ขอปรึกษาทุกท่านครับ
ผมทำงานภาคธุรกิจ แต่มีงานเสริมเป็นอาจารย์และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เดิมทีผมสอนหนังสือเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องค้างจ่าย อาจเพราะการจ้างขึ้นตรงกับคณะหรือมหาวิทยาลัย
แต่ภายหลังมหาวิทยาลัยต้องการเน้นงานวิจัยและโครงการ จึงมีงานที่เน้นด้านวิจัยโดยเฉพาะ
ผมจึงเปลี่ยนจากงานสอนมาร่วมงานกับ Research Center ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัย ขอเรียกว่า RC
ทาง RC มีโครงการจากทั้งภาครัฐและเอกชน จ้างผมเป็นรายเดือน อัตราจ้างชัดเจน
โดยให้ทำงานกับโครงการต่าง ๆ ปะปนกัน (ไม่ขึ้นกับจำนวนโครงการ) และมีหน้าที่ดูแลนักศึกษาปริญญาตรี โท เอก ด้วย
ปัญหาคือ RC จ่ายเงินช้าหลายครั้ง และครั้งนี้ล่าช้ามากกว่าครึ่งปี ยังไม่ได้เงิน คือทำงานต่อเนื่องเกิน 6 เดือนแต่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง
ไม่ขอระบุจำนวนเดือนที่แน่ชัด (เผื่อ RC หรือคนรู้จักผ่านมาอ่าน) เอาเป็นว่าไม่น้อยกว่าครึ่งปี
RC อ้างว่าเงินมาจากโครงการภาครัฐ ซึ่งต้องใช้เวลาเบิก
ตอนผ่านไปราว 3 เดือน เขาบอกว่าสิ้นเดือนหน้าน่าจะได้ พอถึงเวลาก็เลื่อนไปอีกครึ่งเดือน
แล้วก็เลื่อนไปสิ้นเดือน เลื่อนไปกลางเดือน สลับไปมาแบบนี้หลายรอบ จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้
ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง นอกจากความไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติของโครงการรัฐหรือไม่
เพราะงานฝั่งธุรกิจที่ผมทำ แม้งานที่รับจากหน่วยงานรัฐ ก็ได้เงินเป็นงวด ๆ และไม่เคยให้คนทำงานแล้วรอจ่ายเป็นเดือน
และหน่วยงานที่ทาง RC ทำให้ น่าจะมีระเบียบทางการเงินมากกว่าอีก
การจ่ายช้านี้ไม่ใช่แค่ผม เท่าที่ทราบมา คนอื่น แม้คนที่ทำ full-time ก็มีโดนเหมือนกัน
เลยรู้สึกว่ามันไม่ปกติ ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาการเงินหรือเปล่า แต่ก็เห็น RC ได้โครงการใหม่ตลอด
บางครั้งยื่นขอทุนโดยมีชื่อผมในเอกสาร ซึ่งด้วยวุฒิกับตำแหน่ง อัตราจ้างผมที่ระบุในบางโครงการ
โครงการเดียวยังสูงกว่าที่จ่ายผมรายเดือนอีก (ซึ่งผมทำหลายโครงการ)
ตรงนี้ เดิมทีผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเข้าใจว่าคงต้องกันงบไว้ เผื่อช่วงไม่มีโครงการใหม่ หรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่น เช่น จ้างคนนอก
รวมทั้ง คงเป็นปกติที่การขอทุนจะระบุค่าใช้จ่ายต่อตำแหน่งสูงกว่าที่จ่ายจริง
แต่ปัญหาคือ ถ้าโครงการมันอนุมัติ เขาก็น่าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า เพราะเบี้ยในส่วนที่เป็นชื่อผม ก็ระบุไว้โดยตรง
ส่วนการจ้างคนนอกมาช่วยงาน ก็มีจ่ายช้าหลายเดือนเหมือนกัน แต่เพราะได้คนมาผ่านคนรู้จัก ผู้ถูกจ้างก็ไม่พูดอะไร
ด้วยความที่รู้จักกันมานาน และต่อหน้าเราก็ไม่มีปัญหาอะไร แถมเขาก็ขอโทษและขอให้รอ ผมเลยไม่อยากใช้วิธีที่ทำลายความสัมพันธ์
อีกอย่างผมก็ไม่อยากทิ้งนักศึกษากลางคัน จึงยังคงทำงานต่อ
แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าควรมี “ลิมิต” แค่ไหน
หรือจริง ๆ เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับและรอต่อไป?
เพราะยิ่งทำยิ่งหมดกำลังใจ งานฝั่งธุรกิจที่ปฏิเสธไปก็เสียโอกาส งานนี้ก็ไม่ได้เงิน หนี้ก็ค้าง ไม่รู้จะกลายเป็นหนี้สูญหรือไม่
เงินเดือนค้างจ่ายหลายเดือน (กว่าครึ่งปี) อ้างงบโครงการล่าช้า ปกติหรือไม่?
ผมทำงานภาคธุรกิจ แต่มีงานเสริมเป็นอาจารย์และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เดิมทีผมสอนหนังสือเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องค้างจ่าย อาจเพราะการจ้างขึ้นตรงกับคณะหรือมหาวิทยาลัย
แต่ภายหลังมหาวิทยาลัยต้องการเน้นงานวิจัยและโครงการ จึงมีงานที่เน้นด้านวิจัยโดยเฉพาะ
ผมจึงเปลี่ยนจากงานสอนมาร่วมงานกับ Research Center ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัย ขอเรียกว่า RC
ทาง RC มีโครงการจากทั้งภาครัฐและเอกชน จ้างผมเป็นรายเดือน อัตราจ้างชัดเจน
โดยให้ทำงานกับโครงการต่าง ๆ ปะปนกัน (ไม่ขึ้นกับจำนวนโครงการ) และมีหน้าที่ดูแลนักศึกษาปริญญาตรี โท เอก ด้วย
ปัญหาคือ RC จ่ายเงินช้าหลายครั้ง และครั้งนี้ล่าช้ามากกว่าครึ่งปี ยังไม่ได้เงิน คือทำงานต่อเนื่องเกิน 6 เดือนแต่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง
ไม่ขอระบุจำนวนเดือนที่แน่ชัด (เผื่อ RC หรือคนรู้จักผ่านมาอ่าน) เอาเป็นว่าไม่น้อยกว่าครึ่งปี
RC อ้างว่าเงินมาจากโครงการภาครัฐ ซึ่งต้องใช้เวลาเบิก
ตอนผ่านไปราว 3 เดือน เขาบอกว่าสิ้นเดือนหน้าน่าจะได้ พอถึงเวลาก็เลื่อนไปอีกครึ่งเดือน
แล้วก็เลื่อนไปสิ้นเดือน เลื่อนไปกลางเดือน สลับไปมาแบบนี้หลายรอบ จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้
ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง นอกจากความไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติของโครงการรัฐหรือไม่
เพราะงานฝั่งธุรกิจที่ผมทำ แม้งานที่รับจากหน่วยงานรัฐ ก็ได้เงินเป็นงวด ๆ และไม่เคยให้คนทำงานแล้วรอจ่ายเป็นเดือน
และหน่วยงานที่ทาง RC ทำให้ น่าจะมีระเบียบทางการเงินมากกว่าอีก
การจ่ายช้านี้ไม่ใช่แค่ผม เท่าที่ทราบมา คนอื่น แม้คนที่ทำ full-time ก็มีโดนเหมือนกัน
เลยรู้สึกว่ามันไม่ปกติ ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาการเงินหรือเปล่า แต่ก็เห็น RC ได้โครงการใหม่ตลอด
บางครั้งยื่นขอทุนโดยมีชื่อผมในเอกสาร ซึ่งด้วยวุฒิกับตำแหน่ง อัตราจ้างผมที่ระบุในบางโครงการ
โครงการเดียวยังสูงกว่าที่จ่ายผมรายเดือนอีก (ซึ่งผมทำหลายโครงการ)
ตรงนี้ เดิมทีผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเข้าใจว่าคงต้องกันงบไว้ เผื่อช่วงไม่มีโครงการใหม่ หรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่น เช่น จ้างคนนอก
รวมทั้ง คงเป็นปกติที่การขอทุนจะระบุค่าใช้จ่ายต่อตำแหน่งสูงกว่าที่จ่ายจริง
แต่ปัญหาคือ ถ้าโครงการมันอนุมัติ เขาก็น่าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า เพราะเบี้ยในส่วนที่เป็นชื่อผม ก็ระบุไว้โดยตรง
ส่วนการจ้างคนนอกมาช่วยงาน ก็มีจ่ายช้าหลายเดือนเหมือนกัน แต่เพราะได้คนมาผ่านคนรู้จัก ผู้ถูกจ้างก็ไม่พูดอะไร
ด้วยความที่รู้จักกันมานาน และต่อหน้าเราก็ไม่มีปัญหาอะไร แถมเขาก็ขอโทษและขอให้รอ ผมเลยไม่อยากใช้วิธีที่ทำลายความสัมพันธ์
อีกอย่างผมก็ไม่อยากทิ้งนักศึกษากลางคัน จึงยังคงทำงานต่อ
แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าควรมี “ลิมิต” แค่ไหน
หรือจริง ๆ เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับและรอต่อไป?
เพราะยิ่งทำยิ่งหมดกำลังใจ งานฝั่งธุรกิจที่ปฏิเสธไปก็เสียโอกาส งานนี้ก็ไม่ได้เงิน หนี้ก็ค้าง ไม่รู้จะกลายเป็นหนี้สูญหรือไม่