JJNY : 5in1 พริษฐ์เสียดายรบ.│เซียจี้รมว.แรงงานแจง│ณัฐชาเผยพบพิรุธ│กมธ.ที่ดินจ่อเชิญหน่วยงานแจง│ใต้ของญี่ปุ่นเผชิญฝนตก

พริษฐ์ เสียดายรบ.ทำน้อยไป ไม่พยายามใช้กลไกกมธ. จัดความสำคัญงบ’69 รับมือแก้ภาษีทรัมป์
https://www.matichon.co.th/politics/news_5316999
.

.
‘พริษฐ์’ ชี้รัฐบาล ‘ทำน้อยไป’ ในการจัดลำดับความสำคัญงบ’69 ใหม่ผ่านกลไก กมธ. เพื่อเตรียมรับมือปัญหาเศรษฐกิจจากภาษีทรัมป์
.
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิเศษ เพื่อนพิจารณาร่างงบฯ 2569 วาระ 2 และวาระ 3 ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคมว่า รัฐบาล “ทำน้อยไป” ในการจัดลำดับความสำคัญงบ’69 ใหม่ ผ่านกลไกกรรมาธิการ เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจจากข้อตกลงกับสหรัฐเรื่องภาษีตอบโต้
.
สัปดาห์หน้า สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ในวาระ 2-3 หลังจากที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.งบ’69) ได้ใช้เวลา 2 เดือนที่ผ่านมาในการตรวจสอบรายละเอียดว่าภาษีประชาชนถูกเสนอให้นำไปใช้กับอะไรบ้าง
.
กมธ.งบฯ หั่นงบปี 69 เกือบ 9 พันล้าน มหาดไทยลดมากสุด โยกให้รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ประชุมธนาคารโลกแม้รัฐบาลได้เริ่มจัดสรรงบประมาณ 2569 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่างบประมาณ 2569 จะเป็นเครื่องมือทางการคลังที่สำคัญของรัฐบาลในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่จะถาโถมเข้ามากับประชาชนทุกภาคส่วน หลังประเทศไทยได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐเมื่อต้นเดือน
.
ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรคประชาชน ผมเห็นว่า กมธ.งบ 69 (ซึ่งมีเสียงข้างมากจากตัวแทนรัฐบาล และ ส.ส.รัฐบาล) ได้ “ทำน้อยไป” ในการ “จัดลำดับความสำคัญ” งบประมาณใหม่ เพื่อรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดจากข้อตกลงกับสหรัฐเรื่องภาษีตอบโต้
.
1. ในมุมหนึ่ง กมธ.งบ 69 “ทำน้อยไป” ในการ “ปรับลด” งบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็น-ไม่คุ้มค่า-ไม่เร่งด่วน เพื่อให้รัฐบาลเหลืองบประมาณมากขึ้น ในการนำไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ตรงจุด
.
หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ :
– ในขณะที่ กมธ.งบ 64 เคยใช้กลไกกรรมาธิการในการปรับลดงบประมาณไป 31,000+ ล้านบาท เพื่อนำไปจัดสรรใหม่ในการต่อกรกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตโควิด
– แต่ กมธ.งบ’69 กลับมีการปรับลดงบประมาณไปเพียง 8,000+ ล้านบาท ในวันที่ต้องเตรียมต่อกรกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากภาษีตอบโต้สหรัฐ
– หรือหากเราไปกางดูงบประมาณที่ กมธ.งบ 69 ไม่ได้มีมติปรับลดออกไป เราจะยังเห็นงบประมาณในหลายด้านที่ควรถูกปรับลดลงมาได้ (เช่น อาคารสำนักงานที่หรูหรา-ใหญ่-มากเกินจำเป็น / แพลตฟอร์มที่ซ้ำซ้อนกันของหลายหน่วยงาน / การอบรม-สัมมนาที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้)
.
2. ในอีกมุมหนึ่ง รัฐบาล “ทำน้อยไป” ในการ “เสนอคำของบประมาณใหม่ๆ” เพื่อให้ กมธ.งบ’69 พิจารณาแปรงบประมาณที่ถูกปรับลด ไปสู่รายการที่ตอบโจทย์ประชาชนหลังข้อตกลงกับสหรัฐ
.
