
.
ลิซ่า ฟาด แลนด์บริดจ์ คือฝันที่สร้างบนกระดาษไม่คุ้มค่า เชื่อหากเดินหน้าต่อเป็นต้นทุนต่อยอดให้นายทุน
.
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 14 สิงหาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณางบประมาณประจำปี 2569 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายมาตรา 15 กระทรวงคมนาคม ว่า ในส่วนของงบสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง (สนข.)ในโครงการศึกษาคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ งบประมาณ 15.4 ล้านบาท โครงการนี้เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2567 ปรับลดไม่ได้ แต่เมื่อดูเอกสารจากสนข.ชัดเจนว่า โครงการนี้ไม่บรรลุ วัตถุประสงค์แม้แต่ข้อเดียว ที่บอกว่าเพื่อจัดทำเอกสารและสัญญาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ พร้อมจัดทำรายงานผลกระทบภาพรวมและร่างกฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
.
น.ส.ภคมนกล่าวว่า หากย้อนดูข้อเท็จจริงเราจะพบว่าภาพฝันนี้ไม่ได้ถูกสร้างบนความจริงทางเศรษฐกิจเลย แต่ถูกสร้างบนกระดาษและประชาสัมพันธ์ซ้ำๆ ในขณะที่รายงานการศึกษาของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานก็ยืนยันว่าโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่า แม้แต่รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ก็ให้ความชัดเจนเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนไม่ได้ ขณะเดียวกันที่ผ่านมานายกฯ 2 คนเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ บอกได้อย่างเดียวว่านักลงทุนสนใจ แต่ไม่มีอย่างอื่น
.
น.ส.ภคมน กล่าวต่อว่า การสร้างโครงการนี้มีการละเลยศึกษาผลกระทบ หรือไม่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งสภาพความเป็นจริงกับวัตถุประสงค์ของโครงการไปคนละทาง ยังไม่นับว่ารัฐบาลกำลังเร่งวางหมากใหญ่ และมีอำนาจมากกว่า นั่นคือร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้หรือSEC ถ้ากฎหมายนี้ลุล่วงจะครอบคลุมทั้งแลนด์บริดจ์ โครงการก่อสร้างพื้นฐานอื่นๆในภาคใต้ เป็นกลไกลรวบอำนาจ หร้อมตั้งกรรมการพิเศษ และยกเว้นกฎหมายอย่างน้อย 16 ฉบับ เห็นอย่างนี้แล้ว SEC ไม่ใช่เครื่องมือการพัฒนา แต่คือเครื่องมือการตัดตอนและตัดเสียงทักท้วง ปิดประตูการมีส่วนร่วมของประชาชน
.
“ขอถามตรงๆว่า วันนี้ SEC หรือแลนด์บริดจ์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจแล้วหรือไม่ เผยแพร่ผลการศึกษาต่อสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้วหรือยัง และถ้าความคุ้มค่าทางสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัด แล้วรัฐบาลยังจะดันทุรังเดินหน้าต่ออีกหรือ เพราะเรามีบทเรียนจากเศรษฐกิจภาคตะวันออก( EEC) พิสูจน์แล้วสิ่งที่โฆษณากับความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามดิฉันไม่ได้จะขวางการพัฒนาในภาคใต้ เพราะดิฉันเป็นคนใต้ ก็อยากเห็นการพัฒนา แต่การพัฒนาไม่ว่าภาคไหนๆ ท่านต้องมองเห็นโอกาสของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน อย่าใช้คนในพื้นที่เป็นเพียงต้นทุนเพื่อต่อยอดให้กับนายทุนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ เพราะถ้ารัฐบาลยังมองว่า SEC คือโอกาสแต่เลือกใช้วิธีการเหมือน EEC ก็ผิดตั้งแต่คิด วันนี้เงิน15 ล้านบาทที่เตรียมศึกษาไม่มีทางเกิดขึ้นจริงเลย จะเกาให้หนังถลอกทั้งตัวก็ไม่หายคัน เพราะปัญหาโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน”น.ส.ภคมน กล่าว
.
.
