วิมุติจิตต่างจากจิตปุถุชน อย่างไร??
วิมุติจิต แปลตรงตัวได้ว่า
จิตที่พ้นแล้ว / จิตที่หลุดพ้น
ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง จิตที่เป็นอิสระจากกิเลสและพันธนาการ ไม่ถูกผูกมัดด้วยอาสวะ ตัณหา หรืออวิชชาอีกต่อไป
ความหมายตามพระไตรปิฎก
“วิมุติ” = ความหลุดพ้น, ความเป็นอิสระ
“จิต” = ธาตุรู้อันเป็นหลักของชีวิตจิตใจ
เมื่อรวมกัน วิมุติจิต = จิตที่พ้นจากเครื่องร้อยรัด (สังโยชน์) ทั้งหมด
เป็นจิตของพระอรหันต์ หรือจิตในขณะที่บรรลุผล (มรรคจิต–ผลจิต) ซึ่งไม่กลับไปเศร้าหมองอีก
ลักษณะของวิมุติจิต
1. หลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง
ไม่มีความยึดมั่นในขันธ์ 5, ไม่มีตัณหา, ไม่มีอุปาทาน
2. ไม่เกิดอีก (อกุปปะ)
ไม่มีเหตุให้เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
3. สงบ เย็น เบา
เป็นสภาพจิตที่บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลส
4. ดำรงในวิมุติอย่างมั่นคง
ไม่ใช่ชั่วคราวแบบสมาธิ แต่ถาวรเพราะกิเลสสิ้นแล้ว
ตัวอย่างในพระสูตร
ใน พระสุตตันตปิฎก หลายแห่งกล่าวว่า
“จิตของพระอรหันต์เป็นวิมุติ เพราะอาสวะสิ้นไป”
และมักปรากฏคู่กับคำว่า วิมุติญาณทัสสนะ (ความรู้ชัดว่าตนหลุดพ้นแล้ว)
จิตปุถุชน ตรงกันข้าม ยังคงมีราคะ โทสะ โมหะอยู่เต็มไปหมด ทั้งแบบชัดเจนและแบบซ่อนเร้นภายใน ยังคงมีความอยากได้ อยากเป็น อยากไม่ให้เป็น ยึดถือขันธ์ 5 ว่าเป็น “เรา” หรือ “ของเรา” จิตจึงผันผวนตามอารมณ์ บางทีก็สุข บางทีก็ทุกข์ ความสุขก็อยู่ไม่นานเพราะยังปนทุกข์อยู่มาก และสุดท้ายยังต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
วิมุติจิตต่างจากจิตปุถุชน อย่างไร??
วิมุติจิต แปลตรงตัวได้ว่า
จิตที่พ้นแล้ว / จิตที่หลุดพ้น
ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง จิตที่เป็นอิสระจากกิเลสและพันธนาการ ไม่ถูกผูกมัดด้วยอาสวะ ตัณหา หรืออวิชชาอีกต่อไป
ความหมายตามพระไตรปิฎก
“วิมุติ” = ความหลุดพ้น, ความเป็นอิสระ
“จิต” = ธาตุรู้อันเป็นหลักของชีวิตจิตใจ
เมื่อรวมกัน วิมุติจิต = จิตที่พ้นจากเครื่องร้อยรัด (สังโยชน์) ทั้งหมด
เป็นจิตของพระอรหันต์ หรือจิตในขณะที่บรรลุผล (มรรคจิต–ผลจิต) ซึ่งไม่กลับไปเศร้าหมองอีก
ลักษณะของวิมุติจิต
1. หลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง
ไม่มีความยึดมั่นในขันธ์ 5, ไม่มีตัณหา, ไม่มีอุปาทาน
2. ไม่เกิดอีก (อกุปปะ)
ไม่มีเหตุให้เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
3. สงบ เย็น เบา
เป็นสภาพจิตที่บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยกิเลส
4. ดำรงในวิมุติอย่างมั่นคง
ไม่ใช่ชั่วคราวแบบสมาธิ แต่ถาวรเพราะกิเลสสิ้นแล้ว
ตัวอย่างในพระสูตร
ใน พระสุตตันตปิฎก หลายแห่งกล่าวว่า
“จิตของพระอรหันต์เป็นวิมุติ เพราะอาสวะสิ้นไป”
และมักปรากฏคู่กับคำว่า วิมุติญาณทัสสนะ (ความรู้ชัดว่าตนหลุดพ้นแล้ว)
จิตปุถุชน ตรงกันข้าม ยังคงมีราคะ โทสะ โมหะอยู่เต็มไปหมด ทั้งแบบชัดเจนและแบบซ่อนเร้นภายใน ยังคงมีความอยากได้ อยากเป็น อยากไม่ให้เป็น ยึดถือขันธ์ 5 ว่าเป็น “เรา” หรือ “ของเรา” จิตจึงผันผวนตามอารมณ์ บางทีก็สุข บางทีก็ทุกข์ ความสุขก็อยู่ไม่นานเพราะยังปนทุกข์อยู่มาก และสุดท้ายยังต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป