เรารู้กันอยู่แล้วว่า ราคาสินค้าและบริการของแบบเดียวกันอาจต่างกันลิบลับ เช่น ตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกันและชั้นเดียวกัน (economy/business), สินค้าที่ขายออนไลน์ ที่แล้วมาราคาอาจต่างกันเพราะ
ก) เวลาที่มีโปรโมชั่น (ช่วงโปรโมชั่น 8.8)
ข) เวลาที่ซื้อก่อนหลัง (ซื้อตั๋วล่วงหน้าอาจถูกกว่าเพราะมีชั้นราคาถูกกว่า)
ค) ซื้อจากประเทศไหน (เช่น ซื้อตั๋วจากไทย หรือจากต่างประเทศ) เพราะอัตราแลกเปลี่ยน หรือการแข่งขันในประเทศที่เราอยู่
และอื่นๆ
แต่เริ่มที่จะเห็นบางธุรกิจลองเอา AI เข้ามาจัดการตั้งราคาสินค้า เฉพาะเจาะจงกับลูกค้า โดยใช้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าและการแข่งขันขณะนั้น เช่น สายการบิน (Delta ในอเมริกา เริ่มลองในบางตลาด) ใช้
๐ ลูกค้าอยู่ที่ไหน เพื่อดูการแข่งขันด้านราคาที่เมืองนั้นๆ ทราบจาก IP address
๐ ลูกค้าเป็นใคร เดินทางบ่อย? ดูจากสถานะ frequent travel member Gold card, หรือสูงกว่า ทราบจากที่ log-in เข้า web
๐ ลูกค้าให้ความสำคัญด้านราคา? ดูจาก cache ที่ search หาราคาใน internet เช่น เข้าดู skyscanner หรือ google flight บ่อยๆ
และอื่นๆ
อันนี้จะต่างจาก supply/demand pricing ในอดีตที่ ดูจากของที่มี (ที่นั่งเหลือเยอะก็ถูกเพื่อให้ขายได้) แต่เป็นการ"เพิ่ม"ความเข้มข้นในการตั้งราคา เพื่อให้"ขายได้" ซื้อจะสร้างรายได้เพิ่มนั่นเอง
บริษัทไทยจะนำมาใช้?? ผมละกลัว "ป้าม่วง" ที่ในอดีตล้าหลังมาก ขายตั๋วผ่าน ticket agent เป็นหลัก จนแข่งขันไม่ได้ ตาม business model ไม่ทัน เพราะไม่มีผู้บริหารรุ่นใหม่ๆ หรือไม่หาความรู้ใหม่ๆในการทำตลาด
AI pricing - เครื่องมือตั้งราคาขายที่จะสร้างรายได้ให้ธุรกิจเพิ่ม
ก) เวลาที่มีโปรโมชั่น (ช่วงโปรโมชั่น 8.8)
ข) เวลาที่ซื้อก่อนหลัง (ซื้อตั๋วล่วงหน้าอาจถูกกว่าเพราะมีชั้นราคาถูกกว่า)
ค) ซื้อจากประเทศไหน (เช่น ซื้อตั๋วจากไทย หรือจากต่างประเทศ) เพราะอัตราแลกเปลี่ยน หรือการแข่งขันในประเทศที่เราอยู่
และอื่นๆ
แต่เริ่มที่จะเห็นบางธุรกิจลองเอา AI เข้ามาจัดการตั้งราคาสินค้า เฉพาะเจาะจงกับลูกค้า โดยใช้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าและการแข่งขันขณะนั้น เช่น สายการบิน (Delta ในอเมริกา เริ่มลองในบางตลาด) ใช้
๐ ลูกค้าอยู่ที่ไหน เพื่อดูการแข่งขันด้านราคาที่เมืองนั้นๆ ทราบจาก IP address
๐ ลูกค้าเป็นใคร เดินทางบ่อย? ดูจากสถานะ frequent travel member Gold card, หรือสูงกว่า ทราบจากที่ log-in เข้า web
๐ ลูกค้าให้ความสำคัญด้านราคา? ดูจาก cache ที่ search หาราคาใน internet เช่น เข้าดู skyscanner หรือ google flight บ่อยๆ
และอื่นๆ
อันนี้จะต่างจาก supply/demand pricing ในอดีตที่ ดูจากของที่มี (ที่นั่งเหลือเยอะก็ถูกเพื่อให้ขายได้) แต่เป็นการ"เพิ่ม"ความเข้มข้นในการตั้งราคา เพื่อให้"ขายได้" ซื้อจะสร้างรายได้เพิ่มนั่นเอง
บริษัทไทยจะนำมาใช้?? ผมละกลัว "ป้าม่วง" ที่ในอดีตล้าหลังมาก ขายตั๋วผ่าน ticket agent เป็นหลัก จนแข่งขันไม่ได้ ตาม business model ไม่ทัน เพราะไม่มีผู้บริหารรุ่นใหม่ๆ หรือไม่หาความรู้ใหม่ๆในการทำตลาด