ศุภณัฐ ยก 3 เหตุผล ชงตัดงบตึกก.คมนาคม 5.5 พันล้าน ซัดกมธ.ปรับลดเป็นพิธี ไม่ดูความเหมาะสม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5322584
.
‘ศุภณัฐ’ ชงตัดงบ ตึก ก.คมนาคม 5 พันล้าน อึ้ง สร้างตึกใหญ่เกินคนใช้ ทำเปลืองงบ 2 พันล้าน ซัด กมธ. ปรับลดเป็นพิธี แต่ไม่ดูความเหมาะสม
.
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นวันที่ 2
.
เมื่อเวลา 13.10 น. นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายเสนอปรับลดงบประมาณของกระทรวงคมนาคม 3 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 5,558 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณโครงการอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ โดยยก 3 เหตุผลคือ 1.ต้นทุนสูงเกินไป เพราะงบประมาณค่าก่อสร้างเมื่อรวมกับมูลค่าที่ดิน ค่าควบคุมงาน และค่าปรับปรุง รวมทั้งหมด 5,810 ล้านบาท ซึ่งเป็นแค่เงินต้น ยังไม่รวมดอกเบี้ย
.
2. มีเพียง 5 หน่วยงานเท่านั้นที่จะย้ายมาใช้อาคารแห่งนี้ จากเดิมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เคยบอกว่าจะมี 22 หน่วยงานย้ายมาใช้ และจะมีบุคลากร 80,000 คนได้ประโยชน์ ซึ่งยืนยันว่าไม่จริง เพราะอีก 17 หน่วยงานของกระทรวง จะไม่ย้ายมาใช้อาคารนี้ นอกจากมีการสร้างอาคารใหม่แยกออกมา
.
3. อาคารมีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เพราะเมื่อรวมพื้นที่ทั้งหมดที่หน่วยงานจะใช้ มีเพียง 18,149 ตร.ม. แต่มาขอพื้นที่ในการทำเฉพาะอาคารสำนักงานมากถึง 67,000 ตร.ม. มากกว่าเดิม 3.5 เท่า โดยยกตัวอย่างเอกสารของกรมการขนส่งทางราง ระบุว่าการใช้พื้นที่เฉลี่ยต่อบุคลากรในหน่วยงาน 20.9 ตร.ม.ก็เพียงพอแล้ว แต่กลับมีการสร้างทั้งหมด 63 ตร.ม. นอกจากนี้ ยังได้ถามเอไอ chat gpt แล้ว เอไอก็ยังบอกว่า หากมีพนักงาน 1,000 คน ก็ควรมีอาคารใหญ่แค่ 22,000 ตร.ม. เพราะฉะนั้น จะสร้างทำไมเป็น 100,000 ตร.ม.
.
นายศุภณัฐกล่าวว่า ตนขอถามว่า กรรมาธิการ (กมธ.) ได้มีการดูรายละเอียดเรื่องเหล่านี้หรือไม่ มีธงอยู่แล้ว ปรับลดพอเป็นพิธี แต่ไม่เคยดูความเหมาะสม ถือว่าไม่มีสามัญสำนึกในการของบประมาณ หากโครงการเหมาะสม จะใช้งบประมาณแค่ 1,200 ล้านบาท แต่กลับของบประมาณค่าก่อสร้าง 3,800 ล้าน ซึ่งยังไม่นับมูลค่าที่ดิน ทั้งที่สามารถประหยัดเงินได้ 2,000 กว่าล้าน แต่แบกตึกกันทั้งพรรค ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
.
.
สภาฯ ผ่านฉลุยงบ ก.เกษตรฯ วิโรจน์ ตัดงบจัดซื้อรถเครนกรมทางหลวงชนบท 7.56 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9892945
.
สภาฯ ผ่านฉลุยงบ ก.เกษตรฯ วิโรจน์ ตัดงบจัดซื้อรถเครนกรมทางหลวงชนบท 7.56 ล้าน หวั่นซื้อครุภัณฑ์ผิดกฎหมายมาใช้งาน หลังพบถูกจัดอยู่กลุ่มรถบรรทุก อาจถูกตำรวจจับข้อหาบรรทุกน้ำหนักเกิน แนะแก้กฎหมายให้สอดคล้องชาวโลก
.