ตามกฎหมายปัจจุบัน เมื่อ กมธ.งบ’69 มีมติปรับลดงบประมาณมาแล้ว 8,000+ ล้านนบาท กมธ.งบ’69 จะไม่สามารถเสนอขึ้นมาได้เองว่าควรนำงบดังกล่าวไปใช้กับอะไร โดย กมธ.จะทำได้แค่เลือกว่าจะ “แปร” งบดังกล่าวไปให้กับรายการอะไรบ้างที่รัฐบาลทำ “คำขอ” มา :
.
– แต่แทนที่รัฐบาลจะทำ “คำขอ” สำหรับรายการใหม่ๆ ที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงภาษีตอบโต้จริง (เช่น การเยียวยาเกษตรกรที่ถูกกระทบจากสินค้าที่ประเทศไทยเปิดตลาดเสรีให้กับสหรัฐฯ การเร่งเปิดตลาดใหม่ให้กับประชาชนที่เคยเพิ่งการส่งออกไปที่สหรัฐ)
.
– …”คำขอ” ที่รัฐบาลเสนอเข้ามา กลับมีแต่เพียงรายการเดิมๆ ที่เคยทำไว้ตั้งแต่ก่อนจะเกิดวิกฤตภาษีตอบโต้ และไม่เชื่อมโยงกับปัญหาจากข้อตกลงเรื่องภาษีตอบโต้
.
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่รัฐบาลไม่พยายามใช้กลไกกรรมาธิการให้จริงจังมากกว่านี้ ในการจัดลำดับความสำคัญงบ’69 ใหม่ เพื่อใช้ภาษีประชาชนให้คุ้มค่าและตรงจุดกว่านี้ ในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
.
ในการประชุมสภาสัปดาห์หน้า พวกเราจากพรรคประชาชนจะใช้เวทีการอภิปรายในวาระ 2-3 เพื่อนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรและประชาชนได้เห็นถึงงบประมาณในส่วนที่ กมธ.จากพรรคประชาชนพยายามเสนอให้ปรับลดในชั้น กมธ.งบ แต่ยังไม่สำเร็จ
.

.
เซีย จี้ รมว.แรงงานแจงปมสะพัด เลื่อนเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ออกไปอีก 1 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_5316982
.
‘เซีย’ จี้ รมว.แรงงาน แจงเหตุผลเลื่อนเก็บเงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างออกไปอีก 1 ปี ชี้ลูกจ้างได้ประโยชน์กว่า 9 ล้านคน รอมานาน 26 ปี ต้องให้รอไปถึงเมื่อไร
.
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่าได้รับการแจ้งข่าวจากคนทำงานผู้มีใจรักความเป็นธรรมในกระทรวงแรงงาน ว่าจะมีการเลื่อนการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งเป็นเงินออมที่จะช่วยให้ลูกจ้างมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายเมื่อออกจากงาน หรือทายาทได้รับเงินช่วยเหลือเมื่อลูกจ้างเสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานกำหนดให้มีการเริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ตนได้ตรวจสอบข้อมูลจากหลายส่วน พบว่าข้อมูลตรงกัน
.
เซียกล่าวว่า พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 มาตรา 126 กำหนดว่าให้มี “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง” ในกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน หรือตาย หรือในกรณีอื่นตามที่กำหนดโดยคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ถึงอย่างนั้น ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งที่ฝ่ายลูกจ้างเรียกร้องเรื่องนี้มาอย่างยาวนานและต่อเนื่องมาหลายปี
.
โดยกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง แบ่งเป็น 2 กอง กองที่ 1 เป็นกองที่มีอยู่ในปัจจุบันและได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและมีค่าปรับกรณีนายจ้างทำผิดกฎหมาย เหตุจากหลังวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 มีคนตกงานจำนวนมากเดินขบวนเรียกร้องขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาและช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุถูกเลิกจ้างจากวิกฤตดังกล่าว และขอให้รัฐบาลออกประกาศบังคับใช้ประกันสังคม “กรณีว่างงาน” ซึ่งรัฐบาลในยุคนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้และไม่กล้าให้นายจ้างร่วมรับผิดชอบ
.
