มิตรรัก นักแฟนตาซี SS7 EP0 : สอนเล่น FPL เบื้องต้น เตรียมลุยซีซันใหม่ที่เปลี่ยนแปลงเยอะ!

เป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่ผมเริ่มเขียนบทความ “มิตรรัก นักแฟนตาซี” ทุกๆ 2 ซีซัน ต้องอัปเดตบทความสอนเล่นกัน โดยซีซันนี้ มาช้าไปนิด แต่ก็ยังหวังว่าจะทัน เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ที่อยากลองเข้ามาสู่โลกของแฟนตาซี โดยเฉพาะ Fantasy Premier League (FPL) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รวมถึงในบ้านเราด้วย

[แฟนตาซี และ FPL คืออะไร?]

แฟนตาซีไม่ได้มีแค่ฟุตบอล แต่ฟุตบอลโดยเฉพาะ FPL ก็แพร่หลายที่สุด

อธิบายแบบง่ายๆ เกมทีเรียกว่า “แฟนตาซี” ถูกใช้กันทั่วโลก ซึ่งแม้เราจะคุ้นเคยกับกีฬาฟุตบอล แต่ความจริง มีเกมแบบนี้ ในหลากหลายกีฬา โดยเป็นการจำลองให้คุณเป็นกุนซือ จัดทีมในฝัน โดยอ้างอิงผลคะแนนจากผลการแข่งขันจริง เช่น ซาล่าห์ยิงประตู คุณเลือกซาล่าห์ในแฟนตาซี คุณก็ได้คะแนน

ส่วน Fantasy Premier League หรือเรียกสั้นๆ ว่า FPL เป็นเกมแฟนตาซี Official ของ English Premier League (EPL) เปิดให้แล่นกันมายาวนาน โดยเกมพัฒนากฎ และรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้สนุกกันมาโดยตลอด และที่สำคัญคือเล่นฟรี!

[เริ่มต้นสมัคร และสร้างแอคเคาท์]

ซีซันนี้ไม่ขอลงลึกไปที่การลงทะเบียนใหม่ (Register Now) เพราะหมดอีเมล์จะทดลองแล้ว แต่คอนเซปท์หลักคิดว่าไม่ต่างจากเดิม คือคุณสามารถใช้ช่องทางล็อคอินได้หลากหลาย โดยส่วนใหญ่ใช้อีเมล์ โดยต้องลงทะเบียนแอคเคาท์กับ EPL ก่อน

ถ้าเคยสร้างแอคเคาท์แล้วก็ล็อคอินได้เลย ถ้ายังต้องลงทะเบียนก่อน

ขั้นตอนสำคัญคือทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวให้เรียบร้อย และทำการยืนยันอีเมล์ โดยการคลิกลิงค์ยืนยันสมัคร จากเมล์ที่ทางระบบส่งไป คิดว่าไม่ยากเกินความสามารถทุกท่าน เพียงแต่มันไม่มีภาษาไทยรองรับ

ตอนนี้ EPL เปลี่ยนเป็นเรียกแอคเคาท์กลางว่า myPremierLeague

สำหรับใครที่เคยเล่น หรือมีแอคเคาท์อยู่แล้ว ก็ทำการล็อคอินช่องทางของคุณ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการสร้างทีมของซีซันใหม่ (2025/26) ครั้งแรก ต่อไป

[การเลือกทีมครั้งแรก]

หน้าตา UI ซีซันนี้ของ FPL มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ (ซึ่งส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่อาจจะเพราะยังไม่ชินมั้ง) ซึ่งเมื่อล็อคอินเข้าไปแล้ว ต้องกดเมนู “Squad Selection” เพื่อจัดทีมครั้งแรก

ต้องเริ่มด้วยการสร้างทีมผ่าน Squad Selection

เมื่อกดเข้าไป ก็จะเจอหน้าจัดทีมครั้งแรก ซึ่งส่วนใหญ่สามารถกด “Auto Pick” บริเวณด้านล่าง เพื่อให้ระบบจัดให้ไปก่อน เพราะเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่จำกัด จนกว่าจะถึงเดดไลน์ Gameweek 1 (แมทช์แรก) หรือถ้าใครอยากพิถีพิถันจัดเลย ก็ใช้เมนูฟิลเตอร์ด้านซ้าย เลือกกรองนักเตะได้