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 14 ส.ค.68 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในมาตรา 14 กระทรวงเกษตรฯ ด้วยคะแแนน 251 เสียง ไม่เห็นด้วย 135 เสียง งดออกเสียง 44 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง และเข้าสู่มาตรา 15 กระทรวงคมนาคม
.
ต่อมา เวลา 12.15 น. นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย มาตรา 15 งบประมาณกระทรวงคมนาคม วงเงิน 184,465 ล้านบาท ในส่วนของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบนว่า ปีงบประมาณ 69 กรมทางหลวงชนบทมีแผนจัดซื้อรถเครน 6 ล้อ พร้อมเครนยกไม่น้อยกว่า 10 ตันเมตร จำนวน 2 คัน คันละ 3.78 ล้านบาท รวมงบประมาณ 7.56 ล้านบาท
.
แต่ปัญหาคือรถเครนในประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหากฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากรถเครนที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่มาตรฐานความปลอดภัยถูกต้องทุกอย่าง สามารถวิ่งได้บนท้องถนนทั่วโลก แต่ต้องถูกตำรวจไทยจับข้อห้าน้ำหนักเกิน เพราะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มรถบรรทุก
.
สาเหตุของปัญหามาจากผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน และผู้อำนวยการทางหลวงสัมปทาน รวมถึงประกาศกรมทางหลวงที่ คค0643/530 เรื่องหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ยานพาหนะเดินบนทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน ซึ่งรมว.คมนาคม อธิบดีกรมทางหลวง และอธิบดีกรมทางหลวงชนบาท ต่างก็ทราบดี
.
แทนที่จะเร่งแก้ไขกฎหมาย และจัดเก็บค่าธรรมเนียมอย่างสมเหตุสมผล เอารายได้เข้ารัฐ กลับปล่อยให้เกิดการรีดไถไม่จบไม่สิ้น สิ่งที่น่าเศร้าเวลาเกิดภัยพิบัติ ยกตัวอย่างตอนที่ตึกสตง.ถล่ม หน่วยงานราชการขอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้ประกอบการรถเครน ให้เอารถเครนออกมาช่วย กระซิบกระซาบบอกเขาว่าครั้งนี้ยกเว้นไม่จับ เมื่อพ้นภัยพิบัติค่อยว่ากันใหม่
.
“
หากยังไม่มีการแก้ไขกฎหมาย หมายความว่ากรมทางหลวงชนบท กำลังจะซื้อครุภัณฑ์ผิดกฎหมายมาใช้งาน สุดท้ายรถเครนที่ต้องใช้เพื่อการยกของ กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือในการไถ หากไม่ยอมให้ไถจะถูกตำรวจบางนายริบรถทันที ทั้งที่รถเครนไม่ใช่ราคาถูกๆ คันละเกือบ 4 ล้านบาท ถ้าเป็นสเปคสูงๆ ราคาแตะหลัก 10 ล้านบาท กฎหมายที่ลักลั่นแบบนี้ปล่อยไว้ได้อย่างไร ผมจึงขอเสนอตัดงบประมาณการจัดซื้อรถเครนของกรมทางหลวงชนบททั้ง 2 คัน และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับรถเครนให้สอดคล้องกับกฎหมายในโลกใบนี้ก่อน” นาย
วิโรจน์ ระบุ
.
.
ภัสริน ลุกตัดงบกรมเจ้าท่า อัด งบสร้างท่าเรือสภา 150 ล้าน แพงกว่า 13 ท่าเรือที่ปชช.ใช้ 4 เท่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_5322656
.
‘ภัสริน’ ซัด งบกรมเจ้าท่า สร้างท่าเรือรัฐสภา 150 ล้าน พบค่าตกแต่งเจดีย์ กว่า 10 ลบ. แนะ สภาฯ ควรเป็นตัวอย่างใช้งบอบย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เพื่อความสบายของคนมีตำแหน่ง
.
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นาย
ไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นวันที่ 2
.
จากนั้นเวลา 12.50 น. น.ส.
ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 15 กระทรวงคมนาคม ว่า ขอปรับลด 5% ในส่วนของกรมเจ้าท่า ที่มีงบประมาณจำนวนมากถึง 4 พันกว่าล้านบาท เป็นงบลงทุน 3,200 กว่าล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงข่ายคมนาคมทางน้ำทั่วประเทศ รวมถึงท่าเทียบเรือ เช่น ท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีโครงการ Smart pier ปรับปรุงก่อสร้างเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ ตนขอฝากไปยังกระทรวงคมนาคมว่าสร้างเสร็จแล้วก็ต้องเปิดใช้ทันที ออกแบบให้เหมาะสมกับงบดูแลรักษาที่มีจริง หากติดแอร์แล้วก็เปิดด้วย ไม่ใช่ปล่อยทิ้งล้างให้คนมางัดแงะขโมยของ ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตหวังว่าจะไม่เกิดซ้ำอีก
.
น.ส.
ภัสรินกล่าวว่า โครงการท่าเรือรัฐสภาและโรงเก็บเรือ วงเงิน 150 ล้านบาท คล้ายโรงลิเก เป็นท่าเรือ 2 ฝั่ง ทั้ง ส.ส. ส.ว. ฝั่งละ 51 ล้าน และโรงเก็บเรือหนึ่งหลัง หลังละ 11 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายพิเศษประมาณ 28 ล้านบาท ตนเข้าใจว่าโครงการนี้อยากจะให้กรมเจ้าท่า เป็นผู้สร้างเพื่อรองรับการเดินทางด้วยของ ส.ส. ส.ว. และแขกบ้านแขกเมือง แต่เมื่อเทียบกับงบปรับปรุงท่าเรือ 13 แห่ง ที่มีประชาชนใช้ทุกวัน ท่าเรือรัฐสภาแห่งเดียวกลับมีงบประมาณก่อสร้างเกือบ 4 เท่า ที่สำคัญคือปัจจุบันรัฐสภามีโป๊ะเรือ และมีผู้ใช้บริการอยู่แล้ว เฉลี่ยวันละเกือบ 600 คน เป็นอันดับที่ 18 จาก 46 ท่าเรือ
.
“
รัฐสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติที่พิจารณางบประมาณของหน่วยงานอื่นควรเป็นตัวอย่างในการใช้งบงบประมาณอย่างสมเหตุสมผลเน้นประโยชน์สาธารณะของประชาชน ไม่ใช่เพื่อความสบายของผู้มีตำแหน่ง แต่วันนี้เราเห็นงบประมาณลงทุนที่เป็นของคนไทยทุกคนก้อนมหาศาล ทุ่มไปกับท่าเรือสุดหรูที่รัฐสภา เพียงแค่ค่าตกแต่งยอดเจดีย์ท่าเรือ ราคากลางยอดละเกือบ 10 ล้านบาท ในขณะที่ท่าเรือเกียกกายเป็นสนิม ห่วงยางชำรุด บางแห่งพื้นวัสดุลื่นหลุดออกมา ต้องก้าวย่างอย่างระวัง ความปลอดภัยในชีวิตประจำวันแทบไม่มี เงินลงทุนคือเงินที่ลงไปแล้วหวังว่าจะได้อะไรกลับมา ดิฉันขอตั้งคำถามว่าเงินที่ลงกับรายละเอียดสุดหรูอย่างยอดเจดีย์ละ 10 ล้านบาท และท่าเรือติดแอร์ที่สุดท้ายไม่เคยได้เปิดการใช้งาน จะยังสร้างต่อไปเรื่อยๆหรือไม่ แล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง ผู้โดยสารทางเรือจะมีความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่” น.ส.
ภัสรินกล่าว
JJNY : ลิซ่าฟาดแลนด์บริดจ์│ศุภณัฐชงตัดงบตึกก.คมนาคม│วิโรจน์ตัดงบจัดซื้อรถเครน│ภัสรินตัดงบเจ้าท่า│วอชิงตันไม่พอใจทรัมป์
https://www.matichon.co.th/politics/news_5322664
.
ลิซ่า ฟาด แลนด์บริดจ์ คือฝันที่สร้างบนกระดาษไม่คุ้มค่า เชื่อหากเดินหน้าต่อเป็นต้นทุนต่อยอดให้นายทุน
.
