ควรเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้

​มันเป็นเรื่องราวของผมที่อาจจะดูน้ำเน่าไปสักนิดนึงนะครับ แต่อาจจะขอปรึกษา เพื่อนๆชาว Pantip เพื่อให้ ข้อคิดเห็นดีๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ความรักของผมประเด็นมีอยู่ว่า ผมกับผู้หญิงคนหนึ่ง​ ทำงาน​มาด้วยกันสักระยะหนึ่ง น่าจะเกือบ 10 ปี แต่เป็นลักษณะที่ประชุมร่วมกัน ​ ไม่ได้อยู่ที่ทำงานด้วยกัน ผมรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เขามีเสน่ห์มาก มีนิสัยที่ดีมากๆคอยช่วยเหลือในระหว่างการทำงานหรือประชุมร่วมกัน ให้ข้อคิดดีๆต่างๆ เวลารู้สึกไม่สบายใจ เขาก็จะส่งข้อความรูปภาพน่ารักๆ มาให้ดู จนผมรู้สึกว่า การได้คุยกับเขา เป็นสิ่งที่ดีมากอย่างหนึ่ง มาช่วยเติมในสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงเวลาที่ผมมีปัญหา ทำให้เกิดการ Balance ของชีวิตได้เป็นอย่างดีครับ ผมก็เขาก็คุยด้วยกันมาเรื่อยไปแลกเปลี่ยนชีวิตประจำวัน เขาก็จะส่งรูป การทำกิจกรรมต่างๆของเขาในแต่ละวันมาให้ดู เช่น เลี้ยงหมา ทำกับข้าว ไปเที่ยว คุยกันได้สักระยะหนึ่ง และ ในที่สุด การประชุม หรือการทำงานนั้น ก็จบลงต้องแยกย้ายกัน เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ผมจึงนัดกินข้าว เพราะคิดว่าเขาไปแต่งงานหรือมีครอบครัว เป็นการเลี้ยงส่ง ก็เลยแอบถามเขาตรงๆว่าจะไปแต่งงานหรือจะไปทำอะไรเขาบอกว่าไปเรียนต่อในหลักสูตรเฉพาะ จึงไม่ได้ทำงานต่อ ในส่วนนั้น ​​ ผมจึงเข้าใจครับว่าเขาไปทำอะไรต่อ หลังจากนั้นก็ยังคุยกันเรื่อยมาอาจจะไม่ได้ทุกวันแต่ก็ยังคุยกันเป็นปกติจนเขาเรียนจบหลักสูตรดังกล่าว วันจบหลักสูตรเขาก็ชวนผม ไปร่วมงานวันจบผมก็เลยนำดอกไม้ไปให้เขา แล้วก็บอกความในใจว่าที่คุยกับเขามาตลอดผมรู้สึกประทับใจนะและรู้สึกชอบเขา เขาก็ตอบกลับมาว่า รู้สึกประทับใจผมเช่นเดียวกัน

หลังจากเขาเรียนจบหลักสูตรดังกล่าว เขาก็เลือกที่ทำงานที่จะลงต่อหลังจากเรียนหลักสูตรนั้นปรากฏว่าเขาเลือกที่ทำงานที่อยู่ใกล้ที่ทำงานผม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี​ เพราะเราได้มีโอกาส เจอกันมากขึ้น เราก็มีโอกาสได้คุยกันไปทานข้าวด้วยกันแต่ฝ่ายผู้หญิงจะเป็นคนบริหารจัดการเรื่องเวลา เวลาผมนัดไปเขาจะต้องดูก่อนเสมอว่าเขาว่างวันไหนอย่างไรแล้วเขาจะเป็นบอกผมมาแทน โดยเฉลี่ย อาจจะเป็นสัปดาห์เว้นสัปดาห์ แล้วก็จะมีการซื้อของไปมาให้การไปทำกิจกรรมในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเสาร์อาทิตย์ เนื่องด้วยฝ่ายผู้หญิงบอกว่าต้องดูแลที่บ้านหรือทำกิจกรรมกับที่บ้าน
ไปกินข้าวเขาก็จะลงรูปบนโซเชียลมีเดีย โดยเป็น IG ของเขาซึ่งตั้งค่าเป็นส่วนตัว และบอกว่าผู้ใหญ่ใจดีพาไปกินข้าว ส่วนผมก็จะลง IG ของผม ว่ามีสาวน่ารักไปกินข้าวด้วย ​เขาอยู่ในที่ทำงานดังกล่าวได้ 1 ปี ​​​​ เขาก็ขอกลับไปทำงานที่เดิมก่อนที่เขาจะเรียน ซึ่ง จะทำให้เรามีโอกาสได้เจอกันน้อยลง ส่วนผมเองก็ต้องไปเรียน หลักสูตรเฉพาะ ประกอบกับช่วงนั้นโดนเจ้านายเล่นงานทำให้มีเวลา ในการบริหารจัดการสมองลดลงไว้พอสมควร แต่เราทั้งสองคนก็ยังคุยกัน อาจจะมี เว้นระยะบ้าง ไม่ได้ ติดต่อกันสม่ำเสมอ แต่ก็ส่งรูปกิจวัตรประจำวัน คิดถึงกันอยู่เรื่อยมา

