ทำนายอนาคตละครช่อง 3 ผ่านผลประกอบการของ BEC ไตรมาส 2

กระทู้สนทนา
เย็นวันศุกร์ที่ 2 ของเดือนสิงหาในทุกปี
BEC จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2
และผลก็ออกมาแล้วว่าปีนี้ ไตรมาสนี้ยังกำไรอยู่
แต่กำไรลดลง 70% จากปีก่อน และเกือบ 51 % จากไตรมาสแรก
ความฝันของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่คาดหวังว่า
ปีนี้ BEC จะมีกำไรรวม 300 ล้านคงจะไปไม่ถึงฝัน
หุ้นก็เลยลงรูดมันตั้งแต่พุธ วันนี้ก็ยังลงต่อ ขนาดมีปันผลระหว่างกาลให้นะ

แต่ถ้ามองลึกรายละเอียดเห็นทั้งความจริง
และมองเห็นจุดบกพร่องในรายละเอียดก็ได้

จุดเด่นคือ ธุรกิจสนับสนุนอย่างเรื่องลิขสิทธิ์และบริหารศิลปินใกล้จะแตะ 300 ล้าน
ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ตัวเลขนี้โตทุกไตรมาส ไตรมาสต่อไปอาจโตอีกจากผลงานตอนนี้
แต่ก็ไม่พอกับรายรับและรายจ่ายที่ใช้เยอะกว่าทุกครั้ง

ต้นทุนขายรวมของกลุ่ม BEC ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 855.6 ล้ำนบาท
บริษัทฯ ปรับผังรายการออกอากาศลดชั่วโมง ละครเหลือ 1.15 ชม.จากปกติออกอำกำศ 1.30 ชม.
รวมทั้งการปรับลดขนาดองค์กรเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนพนักงานลดลง
แต่ไม่สามารถชดเชยการเพิ่มขึ้นของต้นทุนธุรกิจ จัดกิจกรรมและบริหารศิลปินทำให้
ต้นทุนขายรวมเพิ่มขึ้น 12.4 ล้านบาท หรือ 1.5% จากไตรมาสที่ 2/2567
นอกจากนี้ต้นทุนขายยังเพิ่มขึ้น 52.5 ล้านบาท หรือ 6.5% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ 1/2568
เนื่องจากในไตรมาสนี้มีการใช้ละคร First -Run มากกว่าในไตรมาสก่อน
รวมถึงต้นทุนจัดกิจกรรมและบริหารศิลปินเพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับรายได้

ขณะที่ไม่มีการเปิดละครปกติ และเปิดเฉพาะซีรีส์
และจำหน่ายละครปกติ ก็ยังมีรายจ่ายที่ยังคุมให้น้อยลงไม่ได้
ซึ่งจริง ๆ ในไตรมาสอีเวนต์ใหญ่ที่ส่วนตัวมองว่าน่าจะหมดไปเยอะ
กับการจัดเทศกาลดนตรีครั้งแรก ซึ่งแค่ติดต่อวงดนตรีและค่าลิขสิทธิ์เพลง
เพื่อจะสามารถเอาศิลปินของสังกัดตัวเองเข้าไปอยู่ในกิจกรรมนี้ได้
ถึงขายบัตรหมดก็น่าจะใช้เงินเยอะกับงานแบบนี้ หรืออาจจะเข้าเนื้อ
ถ้าเทียบกับกิจกรรมใหญ่ในไตรมาสต่อไปที่น่าจะมีกำไรกลับมามากกว่านี้
ทั้งกีฬาสีซึ่งสเกลไม่ใหญ่ หรือ fancon ที่มีสปอนเซอร์สนับสนุนเต็มที่

จึงไม่แปลกใจทำไมเดี๋ยวนี้ละครตัวขายไม่ลงไตรมาสสุดท้าย
ไม่ว่าช่องไหนก็มาลงในช่วงปลายไตรมาส 3 กันหมด
และปล่อยไตรมาสสุดท้ายต้องพึ่งพารายได้พิเศษอย่างหนักหน่วง

BEC ไตรมาส 4 นอกจากรายได้โฆษณาที่ตึงตัว
จึงจัดละครกันพอมี คงไม่มากไม่น้อยจากปีที่แล้ว
แล้วไปหวังจากรายได้จาก ภาพยนตร์ธี่หยด3 อย่างคาดหวัง
ที่พ่วงการจัดนิทรรศกาลธี่หยดที่สิงคโปร์ และ fan con ที่อิมแพคอารีน่า

อีกช่องที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันอย่าง ONEE
กำไรก็มากกว่า BEC  แต่ก็ลดลงจากปีก่อนเหมือนกัน
และประกาศตัวเองว่าต่อไปจะชูธงความเป็น idol marketing เต็มระบบ
เพราะรายได้ตรงนี้ก็เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ของกลุ่มในรอบนี้
และรายได้โฆษณาก็ลดลงแต่เมื่อรวมกันรายได้กลุ่มก็โตขึ้นกว่าทุกไตรมาส
และคงจะลดทุนทำละครมาลงกับตรงส่วนนี้มากขึ้น

ส่วนละครช่อง 3 ที่เป็นละครใหม่
อนาคตก็ยังต้องอยู่ในภาวะคาบเส้นไปแบบนี้ตลอด
เพราะมีองค์กรเดียวทำมันทุกอย่างไม่เหมือนบางองค์กร
ที่สามารถแบ่งเบากันได้ ก็ยังต้องใช้เงินกองเดียวกันทำทุกกิจกรรม
ก็ได้แต่ว่าให้ธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นมันตั้งตัวเองได้
ถ้าไม่เป็นแบบนั้นมันจะมีธุรกิจหนึ่งโตขึ้นอีกธุรกิจก็จะถูกขนาดลงเรื่อย ๆ

บางทีถ้าเป็นกลุ่มบริษัทบันเทิงเต็มระบบอย่างทั้ง BEC และ ONEE
ถ้ามาถึงที่ทั้งสองกลุ่มต้องทำธุรกิจใหม่แบบเต็มระบบ
ซึ่งรายได้ดีมากขึ้นทั้งสององค์กรและทำเพื่อสนับสนุนรายได้ธุรกิจเดิมที่ลดลง
แต่ต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายจำเป็นที่ทำธุรกิจเดิมต่อไปไหม
หรือจะถึงเวลาสิ้นสุดซะทีแล้วไปต่อกับธุรกิจใหม่ก็เป็นเรื่องอนาคตที่ไม่ไกลแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่