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 14 สิงหาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณางบประมาณประจำปี 2569 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายมาตรา 15 กระทรวงคมนาคม ว่า ในส่วนของงบสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง (สนข.)ในโครงการศึกษาคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ งบประมาณ 15.4 ล้านบาท โครงการนี้เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2567 ปรับลดไม่ได้ แต่เมื่อดูเอกสารจากสนข.ชัดเจนว่า โครงการนี้ไม่บรรลุ วัตถุประสงค์แม้แต่ข้อเดียว ที่บอกว่าเพื่อจัดทำเอกสารและสัญญาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ พร้อมจัดทำรายงานผลกระทบภาพรวมและร่างกฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
.
น.ส.ภคมนกล่าวว่า หากย้อนดูข้อเท็จจริงเราจะพบว่าภาพฝันนี้ไม่ได้ถูกสร้างบนความจริงทางเศรษฐกิจเลย แต่ถูกสร้างบนกระดาษและประชาสัมพันธ์ซ้ำๆ ในขณะที่รายงานการศึกษาของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานก็ยืนยันว่าโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่า แม้แต่รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ก็ให้ความชัดเจนเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนไม่ได้ ขณะเดียวกันที่ผ่านมานายกฯ 2 คนเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ บอกได้อย่างเดียวว่านักลงทุนสนใจ แต่ไม่มีอย่างอื่น
.
น.ส.ภคมน กล่าวต่อว่า การสร้างโครงการนี้มีการละเลยศึกษาผลกระทบ หรือไม่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งสภาพความเป็นจริงกับวัตถุประสงค์ของโครงการไปคนละทาง ยังไม่นับว่ารัฐบาลกำลังเร่งวางหมากใหญ่ และมีอำนาจมากกว่า นั่นคือร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้หรือSEC ถ้ากฎหมายนี้ลุล่วงจะครอบคลุมทั้งแลนด์บริดจ์ โครงการก่อสร้างพื้นฐานอื่นๆในภาคใต้ เป็นกลไกลรวบอำนาจ หร้อมตั้งกรรมการพิเศษ และยกเว้นกฎหมายอย่างน้อย 16 ฉบับ เห็นอย่างนี้แล้ว SEC ไม่ใช่เครื่องมือการพัฒนา แต่คือเครื่องมือการตัดตอนและตัดเสียงทักท้วง ปิดประตูการมีส่วนร่วมของประชาชน
.
“ขอถามตรงๆว่า วันนี้ SEC หรือแลนด์บริดจ์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจแล้วหรือไม่ เผยแพร่ผลการศึกษาต่อสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้วหรือยัง และถ้าความคุ้มค่าทางสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัด แล้วรัฐบาลยังจะดันทุรังเดินหน้าต่ออีกหรือ เพราะเรามีบทเรียนจากเศรษฐกิจภาคตะวันออก( EEC) พิสูจน์แล้วสิ่งที่โฆษณากับความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามดิฉันไม่ได้จะขวางการพัฒนาในภาคใต้ เพราะดิฉันเป็นคนใต้ ก็อยากเห็นการพัฒนา แต่การพัฒนาไม่ว่าภาคไหนๆ ท่านต้องมองเห็นโอกาสของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน อย่าใช้คนในพื้นที่เป็นเพียงต้นทุนเพื่อต่อยอดให้กับนายทุนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ เพราะถ้ารัฐบาลยังมองว่า SEC คือโอกาสแต่เลือกใช้วิธีการเหมือน EEC ก็ผิดตั้งแต่คิด วันนี้เงิน15 ล้านบาทที่เตรียมศึกษาไม่มีทางเกิดขึ้นจริงเลย จะเกาให้หนังถลอกทั้งตัวก็ไม่หายคัน เพราะปัญหาโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน”น.ส.ภคมน กล่าว
.
.
ศุภณัฐ ยก 3 เหตุผล ชงตัดงบตึกก.คมนาคม 5.5 พันล้าน ซัดกมธ.ปรับลดเป็นพิธี ไม่ดูความเหมาะสม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5322584
.
.