​​ จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขาได้มาเรียนอีกหลักสูตรหนึ่ง เป็นการเฉพาะ วันเปิดเรียนวันวาเลนไทน์ผมก็เอาดอกไม้ไปให้เขาที่เรียน เขาแนะนำเพื่อนๆว่านี่เป็น เพื่อนรุ่นพี่ ในการให้ดอกไม้ดังกล่าวผมได้เขียนการ์ดแสดงออกว่าผมรักเขามาก และสารภาพรักไปในการ์ดนานๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงการ์ดดังกล่าว แต่ว่า เขาลงรูป IG เกี่ยวกับผม ว่าไปทานข้าวด้วยกันในวันเกิดเขา ซึ่งเป็นวันก่อนวันวาเลนไทน์ แต่เขามาลงย้อนหลัง และถ้ามีเวลาเราก็กินข้าวกันผมก็ไปรับไปส่ง ในวันไหนที่ผมไม่ติดกับงาน รวมทั้งเขาจะไปทำกิจกรรมที่ต่างจังหวัดก็ไปรับไปส่ง ในช่วงค่ำที่เขาต้องเดินทาง เพราะเกรงว่ามันจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขา เรามี รับประทานอาหารหรือซื้อของให้กัน มากขึ้นกว่าปีก่อนๆที่ผ่านมา และ ผมก็รู้สึกดีขึ้น พอเราได้มีการทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมพยายามจะไปเจอเขาในวันที่เรียนแต่ก็ไม่อยาก ไปละเมิดหรือทำให้อึดอัดว่าเวลาเรียนผมไปนั่งเฝ้า ส่วน เขาก็ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนตามปกติและลงรูปมา

หลังๆสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกต เวลาผมทักคุยกับเขา เขาจะตอบไลน์ผมช้ามาก หรือไม่ค่อยตอบเลย บางทีก็ส่งมาแต่รูป ​​ ซึ่งเริ่มเป็นเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา หรือมักจะลืมเรื่องที่คุยว่าจะไปไหนจะทำอะไร แต่ ผมยังมีของนำไปส่งที่บ้านเขาอยู่เอาไปให้ที่บ้าน แต่ที่แปลกคือ ผมจะยังไม่ถูกแนะนำให้กับที่บ้านเขา รับทราบว่าเป็นใครเป็นเพียงรุ่นพี่เท่านั้น ผมมีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อของเขา เวลาสั้นๆตอนไปรับและเจอหน้าบ้าน แต่ตอนไปรับ ยังไม่เคยเจอคุณแม่เขา มีอยู่ 2-3 ครั้งที่ไปรับตอนช่วงกลางคืนไปส่งที่สนามบิน คุณแม่เขามายืนอยู่และเปิดผ้าม่านมองดูว่าใครมารับ เพราะผมเห็นว่าเป็น เงาผู้หญิง ซึ่งผมก็ถามเขาว่า ไม่ผิดน่านเหรอก่อนออกจากบ้านแล้วยังเปิดไฟอยู่ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวให้คนในบ้าน มี มีซึ่งอาจจะเป็นคนงานในบ้านปิด ซึ่งผมก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมไม่บอกว่าเป็นแม่ของเขา เราก็ยังคุยเป็นปกติดีแต่เขาก็ยังตอบไลน์ช้าเหมือนเดิมจนหลังๆผมก็เริ่ม งอนเพราะเขา ไปไหนมาไหนหลายครั้งก็ไม่บอกแต่ก็ยังดีที่ส่งรูปว่าไปทำกิจกรรมที่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้บอกหรอก นะครับว่า ผมงอนอะไรเพียงแต่ก็อ่านแล้วอาจจะไม่ได้แสดงความรู้สึกหรือเปล่าอะไรกลับไปใน LINE

