ทำไมผ่านไปกี่สิบปียังมีคนป่วยเอดส์รอวันตายในวัดพระบาทน้ำพุอีก ทั้ง ๆ ที่คนไทยสามารถเข้าถึงยาต้าน PrEP ได้ฟรี ขนาดแรงงานต่างด้าวยังสามารถเข้ารับยาฟรีใน รพ.รัฐได้เลย แต่ทำไมยังมีคนไทยที่ป่วยเป็นเอดส์และนอนรอวันตายในวัดพระบาทน้ำพุอีก อันนี้ผมสงสัยมาก
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5319060
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-1863777
จากข่าวนี้ ระบุว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป้อนข้อความนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
ถึงประเด็นวัดพระบาทน้ำพุ วัดที่มีชื่อเสียงมาจากการรักษาโรคเอดส์ กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง
พร้อมกับคดีของหมอบี หรือ “นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล“
ใจความว่า ช่วงนี้วัดกลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งเลยอยากแชร์บางช่วงของบทความที่ตัวเองเขียนเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
ผ่านการสัมภาษณ์พยาบาลที่ทำงานอยู่ในวัด... วัดนี้ดำเนินงานในฐานะสถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์
แต่คนวิจารณ์ว่า วัดกำลังหากำไรจากการรับรักษาด้วยยายืดอายุ
เลสลีย์ (นามสมมติ) เริ่มทำงานอาสาสมัครที่วัดพระบาทน้ำพุในปี 2546 ด้วยประสบการณ์ทำงานกว่า 15 ปี
เธอทำหน้าที่ตรวจเลือด เอกซเรย์ และดูแลผู้ป่วย โดยใช้เงินส่วนตัวซื้อของจำเป็นที่ขาดแคลน เช่น ผ้าอ้อมและยา...
ช่วงหนึ่งเธอและอาสาสมัครคนอื่น ๆ สามารถจัดหายาต้านไวรัสเอชไอวี (ARV) ให้ผู้ป่วยได้ถึง 53 คน
แต่ต่อมาถูกห้ามเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย ยาถูกยึด และถูกข่มขู่ให้หยุดจ่ายยาและออกจากวัด
วันหนึ่งหลังยางรถจักรยานยนต์ของเธอถูกกรีด เธอจึงออกจากวัดในปลายปี 2547
นับแต่นั้นมาไม่มีแพทย์หรือพยาบาลทำงานที่นั่นอีก
เธอและทีมพยายามช่วยผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตภายนอก หรือส่งโรงพยาบาล
เพราะพบว่าผู้ป่วยราว 95% ถูกญาติทอดทิ้ง... เธอเชื่อว่าการที่ผู้ป่วยดูแข็งแรงขึ้นอาจทำให้เงินบริจาคลดลง
ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่เธอถูกขอให้ออก และชี้ว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่เป็นตราบาปทางสังคมที่วัดสะท้อนออกมา
บทสัมภาษณ์พยาบาลที่เคยทำงานดูแลคนไข้โรคเอดส์ระยะสุดท้ายในวัดพระบาทน้ำพุ
ระหว่าง พ.ศ. 2546-2547...วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ดำเนินงานในฐานะสถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคนี้
แต่ผู้วิจารณ์กล่าวว่าวัดกำลังหากำไรจากผู้ป่วย
ซึ่งสามารถเข้ารับการรักษาในระบบสาธารณสุขด้วยยาที่ช่วยยืดอายุได้
เลสลีย์ (ไม่ใช่ชื่อจริง) เดินทางไปวัดพระบาทน้ำพุเป็นครั้งแรกช่วงปลายปี 2546
พยาบาลชาวสวิสรายนี้มีประสบการณ์ทำงานกว่า 15 ปีในขณะนั้น
และจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยด้านจิตวิทยาและปรัชญา
งานประจำวันของเธอ รวมถึงการเอกซเรย์ ตรวจเลือด จัดทำแฟ้มและรายชื่อผู้ป่วย
แต่สิ่งของจำเป็นหลายอย่างขาดแคลนอยู่เสมอ อาสาสมัครจึงต้องควักเงินส่วนตัวซื้อผ้าปูที่นอน
อุปกรณ์การแพทย์ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และอาหารให้ผู้ป่วยเอง
ครั้งหนึ่ง เลสลีย์และอาสาสมัครคนอื่น ๆ รวมทั้ง พญ.จุรีรัตน์ สามารถจัดหายาต้านไวรัสเอชไอวี (ARV)
ให้ผู้ป่วยได้ถึง 53 คน แต่จากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มยากลำบาก
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจเลือดหรือเปิดดูแฟ้มเวชระเบียนของผู้ป่วย
จากนั้นยาต้านก็หายไป และเลสลีย์ก็ถูกข่มขู่
“มีคนบอกฉันให้หยุดจ่ายยาต้านและออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นจะถูกฆ่า” เลสลีย์กล่าว...