สภาฯ ผ่านฉลุยงบ ก.เกษตรฯ วิโรจน์ ตัดงบจัดซื้อรถเครนกรมทางหลวงชนบท 7.56 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9892945
.
สภาฯ ผ่านฉลุยงบ ก.เกษตรฯ วิโรจน์ ตัดงบจัดซื้อรถเครนกรมทางหลวงชนบท 7.56 ล้าน หวั่นซื้อครุภัณฑ์ผิดกฎหมายมาใช้งาน หลังพบถูกจัดอยู่กลุ่มรถบรรทุก อาจถูกตำรวจจับข้อหาบรรทุกน้ำหนักเกิน แนะแก้กฎหมายให้สอดคล้องชาวโลก
.
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 14 ส.ค.68 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในมาตรา 14 กระทรวงเกษตรฯ ด้วยคะแแนน 251 เสียง ไม่เห็นด้วย 135 เสียง งดออกเสียง 44 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง และเข้าสู่มาตรา 15 กระทรวงคมนาคม
.
ต่อมา เวลา 12.15 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย มาตรา 15 งบประมาณกระทรวงคมนาคม วงเงิน 184,465 ล้านบาท ในส่วนของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบนว่า ปีงบประมาณ 69 กรมทางหลวงชนบทมีแผนจัดซื้อรถเครน 6 ล้อ พร้อมเครนยกไม่น้อยกว่า 10 ตันเมตร จำนวน 2 คัน คันละ 3.78 ล้านบาท รวมงบประมาณ 7.56 ล้านบาท
.
แต่ปัญหาคือรถเครนในประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหากฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากรถเครนที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่มาตรฐานความปลอดภัยถูกต้องทุกอย่าง สามารถวิ่งได้บนท้องถนนทั่วโลก แต่ต้องถูกตำรวจไทยจับข้อห้าน้ำหนักเกิน เพราะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มรถบรรทุก
.
สาเหตุของปัญหามาจากผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน และผู้อำนวยการทางหลวงสัมปทาน รวมถึงประกาศกรมทางหลวงที่ คค0643/530 เรื่องหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ยานพาหนะเดินบนทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน ซึ่งรมว.คมนาคม อธิบดีกรมทางหลวง และอธิบดีกรมทางหลวงชนบาท ต่างก็ทราบดี
.
แทนที่จะเร่งแก้ไขกฎหมาย และจัดเก็บค่าธรรมเนียมอย่างสมเหตุสมผล เอารายได้เข้ารัฐ กลับปล่อยให้เกิดการรีดไถไม่จบไม่สิ้น สิ่งที่น่าเศร้าเวลาเกิดภัยพิบัติ ยกตัวอย่างตอนที่ตึกสตง.ถล่ม หน่วยงานราชการขอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้ประกอบการรถเครน ให้เอารถเครนออกมาช่วย กระซิบกระซาบบอกเขาว่าครั้งนี้ยกเว้นไม่จับ เมื่อพ้นภัยพิบัติค่อยว่ากันใหม่
.
“หากยังไม่มีการแก้ไขกฎหมาย หมายความว่ากรมทางหลวงชนบท กำลังจะซื้อครุภัณฑ์ผิดกฎหมายมาใช้งาน สุดท้ายรถเครนที่ต้องใช้เพื่อการยกของ กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือในการไถ หากไม่ยอมให้ไถจะถูกตำรวจบางนายริบรถทันที ทั้งที่รถเครนไม่ใช่ราคาถูกๆ คันละเกือบ 4 ล้านบาท ถ้าเป็นสเปคสูงๆ ราคาแตะหลัก 10 ล้านบาท กฎหมายที่ลักลั่นแบบนี้ปล่อยไว้ได้อย่างไร ผมจึงขอเสนอตัดงบประมาณการจัดซื้อรถเครนของกรมทางหลวงชนบททั้ง 2 คัน และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับรถเครนให้สอดคล้องกับกฎหมายในโลกใบนี้ก่อน” นายวิโรจน์ ระบุ
.
.
ภัสริน ลุกตัดงบกรมเจ้าท่า อัด งบสร้างท่าเรือสภา 150 ล้าน แพงกว่า 13 ท่าเรือที่ปชช.ใช้ 4 เท่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_5322656
.