หลังๆมาผมเริ่มพูดถึงเรื่องอนาคต การมีครอบครัว มากขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร มักจะ เปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นแล้วก็ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ไป จนมา เมื่อสัก 3-4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อ เมื่อผมดูย้อนหลังไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าการทักของเขากับผมเป็นลักษณะเขาทักมาแล้วก็หายไป เหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ ​ ซึ่งในทุกวันผมสัญญาไว้แล้วว่าเราจะทักทายตอนเช้าและนอนหลับฝันดีในตอนกลางคืน เขาจะถามว่าทำอะไรกินอะไร ผมมักจะตอบภายในครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงเป็นยังถ้าไม่ยุ่ง หรืออาจจะตอบทันทีถ้า​โทรศัพท์อยู่ที่ตัว แต่เขาก็จะไม่อ่านข้อความที่เขาถามอาจจะผ่านไป 3-4 ชั่วโมง จนผมรู้สึกไม่ค่อยดี แต่เข้าใจว่ายุ่งก็ยังพอรับได้

อีกนิดนึงครับพอดีช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ​ ผมกำลังจะซื้อบ้านใหม่เพื่อเตรียมว่าอนาคตจะทำอะไรยังไงและขอให้เขาไปช่วยดูด้วย เขาก็บอกว่าไม่ว่าง ให้เป็นสัปดาห์ถัดไป ผมก็ถามย้ำอีกใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็บอกไม่ว่างอีกเช่นเดียวกัน และเหมือนเขาก็ลืมไม่ถามอีกว่า จะไปดูบ้านวันไหนยังไง

ที่รู้สึกไม่ค่อยดีมากที่สุดคือเขาหายไปวันหนึ่ง หลังจากผมรับประทานข้าวเช้าไปแล้วเขาถามว่า ทำอะไรอยู่ผมก็ตอบว่ากินข้าวแล้วมาทานด้วยกันไหม ​ และส่งรูปไปให้เขาดูตอน 9 โมงเช้า กว่าเขาจะอ่านอีกทีก็คือ 3 ทุ่มและก็ส่งเพียงรูปว่าไปอยู่ที่ไหน ผมเริ่มงอน และตอบช้าลง เกือบ 5 วันและสุดท้ายผมก็ไปขอโทษเพราะว่าขออภัยนะที่เงียบหายไปมันรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างแต่ก็จะมาคุยปกติ เพราะ 5 วันที่ผมเงียบเขาก็ไม่ถามอะไรมาเลยเป็นระยะเวลา 5 วันจนผมต้องไปขอโทษ​​​

วันรุ่งขึ้นผมก็เลยเอาขนมไปให้ที่บ้านเขาในช่วงเย็น แล้วเขาก็พูดเรื่องว่าเขาจำอะไรได้ทั้งหมดเช่นเรื่องไปดูบ้านไปอะไรพวกนี้แต่เขายุ่งๆ และในวันเสาร์ สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็มากินข้าวที่บ้านและอยู่ดีๆก็ชวนคุณพ่อมาทานข้าวด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาส รับประทานข้าวกับพ่อของเขา และใน เสาร์อาทิตย์ ที่ผ่านมานี้ พอดีคุณพ่อคุณแม่ผม ขึ้นมา ผมก็ชวน เขามาทานข้าวที่บ้านด้วย ซึ่งจะเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน เขาบอกว่าเดี๋ยวจะดูเวลาให้ แต่จนมาถึงวัน ที่กำหนดเขาก็ไม่ตอบ แต่ในช่วงเวลา ระหว่างนั้นก็คุยเรื่องอื่นเป็นปกติ แต่เหมือนจะเพิกเฉยกับเรื่องนี้ และเขาก็โพสต์ว่าเขาพาคุณพ่อไปทานข้าว ไปธุระกับคุณแม่ซึ่งผมก็แปลกใจแค่ว่าทำไมไม่บอกตรงๆว่าติดธุระ แต่ไม่ยอมตอบเรื่องไปทานข้าว ซึ่งผมก็ไม่อยากถามจู้จี้ และเช่นเคยถามเรื่องอนาคตก็เงียบ ผมจึงเดาไม่ออกว่า ตกลงแล้ว เขาอยากมีความคืบหน้า ความสัมพันธ์มากไปกว่านี้หรือเปล่า​ที่เขียนอธิบายมาข้างบนอาจจะเขียนสรุปง่ายๆว่า จริงๆแล้วที่ผ่านมาทั้งหมด เขาแค่คิดว่าเราเป็นเพื่อนสนิทที่คุยอะไรได้ทุกเรื่องสามารถส่งรูปส่งอะไรต่างๆมา ไปกินข้าวด้วยกันได้สองต่อสอง ไม่ได้คิดเกินเลยไปมากกว่านั้น แต่ก็ไม่กล้าตอบตรงๆเป็นระยะเวลาเป็นปีๆหรือเปล่า และมักจะ โผล่มาตอนที่เรา รู้สึกคิดถึงเขามาก พอเวลาเราอยากจะไป เจอเขาหรืออะไรเขาจะบอกไม่ว่างซึ่ง กลายเป็นเขาเป็นผู้กำหนดเวลาทั้งหมด