วันหนึ่งยางรถจักรยานยนต์ของเธอถูกกรีดจนแบน ในที่สุดเธอก็ออกจากวัดไปในเดือนพฤศจิกายน 2547
นับแต่นั้นมาก็ไม่มีแพทย์หรือพยาบาลทำงานอยู่ที่วัดอีกเลย
ในช่วงวันท้าย ๆ ที่นั่น เลสลีย์และอาสาสมัครคนอื่นพยายามช่วยผู้ป่วยให้ออกจากวัด
เพื่อกลับไปใช้ชีวิตข้างนอก หรือหากร่างกายอ่อนแอก็จะได้ไปรักษาตัวในโรงพยาบาล
จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่วัดหลายคน สเปกตรัมพบว่าประมาณ 95% ของผู้ป่วยที่วัดพระบาทน้ำพุถูกญาติพามาทิ้งไว้
ขณะที่มีเพียงราว 5% เท่านั้นที่ยังมีญาติมาเยี่ยม
ผู้ป่วยถูกปลดจากข้าวของส่วนตัวชิ้นสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าหรือแหวน
แล้วก็ถูกปล่อยให้ตายให้เร็วที่สุด เพื่อให้ความอับอายหายไปจากวงศ์ตระกูล” เลสลีย์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 50 ปีกล่าว
“บางคนถูกพามาในสภาพน่าเวทนา-เล็บยาว ไม่เคยอาบน้ำ ใกล้ตายหรือเสียชีวิตแล้ว
บางครอบครัวไม่รู้ว่ายาต้านมีให้ฟรีและเข้าถึงได้ทุกคนในโรงพยาบาล แต่พวกเขารู้จากทีวีว่ามี ‘วัดเอดส์’ ในลพบุรี”
เธอกล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีสถานที่เช่นนี้อยู่ บางคนก็จะปล่อยให้ญาติของตนตายโดยไม่มีโอกาสได้รับยาต้าน
“มันไม่เกี่ยวกับศาสนาอย่างที่ชาวตะวันตกหลายคนคิด แต่เกี่ยวกับตราบาปทางสังคม” เธอกล่าว
“วัดนี้เป็นช่องโหว่ที่สมบูรณ์แบบ”... จนถึงทุกวันนี้ เลสลีย์ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าทำไมเธอจึงถูกขอให้ออกจากวัด
แต่เธอสันนิษฐานว่าผู้ป่วยดูมีสุขภาพดีเกินไปเมื่อได้รับยาต้าน ซึ่งอาจทำให้เงินบริจาคลดลง
“ถ้าผู้ป่วยได้รับยาต้านและอยู่กับครอบครัว สังคมก็จะถูกบังคับให้ต้องรับมือกับพวกเขา
และวัดพระบาทน้ำพุก็จะไม่มีอยู่ต่อไป” เธอกล่าว...
ญาติของคนป่วยเอดส์เขาไม่มีความรู้เรื่องการรักษาโรคเลยหรือครับ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5319060
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-1863777
จากข่าวนี้ ระบุว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้