จึงอนุมัติเงินงบประมาณปี 2543 จำนวน 200 ล้านบาทเพื่อจัดตั้งกองทุนและจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และต่อมาปี 2545 จ่ายเพิ่มจำนวนเงิน 50 ล้านบาท ปี 2550 จำนวน 100 ล้านบาท และปี 2553 จำนวน 50 ล้านบาท รวมทั้งหมดที่ผ่านมารัฐบาลอนุมัติอุดหนุนเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจำนวน 400 ล้านบาท
.
ที่ผ่านมากองทุนนี้จ่ายเงินแก่ลูกจ้างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุนายจ้างไม่จ่ายเงินค่าชดเชย และเงินอื่นๆ ที่นายจ้างค้างจ่ายให้กับลูกจ้าง เมื่อจ่ายเงินให้ลูกจ้างแล้วกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะต้องติดตามเงินคืนจากนายจ้างนำมาเข้ากองทุน แต่ที่ผ่านมากรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานไม่สามารถติดตามเอาเงินจากนายจ้างมาคืนกองทุนได้ ปัจจุบันจึงเหลือเงินในกองทุนไม่ถึง 100 ล้านบาท หากมีนายจ้างเลิกจ้างไม่จ่ายเงินค่าชดเชยหรือมีการค้างจ่ายเงินอื่นๆ ให้ลูกจ้าง และลูกจ้างได้เขียนคำร้องขอรับเงินสงเคราะห์ลูกจ้างจำนวนมาก และรัฐบาลไม่อุดหนุนเงินเข้ากองทุน คาดว่าอีกไม่นานเงินกองนี้คงหมดในเร็ววัน
.
เซียกล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กองที่ 2 แม้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน 2541 จะกำหนดให้ดำเนินการจัดเก็บ แต่ที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลชุดใดดำเนินการ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงแรงงานได้นำเสนอเรื่องการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ลูกจ้างเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบในหลักการให้มีการจัดเก็บส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการประกาศในราชกิจนุเบกษา จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งต่อมามีการออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราหักเงินค่าจ้างของลูกจ้างและนายจ้างจ่ายสมทบในอัตรา 0.25 บาท โดยกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกองที่ 2 จะบังคับใช้กับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากมีการบังคับใช้จะมีคนทำงานได้ประโยชน์มากกว่า 9,324,000 คน
.
เซียกล่าวว่า วันนี้ตนทราบว่า พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะเลื่อนจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะกองทุนนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงแก่ลูกจ้างหลายล้ายคนทั่วประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีแรงงานออกมาชี้แจงความจำเป็นของการเลื่อนครั้งนี้ และคาดหวังว่าจะมีเหตุผลที่มากกว่าแค่การอ้างสภาพเศรษฐกิจหรือความไม่พร้อมของกระทรวง เพราะลูกจ้างรอคอยสิ่งนี้มานานกว่า 26 ปี ท่านต้องให้เขารอไปถึงเมื่อไร
.

.
ณัฐชา เผยพบพิรุธ การเคหะฯ ปล่อยเอกชนประมูลเช่าเหมาอาคารราคาต่ำ แต่เก็บค่าเช่าแพง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5316994
.
“ณัฐชา” นำทีมอนุ กมธ. ถกปมการเช่าเหมาอาคารของการเคหะฯ พบพิรุธปล่อยเอกชนประมูลเช่าเหมาทั้งอาคารในราคาต่ำ แต่เก็บค่าเช่าแพงขึ้นหลายเท่า ทำประชาชนเดือดร้อน จ่อเปิดข้อมูลเชิงลึกในการอภิปรายงบ 69 วาระ 2
.
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเช่าเหมาอาคารของการเคหะฯ โดยระบุว่า
.
ณัฐชา นำทีมอนุ กมธ. เปิดปมเช่าเหมาอาคาร ถกเดือด เจอพิรุธเพียบ!
.
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาการให้เช่าเหมาอาคารของการเคหะแห่งชาติ จัดประชุมนัดแรก ณ ห้องประชุม CA 305 อาคารรัฐสภา โดยมี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการฯ เป็นผู้นำการประชุม บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและการตั้งคำถามต่อความโปร่งใสในการบริหารจัดการของการเคหะแห่งชาติ
โดยที่ประชุมได้หยิบยกข้อพิรุธและปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเช่าเหมาอาคารของการเคหะแห่งชาติหลายประเด็น อาทิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่