มีเพิ่มเติมอีกนิดนึงครับ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามันมีเหตุที่เกิดขึ้นคือ เขาต้องนำเสนอผลงานหรืออะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนซึ่งผมก็ไปงานโดยที่ไม่ได้บอกเขาแต่มันเป็นงานที่เปิดให้ทุกคนทั่วไปเข้ามา ผมก็เจอกับเขา แล้วก็ทักทายกันเขาชวนไปถ่ายรูป ได้ประมาณ 2 รูปแล้วผมก็เข้าไปนั่งฟังการนำเสนอผลงานของเขา เขาก็นั่งอยู่ด้านหลังในฐานะผู้มาเรียน แล้วก็ถ่ายรูปผมอยู่ส่งมา ตอนนำเสนอผลงานเสร็จเขาก็ถามว่าผมอยู่ไหน ผมก็ตอบว่า รออยู่ ที่ห้องประชุม ให้เขาทำกิจกรรมกับเพื่อนให้เสร็จ ไปถ่ายรูปอะไรให้เรียบร้อย ซึ่งผมก็แอบลงไปดู แล้วก็แอบถ่ายรูปเขา ส่งไปใน LINE ของเขา ประเด็นคือผมก็นั่งรอเขาอยู่ในบริเวณนั้นล่ะครับ ก็นั่งดูเขาเดินไปมา ถ่ายรูปกับเพื่อน และผมก็ดูใน LINE ซึ่งเขาก็ไม่ได้อ่าน แล้วก็ในใจว่า หวังว่าคงไม่กลับบ้านโดยไม่อ่าน LINE นะ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคาด เขาก็เดินไปกับกลุ่มเพื่อน แล้วก็ขับรถออกไป ซึ่งผมก็ยังนั่งรออยู่ตรงนั้นและรู้สึกเสียใจมาก เพราะเขาเป็นคนถาม ใน LINE เองว่า ผมอยู่ไหน สักประมาณ 15 นาที หลังจากเขาขับรถออกไปแล้วเขาก็ได้โทรมา เขาบอกว่า รู้สึกผิดมากเขาไม่ได้อ่านไลน์เลยแล้วเขาขับรถออกไปแล้ว แล้วก็ถามว่าผมยังอยู่ไหน ผมก็บอกว่าผมยังนั่งรอ อยู่ที่ นำเสนองาน​ ผมก็บอกว่าให้เขากลับบ้านไปได้เลยไม่ต้องกังวลผมไม่ได้คิดอะไร เขาคิดว่าผมกลับไปแล้วจึงกลับบ้านเพราะมองไม่เห็น แต่วันนี้ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ค่อยใส่ใจ อะไรมากเลย เหมือนที่กล่าวมาข้างต้นคือถามไปงั้นๆใน LINE แต่ก็ไม่ได้กลับมาถามว่าไปทำอะไร

หลังจากวันนั้น​ก็ยังส่งข้อความมาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ​ แต่ก็ติดประเด็นเรื่องไปทานข้าวกับที่บ้านข้างต้นล่ะครับที่เล่ามาแล้วไม่ตอบ

ในอีกประมาณ 10 วันข้างหน้าเป็นวันที่เขาเรียนจบหลักสูตรเฉพาะที่เขากำลังเรียนอยู่นี้ ​ จริงๆเป็นวันที่ผมจะขอ เขาเป็นแฟนอย่างจริงจังและพูดถึงเรื่องอนาคตพร้อมกับเอาดอกไม้ไปให้ แต่เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นต่างๆในช่วงนี้ ทำให้ผมรู้สึกไม่แน่ใจว่าเขายังอยากก้าวหน้า ไปสู่ อนาคตที่ดีกับเราหรือเปล่า หรืออยากเป็นแค่เพื่อนคุยเพื่อนสนิทเท่านั้น ผมยิ่งอยากจะถามเพื่อนๆใน Pantip ว่า ผมควร ไปแสดงความยินดีเขาและจากไปเงียบๆ โดยไม่ต้องคุยเรื่องอนาคตกับแฟนอย่างเป็นทางการ หรือควรจะขอเป็นแฟนยังครับ ตอนนี้สับสนมากครับ เพราะถ้าทำอะไรลงไปแล้ว จะทำให้ความสัมพันธ์​ที่เป็นเรื่องที่ดี จะจบลงที่ไม่ดี ​ จึงขอปรึกษาเพื่อนๆครับเพราะว่าการกระทำของเขาไม่ตอบสนองต่อเรื่องอนาคตเลย ขอบคุณมากครับ



​​
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่