‘ภัสริน’ ซัด งบกรมเจ้าท่า สร้างท่าเรือรัฐสภา 150 ล้าน พบค่าตกแต่งเจดีย์ กว่า 10 ลบ. แนะ สภาฯ ควรเป็นตัวอย่างใช้งบอบย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เพื่อความสบายของคนมีตำแหน่ง
.
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นวันที่ 2
.
จากนั้นเวลา 12.50 น. น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 15 กระทรวงคมนาคม ว่า ขอปรับลด 5% ในส่วนของกรมเจ้าท่า ที่มีงบประมาณจำนวนมากถึง 4 พันกว่าล้านบาท เป็นงบลงทุน 3,200 กว่าล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงข่ายคมนาคมทางน้ำทั่วประเทศ รวมถึงท่าเทียบเรือ เช่น ท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีโครงการ Smart pier ปรับปรุงก่อสร้างเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ ตนขอฝากไปยังกระทรวงคมนาคมว่าสร้างเสร็จแล้วก็ต้องเปิดใช้ทันที ออกแบบให้เหมาะสมกับงบดูแลรักษาที่มีจริง หากติดแอร์แล้วก็เปิดด้วย ไม่ใช่ปล่อยทิ้งล้างให้คนมางัดแงะขโมยของ ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตหวังว่าจะไม่เกิดซ้ำอีก
.
น.ส.ภัสรินกล่าวว่า โครงการท่าเรือรัฐสภาและโรงเก็บเรือ วงเงิน 150 ล้านบาท คล้ายโรงลิเก เป็นท่าเรือ 2 ฝั่ง ทั้ง ส.ส. ส.ว. ฝั่งละ 51 ล้าน และโรงเก็บเรือหนึ่งหลัง หลังละ 11 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายพิเศษประมาณ 28 ล้านบาท ตนเข้าใจว่าโครงการนี้อยากจะให้กรมเจ้าท่า เป็นผู้สร้างเพื่อรองรับการเดินทางด้วยของ ส.ส. ส.ว. และแขกบ้านแขกเมือง แต่เมื่อเทียบกับงบปรับปรุงท่าเรือ 13 แห่ง ที่มีประชาชนใช้ทุกวัน ท่าเรือรัฐสภาแห่งเดียวกลับมีงบประมาณก่อสร้างเกือบ 4 เท่า ที่สำคัญคือปัจจุบันรัฐสภามีโป๊ะเรือ และมีผู้ใช้บริการอยู่แล้ว เฉลี่ยวันละเกือบ 600 คน เป็นอันดับที่ 18 จาก 46 ท่าเรือ
.
“รัฐสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติที่พิจารณางบประมาณของหน่วยงานอื่นควรเป็นตัวอย่างในการใช้งบงบประมาณอย่างสมเหตุสมผลเน้นประโยชน์สาธารณะของประชาชน ไม่ใช่เพื่อความสบายของผู้มีตำแหน่ง แต่วันนี้เราเห็นงบประมาณลงทุนที่เป็นของคนไทยทุกคนก้อนมหาศาล ทุ่มไปกับท่าเรือสุดหรูที่รัฐสภา เพียงแค่ค่าตกแต่งยอดเจดีย์ท่าเรือ ราคากลางยอดละเกือบ 10 ล้านบาท ในขณะที่ท่าเรือเกียกกายเป็นสนิม ห่วงยางชำรุด บางแห่งพื้นวัสดุลื่นหลุดออกมา ต้องก้าวย่างอย่างระวัง ความปลอดภัยในชีวิตประจำวันแทบไม่มี เงินลงทุนคือเงินที่ลงไปแล้วหวังว่าจะได้อะไรกลับมา ดิฉันขอตั้งคำถามว่าเงินที่ลงกับรายละเอียดสุดหรูอย่างยอดเจดีย์ละ 10 ล้านบาท และท่าเรือติดแอร์ที่สุดท้ายไม่เคยได้เปิดการใช้งาน จะยังสร้างต่อไปเรื่อยๆหรือไม่ แล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง ผู้โดยสารทางเรือจะมีความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่” น.ส.ภัสรินกล่าว