เผื่อใครอยากจัดทีมเลย ก็จะเขียนถึงสั้นๆ กับกฎการเลือกทีมเบื้องต้น ที่มือใหม่ควรทราบ
-> คุณมีงบประมาณจัดทีมเริ่มต้น ไม่เกิน 100 ล้านปอนด์ โดยนักเตะแต่ละคนมีราคาที่เขาตั้งมา

-> คุณต้องเลือกนักเตะทั้งหมด 15 ตัว ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู x2, กองหลัง x5, กองกลาง x5, กองหน้า x3 โดยนักเตะทุกคนมีตำแหน่งตายตัว ไม่มีการเปลี่ยนระหว่างซีซัน

-> เลือกนักเตะจากสโมสรเดียวกัน ได้สูงสุดเพียง 3 คนเท่านั้น

เลือกเรียบร้อย ก็กด “Enter Squad” และทำการตั้งชื่อ บวกเลือกทีมที่เชียร์ (จะมีผลในการจัดลีกเฉพาะแฟนทีมนั้นๆ ไม่มีอะไรซีเรียส) ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนเลือกทีมครั้งแรก

กด Enter Squad และตั้งชื่อทีม ให้เรียบร้อย

[รู้จักเมนูต่างๆ ของ FPL]

จัดทีมครั้งแรกจบ ก็จะเจอหน้า UI โฉมใหม่ ต้องมาไล่เรียงกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง


(1) Pick Team: หน้าที่รวบรวมสิ่งที่เกี่ยวกับทีม และรายละเอียดต่างๆ ของคุณไว้หมด ไม่ว่าจะเป็น การจัด 11 ตัวจริง และ 4 ตัวสำรอง, การเลือกกัปตัน/รองกัปตัน (คลิกที่ตัวนักเตะ แล้วติ๊กเลือก), คะแนนของเรา, มินิลีกที่เราจอย, จำนวนการเปลี่ยนตัว, ประวัติทีมของเรา และรวมถึงของเล่นใหม่ การใช้ Ai มาร่วมด้วย

(2) Transfer: อีกเมนูขาประจำ เพราะใช้เปลี่ยนเอานักเตะออกจากทีม แล้วเลือกนักเตะเข้ามาแทน ดังนั้นจะมีฟิลเตอร์ให้เลือกนักเตะทั้ง 20 ทีม, รายละเอียดงบประมาณ, ตัวช่วย(Chips) ต่างๆ, รวมถึงโปรแกรมเตะด้านล่างด้วย

(3) Leagues & Cups: อีกฟังก์ชันหลัก ที่เป็นจุดขายของ FPL เพราะเปิดโอกาสให้คุณแข่งขันกับเพื่อน ด้วยการตั้ง “มินิลีก” ซึ่งมีรูปแบบทั้งวัดคะแนน, H2H, H2H + รอบน็อคเอาท์ โดยคุณสามารถเป็นได้ทั้งคนที่ตั้งลีกเอง, จอยลีกที่คนอื่นสร้าง, จอยลีก Public  และหน้านี้ ยังดูอันดับของมินิลีกทั้งหมดได้อีกด้วย

(4) Fixtures: ตารางการแข่งขันเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งใช้เป็นตารางแข่งของ FPL เช่นกัน โดยอยากให้เน้น Fixture Difficult Rate (FDR) ที่เกมอำนวยความสะดวก ประเมินความยาก-ง่ายของโปรแกรมแต่ละทีมไว้ ซึ่งจำเป็นต่อการเลือกทีมให้เหมาะสมกับช่วงเวลา

