Lockheed Martin ชูแผนพัฒนาอุตสาหกรรมกลาโหมหวังขาย F-16 Block 70 ให้ฟิลิปปินส์

Lockheed Martin เร่งขาย F-16 Block 70 “Viper” ให้ฟิลิปปินส์ โดยใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากเดิม คือการเสนอความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งข้อเสนอนี้มีเป้าหมายให้สหรัฐฯ เป็นมากกว่าผู้ขายอาวุธ แต่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาวในการพัฒนานวัตกรรมด้านกลาโหมของฟิลิปปินส์
รายละเอียดของข้อเสนอ:
ความร่วมมือ: Lockheed Martin จะร่วมมือกับ Southern Methodist University (SMU) เพื่อให้ทุนสนับสนุนศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ จัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา และศูนย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของฟิลิปปินส์ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การสร้างแบบจำลอง หุ่นยนต์ และ AI
แพ็คเกจเครื่องบิน: ข้อเสนอประกอบด้วยเครื่องบิน F-16 Block 70/72 จำนวน 20 ลำ (16 ลำแบบหนึ่งที่นั่ง, 4 ลำแบบสองที่นั่ง) พร้อมกับระบบอาวุธและอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบชุด เช่น เรดาร์ AN/APG-83 AESA, ขีปนาวุธ AIM-120C-8 AMRAAM และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ Viper Shield
การสนับสนุนระยะยาว: แพ็คเกจนี้ครอบคลุมถึงการจัดตั้งโรงงานบำรุงรักษาในท้องถิ่น การฝึกอบรมบุคลากร และการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อให้ฝูงบินสามารถปฏิบัติการได้นานหลายทศวรรษ
บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ:
ความจำเป็นของฟิลิปปินส์: การจัดซื้อเครื่องบินครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฟิลิปปินส์ต้องการปรับปรุงแสนยานุภาพทางอากาศอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับการรุกรานที่เพิ่มขึ้นของจีนในทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก
ความท้าทาย: การตัดสินใจซื้อเครื่องบิน F-16 ของฟิลิปปินส์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพิจารณาทางเลือกอื่นด้วย เช่น เครื่องบิน JAS 39 Gripen ของสวีเดน ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า ทำให้กรุงมะนิลาต้องเลือกระหว่างการผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับระบบกลาโหมของสหรัฐฯ หรือทางเลือกอื่นจากยุโรป
ข้อเสนอของ Lockheed Martin เป็นความพยายามที่จะทำให้ F-16 Viper มีความน่าสนใจมากขึ้นด้วยการเสนอผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่นอกเหนือจากตัวเครื่องบิน หากข้อตกลงนี้สำเร็จ ฟิลิปปินส์จะได้รับเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยและเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมกลาโหมในภูมิภาคที่กำลังเติบโต

Lockheed Martin ชูแผนพัฒนาอุตสาหกรรมกลาโหมหวังขาย F-16 Block 70 ให้ฟิลิปปินส์
รายละเอียดของข้อเสนอ:
ความร่วมมือ: Lockheed Martin จะร่วมมือกับ Southern Methodist University (SMU) เพื่อให้ทุนสนับสนุนศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ จัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา และศูนย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของฟิลิปปินส์ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การสร้างแบบจำลอง หุ่นยนต์ และ AI
แพ็คเกจเครื่องบิน: ข้อเสนอประกอบด้วยเครื่องบิน F-16 Block 70/72 จำนวน 20 ลำ (16 ลำแบบหนึ่งที่นั่ง, 4 ลำแบบสองที่นั่ง) พร้อมกับระบบอาวุธและอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบชุด เช่น เรดาร์ AN/APG-83 AESA, ขีปนาวุธ AIM-120C-8 AMRAAM และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ Viper Shield
การสนับสนุนระยะยาว: แพ็คเกจนี้ครอบคลุมถึงการจัดตั้งโรงงานบำรุงรักษาในท้องถิ่น การฝึกอบรมบุคลากร และการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อให้ฝูงบินสามารถปฏิบัติการได้นานหลายทศวรรษ
บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ:
ความจำเป็นของฟิลิปปินส์: การจัดซื้อเครื่องบินครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฟิลิปปินส์ต้องการปรับปรุงแสนยานุภาพทางอากาศอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับการรุกรานที่เพิ่มขึ้นของจีนในทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก
ความท้าทาย: การตัดสินใจซื้อเครื่องบิน F-16 ของฟิลิปปินส์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพิจารณาทางเลือกอื่นด้วย เช่น เครื่องบิน JAS 39 Gripen ของสวีเดน ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า ทำให้กรุงมะนิลาต้องเลือกระหว่างการผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับระบบกลาโหมของสหรัฐฯ หรือทางเลือกอื่นจากยุโรป
ข้อเสนอของ Lockheed Martin เป็นความพยายามที่จะทำให้ F-16 Viper มีความน่าสนใจมากขึ้นด้วยการเสนอผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่นอกเหนือจากตัวเครื่องบิน หากข้อตกลงนี้สำเร็จ ฟิลิปปินส์จะได้รับเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยและเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมกลาโหมในภูมิภาคที่กำลังเติบโต