันที
• ข้อจำกัด: คนที่มีความรู้เรื่องระบบมือถืออาจปิดได้อยู่ (เช่น Forced Shutdown)
• ข้อควรจำ: เป็นเพียงการป้องกันเบื้องต้น ควรระมัดระวังมือถือเสมอ
🔧 วิธีตั้งค่า (ตัวอย่าง: Samsung
1. เปิด แอปการตั้งค่า (Settings)
2. เลื่อนลงและเลือก หน้าจอล็อกและ AOD
3. กดเข้า การตั้งค่าการล็อกเพื่อความปลอดภัย (Secure lock settings)
4. เปิด ล็อกเครือข่ายและระบบความปลอดภัย (Network and security lock)
5. เปิด แสดงตัวเลือกโหมดล็อกดาวน์ (Show Lockdown mode) → สวิตช์เป็นสีน้ำเงิน
📝 หมายเหตุ
ถ้าคุณ ลงทะเบียน eSIM และใช้เน็ตจาก eSIM เป็นหลัก เวลามือถือหายหรือถูกขโมย
• โอกาสตามพิกัดได้จะสูงกว่า เพราะ eSIM ถอดออกไม่ได้
• ถ้าเครื่องยังเปิดอยู่ และยังเชื่อมต่อเน็ตจาก eSIM → ระบบติดตาม (Find My Device
จะสามารถค้นหาพิกัดล่าสุดได้ ณ เวลานั้นได้ทันที
📱 ใช้ eSIM เพื่อช่วยป้องกันมือถือหาย / ถูกขโมย
ถ้าโทรศัพท์รองรับ eSIM ควรลงทะเบียนและเปิดใช้งานไว้ เพราะ eSIM ฝังอยู่ในเครื่อง ถอดออกไม่ได้ ต่างจากซิมการ์ดปกติที่ถอดได้ง่าย
💡 ข้อดี
• ถึงแม้คนร้ายจะพยายามปิดเน็ตมือถือโดยการถอดซิม → eSIM จะยังอยู่ในเครื่อง
• ทำให้ระบบติดตาม เช่น Find My Device / Find My Mobile ยังมีโอกาสใช้งานต่อได้เมื่อเครื่องออนไลน์
🔑 สิ่งสำคัญที่ต้องจำ
• อีเมล ที่ผูกกับเครื่อง (Google / Samsung
• รหัสผ่าน ของบัญชีดังกล่าว
เพราะต้องใช้ในการเข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปติดตาม เพื่อค้นหาพิกัดปัจจุบันของเครื่อง
⸻
⚠️ หมายเหตุ
• การมี eSIM และระบบติดตาม ไม่ได้รับประกัน 100% ว่าจะได้เครื่องคืน
• ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความสามารถและวิธีติดตามของผู้ใช้ รวมถึงสภาพแวดล้อมตอนเกิดเหตุ
• ควรใช้ร่วมกับฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น บังคับใส่รหัสก่อนปิดเครื่อง, Network & Security Lock, และตั้งรหัสหน้าจอที่เดายาก
• ดังนั้น eSIM เป็นเพียง “ตัวช่วยเพิ่มโอกาส” ไม่ใช่การันตีได้เครื่องคืน 100%
• ต่างจากซิมการ์ดปกติที่ถูกถอดออกได้ → สัญญาณขาด → ติดตามไม่ได้
วิธีตั้งค่า Samsung ใส่รหัสก่อนปิดเครื่อง ป้องกันมือถือหาย ตั้งค่าป้องกันขโมย Samsung: ใส่รหัสก่อนปิดเครื่อง ทำเองได้
ป้องกันเบื้องต้น ในกรณีมือถือถูกขโมยหรือตกหล่น ไม่ให้คนทั่วไปปิดเครื่องได้ง่าย (ไม่ใช่ 100% กันได้ทุกกรณี)
• เหมาะกับ: ป้องกันคนทั่วไปที่เก็บเจอหรือขโมยไปไม่ให้ปิดเครื่องได้ทันที
• ข้อจำกัด: คนที่มีความรู้เรื่องระบบมือถืออาจปิดได้อยู่ (เช่น Forced Shutdown)
• ข้อควรจำ: เป็นเพียงการป้องกันเบื้องต้น ควรระมัดระวังมือถือเสมอ
🔧 วิธีตั้งค่า (ตัวอย่าง: Samsung
1. เปิด แอปการตั้งค่า (Settings)
2. เลื่อนลงและเลือก หน้าจอล็อกและ AOD
3. กดเข้า การตั้งค่าการล็อกเพื่อความปลอดภัย (Secure lock settings)
4. เปิด ล็อกเครือข่ายและระบบความปลอดภัย (Network and security lock)
5. เปิด แสดงตัวเลือกโหมดล็อกดาวน์ (Show Lockdown mode) → สวิตช์เป็นสีน้ำเงิน
📝 หมายเหตุ
ถ้าคุณ ลงทะเบียน eSIM และใช้เน็ตจาก eSIM เป็นหลัก เวลามือถือหายหรือถูกขโมย
• โอกาสตามพิกัดได้จะสูงกว่า เพราะ eSIM ถอดออกไม่ได้
• ถ้าเครื่องยังเปิดอยู่ และยังเชื่อมต่อเน็ตจาก eSIM → ระบบติดตาม (Find My Device
จะสามารถค้นหาพิกัดล่าสุดได้ ณ เวลานั้นได้ทันที
📱 ใช้ eSIM เพื่อช่วยป้องกันมือถือหาย / ถูกขโมย
ถ้าโทรศัพท์รองรับ eSIM ควรลงทะเบียนและเปิดใช้งานไว้ เพราะ eSIM ฝังอยู่ในเครื่อง ถอดออกไม่ได้ ต่างจากซิมการ์ดปกติที่ถอดได้ง่าย
💡 ข้อดี
• ถึงแม้คนร้ายจะพยายามปิดเน็ตมือถือโดยการถอดซิม → eSIM จะยังอยู่ในเครื่อง
• ทำให้ระบบติดตาม เช่น Find My Device / Find My Mobile ยังมีโอกาสใช้งานต่อได้เมื่อเครื่องออนไลน์
🔑 สิ่งสำคัญที่ต้องจำ
• อีเมล ที่ผูกกับเครื่อง (Google / Samsung
• รหัสผ่าน ของบัญชีดังกล่าว
เพราะต้องใช้ในการเข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปติดตาม เพื่อค้นหาพิกัดปัจจุบันของเครื่อง
⸻
⚠️ หมายเหตุ
• การมี eSIM และระบบติดตาม ไม่ได้รับประกัน 100% ว่าจะได้เครื่องคืน
• ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความสามารถและวิธีติดตามของผู้ใช้ รวมถึงสภาพแวดล้อมตอนเกิดเหตุ
• ควรใช้ร่วมกับฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น บังคับใส่รหัสก่อนปิดเครื่อง, Network & Security Lock, และตั้งรหัสหน้าจอที่เดายาก
• ดังนั้น eSIM เป็นเพียง “ตัวช่วยเพิ่มโอกาส” ไม่ใช่การันตีได้เครื่องคืน 100%
• ต่างจากซิมการ์ดปกติที่ถูกถอดออกได้ → สัญญาณขาด → ติดตามไม่ได้