(5) The Scout: คอนเทนท์ทางการของ FPL ในการรวบรวมบทความ และการวิเคราะห์ต่างๆ ใครสนใจก็คอยติดตามอ่านได้ นอกนั้น ก็มีข้อมูลจากคอมมูนิตี้ต่างๆ ทั้งไทย และเทศ ให้ตามข้างนอกอีกเพียบ

(6) Podcast: FPL ทำมาซักระยะแล้ว ด้วยการเพิ่มรูปแบบการติดตามคอนเทนท์ในสำหรับคนชอบฟัง เพราะจำนวนผู้เล่นของ FPL เติบโตมาตลอด เกินหลัก 10 ล้านไอดี ต่อซีซัน ไปเรียบร้อย

(7) Stats: เป็นเมนูที่เขาเรียงเอาสถิติต่างๆ ให้เราเช็คได้สะดวก ซึ่งส่วนใหญ่เราสามารถเช็คได้เร็วกว่าในเมนู Transfer อยู่แล้ว

(8) Prizes: FPL เล่นฟรี แต่มีรางวัลนะ เพียงแต่รางวัลมันไม่ได้เยอะ ต้องเป็นอันดับต้นของโลกในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น ถึงจะได้ (คนไทยก็เคยได้นะ)

(9) Help: เมนูรวบรวมข้อมูลของเกม ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่พบบ่อย, กติกา, และมีสิ่งที่ปรับเปลี่ยนใหม่ของซีซันนี้ แยกมาให้อ่านด้วย

(10) FPL Challenge: เป็นของใหม่ ที่เขาพยายามปั้นมาซักพัก เป็นเหมือนเกมแยกจาก FPL ไม่คิดคะแนนร่วมกับ FPL โดยรูปแบบไม่ขอลงลึก อธิบายสั้นๆ ว่าเป็นการสร้างทีมขนาดเล็กเป็นวีคๆ ตามกฎที่กำหนด จะเล่นควบคู่ไปกับ FPL ก็ทำได้

[กฎหลักของการเล่น]

รายละเอียดการเล่น FPL มีค่อนข้างเยอะ แต่อย่าตกใจไป เน้นเข้าใจคอนเซปท์หลักก่อน ซึ่งผมจะขอหยิบมาเล่ามาให้ทำความเข้าใจให้สั้นที่สุด เท่าที่ทำได้

< การวัดผล >

FPL เป็นเกมที่อิงผลงานในสนามจริง มาเป็น “คะแนนทีมของเรา” ซึ่งมาจากนักเตะแต่ละคนที่เราเลือกในทีม โดยมีกติกาการคิดคะแนนอยู่ สำหรับค่าแอคชันการกระทำต่างๆ แล้ววัดผลจัดอันดับกัน


โดยคะแนนจะคิดตามช่วงเวลา โดยกรอบเวลาหลัก เรียกว่า Gameweek ซึ่งขอเรียกทับศัพท์มาเลย ไม่อยากใช้คำว่า “สัปดาห์” เพราะบางทีในช่วง 1 Gameweek มีระยะเวลามากกว่า หรือน้อยกว่า 7 วัน เดี๋ยวจะสับสน โดยทั้งซีซัน จะมีแข่งขันกันทั้งหมด 38 Gameweek

“คะแนนของทีม” ที่อธิบายไป จะถูกนำมาวัดผลกัน โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาหลากหลาย เพื่อเพิ่มความสนุก โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดการแบ่งได้ที่ เมนู Help >> Rules >> Leagues

< การคิดคะแนน >

มาลงรายละเอียดการตีความสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามจริง เป็นคะแนน FPL โดยคร่าวๆ ตามตารางนี้ (อยากดูละเอียด เข้าไปที่ Help >> Rules >> Scoring)


มี 2 จุดที่ต้องอธิบายเพิ่มเติม อย่างแรกคือ “Bonus Point System” หรือ “BPS” ซึ่งเป็นคะแนนพิเศษ สำหรับแข้งที่ทำ BPS ได้สูงสุดของเกม รับคะแนนเพิ่ม 3-2-1 ตามลำดับ (รายละเอียดของคะแนนย่อย BPS สามารถดูเพิ่มได้ที่ Help >> Rules >> Scoring)

อีกจุดคือของใหม่ ที่ FPL เพิ่มคะแนนพิเศษขึ้นมา จากการมิติเกมรับ โดย CBIT กับ CBITR เป็นตัวย่อมาจากแอคชันต่างๆ (C = การเคลียร์บอล, B = การบล็อก, I = การตัดบอล, T = การเข้าปะทะ, R = การ recover บอล) ซึ่งผมคงเขียนอธิบายแยกในเพจอีกที

ค่าคะแนน CBIT และ CBITR ที่เพิ่มมา ช่วยให้แอคชันเกมรับมีผลมากขึ้น

และนอกเหนือจากรายละเอียดการคิดคะแนน ยังมีคำอธิบายเพิ่มเติมของเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะตัดสินการคิดคะแนน เช่น การโดนใบแดง, การแอสซิสต์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่เมนู Help เช่นกันครับ

[การจัดตัวผู้เล่น]

คอนเซปท์หลักต่อไป คือการจัดตัว เพราะนักเตะในทีม เป็นทรัพยากรทำคะแนนให้เรา โดยขอย้ำกฎเบื้องต้น 3 อย่างอีกที
-> คุณมีงบประมาณจัดทีมเริ่มต้น ไม่เกิน 100 ล้านปอนด์ โดยนักเตะแต่ละคนมีราคาที่เขาตั้งมา

-> คุณต้องเลือกนักเตะทั้งหมด 15 ตัว ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู x2, กองหลัง x5, กองกลาง x5, กองหน้า x3 โดยนักเตะทุกคนมีตำแหน่งตายตัว ไม่มีการเปลี่ยนระหว่างซีซัน

-> เลือกนักเตะจากสโมสรเดียวกัน ได้สูงสุดเพียง 3 คนเท่านั้น

โดยการคิดคะแนนในแต่ละ Gameweek จะคิดจาก 11 ตัวจริงที่ลงสนาม (ยกเว้นจะใช้ตัวช่วย ที่เดี๋ยวอธิบายอีกที) แต่สำรองทั้ง 4 คน ก็ยังมีความสำคัญ ที่สามารถสลับมาเป็นตัวจริง เนื่องจากเรามีโควตาเปลี่ยนตัวจำกัด เปลี่ยนเกินก็เสียแต้มลบ

ถึงคะแนนจะคิดจาก 11 ตัวจริง แต่ตัวสำรองก็ใช้ไว้สับเปลี่ยนได้

กฎที่ FPL ตั้งขึ้น ทำให้เราต้องติดตามทีม และนักเตะที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เพียงทีมใหญ่ เพราะนอกจากกฎใช้ได้เพียง 3 คน ยังมีงบประมาณจำกัด ที่เราไม่สามารถเอาแข้งจากทีมใหญ่มายัดรวมกัน

สุดท้ายของหัวข้อนี้ ที่ต้องเข้าใจให้ดี คือแผนการเล่น (Formation) ในการจัด 11 ตัวจริง ต้องมีผู้รักษาประตู 1 คน, ต้องมีกองหลังอย่างน้อย 3 คน และมีกองหน้าอย่างน้อย 1 คน แผนเลยมีแค่ 3-4-3, 3-5-2, 4-3-3, 4-4-2, 4-5-1, 5-2-3, 5-3-2, 5-4-1 เท่านั้น

ซึ่งการปรับเปลี่ยนแผน ทำได้โดยเปลี่ยนสำรองขึ้นมาแทนตัวจริง เช่น จัดระบบ 4-4-2 อยู่ พอเปลี่ยนสำรองกองหน้าเข้ามาแทนกองกลาง ระบบก็เป็น 4-3-3 โดยเป็นแค่การจัดเรียง ไม่ต้องไปคิดเผื่อว่าแผนไหนดีกว่าแผนไหน ให้ยึดที่แต่ละตัวจะทำคะแนนหรือเปล่า เป็นสำคัญ

(ขอต่อในคอมเมนท์ครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่