ผมเบื่อหน่ายหลายอย่างๆ ทั้งชีวิตและปัญหาหลายๆอย่างมากมายในชีวิต ผมตัดสินใจออกจากบ้าน เดินทางมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งที่พอจะสงบๆสักที่ จนได้เดินทางมาถึงจังหวัดหนึ่ง ลงรถไฟตี1กว่าๆแบตก็จะหมดเลยเดินดูรอบๆสถานีเจอร้านขายของพอดี ขอเขาชาตแบตสักหน่อยพอได้ดูสถานที่ว่ามีที่ไหน ชาตได้สักพักเดินวนกลับมา เจอพระ1องค์นั้งอยู่ศาลา ได้แวะพูดคุยกัน แกก็ถามผมจะไปไหนผมก็บอกไปตรงๆว่ายังไม่รู้ครับว่าจะไปไหน แต่อยากไปหาที่สงบๆสักที่ คุยกัน จนเกือบ6โมงเช้า หลวงพ่อแกจะไปบิณฑบาตรแถวๆหน้าโรงบาล เห็นข้าวของแกเยอะเลยตัดสินใจ เดียวผมช่วยยกไปให้ครับ แบกถุงกระสอบตามแกขึ้นรถ2แถวไป เฝ้าของรอแกบิณฑบาตรเสร้จ หอบของขึ้นรถต่อมาส่งแกที่ บขส (แกจะกลับวัดอีกจังหวัด)ตอนแรกคิดว่าส่งแกเสรจก็จะนั้งหาข้อมูลคิดเส้นทางเดินทางต่อ ก็นั้งเล่นยุใกล้ๆหลวงพ่อ รถแกจะมาบ่าย3 ก็เลยนั้งเล่นคุยเล่นกับหลวงพ่อไป จนแกพูดขึ้น อยากไปปฏิบัติธรรมไหมเดียวโทรถามให้(สถานที่นั้นก็อยู่ในจังหวัดนั้นพอดี) แกบอกที่นั้นสงบร่มรื่นไม่มีใครมารบกวนแน่นอน ผมก็คิดหรือเราจะลองไปดูไม่เสียหายไหนๆก็ยังไม่รู้จะไปไหน ก็เลยตอบรับ ได้ครับลองไปดูเพื่อผมชอบ สรุปแกก็โทรถาม แล้วก็พาผมนั้งรถมา 2ต่อ ต่อแรก40+กิโลเมตร ต่อที่สองก็40โลกว่าๆ มาถึง เป็น4แยก มีปั้มน้ำมัน มองไปทางปั้มจะเห็นภูเขาซ้าย ขาว ตรงกลางเป็นถนน ก็มีแม่ชีกับลูกมารอรับ นั้งรถไปประมาน2กิโลหน่อยๆถึงทางเข้า เลี้ยวเข้าไปประมาน300-500เมตรเป็นป่าทางดิน ในใจคิดหรือโชคชะตาจะพาเรามาเจอที่นี้หรือป่าว มาถึงหน้าสำนักปฏิบัติธรรมก็ใกล้มืด มองเข้าไปข้างใน วังเวง อึมครึมแปลกๆยังไงไม่รู้ครับ เลยถามแม่ชี ไม่มีคนอยู่หรือครับ แกก็ว่าแกไปปฏิบัติธรรมที่อื่นพึ่งกลับมามีแค่ลูกแกอยู่เฝ้าสำนักให้ แต่ไม่ได้ดูแลเขาทำงานเขาด้วย ผมก็อ่อครับ (ครับแบบงงๆ) เดินเข้ามาภายในเป็นป่ามีศาลา มีกุฏิตั้งอยู่ตีนเขา ถ้าจัดระเบียบดีดีคงบรรยากาศดีมาที่นี้ เดินมาที่ศาลาเห็นปุบโอ้ นี้มันวัดร้างชัดๆ ข้าวของระเกะระกะทั้งฝุ่นทั้งหยากใย่ (ในใจคิดไหนว่ามีคนอยู่) แต่อีกใจก็เอาว่ะกลับไม่ได้แล้วรถก็หมด นอนนี้ก็นอน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แม่ชีก็ไปหาเต๊นมาให้ ผมก็รับมากาง(ในศาลา)เต้นเก่าเต็มไปด้วยฝุ่น ปัดๆหน่อยกางออก ดีที่ข้างในไม่เปอะเปือน แต่สภาพก็ตามการเวลานั้นแหละครับ แต่ก็พอนอนได้กางเสร็จขอเสื่อมาปูในเต้นกันฝุ่นกันคราบอะไรที่อาจจะปัดออกไม่หมด โยนกระเป๋าเข้าไว้ ลองลูดซิปรูดได้แค่ปิดแต่ซิปล่างใช้ไม่ได้ ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีพัดลม จัดแจงที่นอนเสร็จ ก็ออกมาเตรียมอาบน้ำ เพราะเดินทางทั้งวันอยากโดนน้ำมาก อาบน้ำเสรจทำไรเสรจก็ได้มานั้งฟังนั้งคุยกับแม่ชี นู้นนี้นั้น ก็เริ่มค่ำแล้ว ก็แยกย้ายกัน ผมก็มุดเต้นเปิดพัดลมเอนหลัง นอนไปได้เท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีคือคันตามแขนตามขา ยุงครับมันมุดมาตรงช่องล่างที่ซิปของเต้นมันรูดปิดไม่ได้ปิดไฟฉาย โอโหบินกันให้ควัก ดูนาฬิกาตี3 ผมต้องมานั้งตบยุงในเต้น กว่าจะได้นอนต่อเกือบตี4 หลับต่อไปได้สักพัก หลวงพ่อก็ลุก เตรียมตัวไปบิณฑบารต ผมก็ตื่นล่ะครับ ลูกแม่ชีก็พาหลวงพ่อไปบิณฑบาตร ส่วนผมเดินดูสถานที่รอ บรรยากาศดี เป็นธรรมชาติอยู่เนืนตีนเขา ความรู้สึกผมชอบมาก เดินดูศาลา ดูพระพุทธรูปเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายตาไม่รู้สึกสบายใจ เลยเดินไปบอกแม่ชี เดียวผมจะอยู่บูรณะเก็บกวาดสถานที่ให้สัก2-3วัน แม่ชีก็ดีใจ ขอบอกขอบใจยกใหญ่บอกไม่เคยมีใครมาทำให้เลย ผมก็ยิ้มรับ พอดีหลวงพ่อกลับมาจากบิณฑบาตร ผมก็เดินไปรับบาตร หลวงพ่อก็พูดขึ้น โยมแถวนี้เขาไม่ใส่บาตรกัน พากันมองหลวงพ่อแปลกๆ (จุดนี้แหละครับ เป็นจุดเริ่มต้น)มาอ่านกันต่อครับ
เริ่มสายมาหน่อย ก็เริ่มหยิบจับไม้กวาด กวาดใบไม้ใบแห้ง เริ่มดูสะอาดสะอ้านขึ้นมาหน่อย นั้งพักจิบกาแฟ มีแรงก็เดินดูบริเวณสำนักสงฆ์ ฝั่งซ้ายบรรยากาศดีมาก เป็นป่าธรรมชาติมีกุฏิไม้อยู่3-4หลัง แต่สภาพขาดการดูแล ผุพังไปตามกาล น่าเสียด้าย เดินสำรวจไปดูอีกฝั่งเดินขึ้นโขดหินไป เจอกับกุฏิปูนดูยังแข็งแรงแต่สภาพก็เช่นเดิมขาดการดูแล สายตาเหลือบไปเห็นเยื่องๆกุฏิไปหน่อยจะมีหินก้อนใหญ่ บนนั้นมีพระพุทธรูปตั้งอยู่บนนั้น3องค์ แต่ก็ไม่มีโอกาศขึ้นไปเพราะรกมากเดินสำรวจแถวๆบริเวนก้อนหินไม่เจอทางขึ้นไปน่าจะเดินอ้อมไปข้างกุฎิอีกทาง ซึ่งมองไปแล้วรกมากเลยกลับลงมา เก็บกวาดข้างล่างต่อ งานต่อมาคือบูรณะศาลา ฟื้นฟูพระพุทธให้กลับมามีชีวิตชีวาสดใสเป่งประกายอีกครั้ง เริ่มจากหยิบจับข้าวของที่วางกันระเกะระกะออกมาเพื่อจะได้มีทางสำหรับขึ้นไปปัดกวาดเช็ดถูองค์พระพุทธรูป ขนหนังสือเก่าๆย้ายโต๊ะย้ายเครื่องสังฆภัณฑ์ ออกมาเล่นเอาเหงื่อท่วมตัว พื้นที่เริ่มมีขึ้นไปถึงตัวองค์พระ ก็ขยับองค์เล็กองค์น้อยออกปัดฝุ่นหยากใย่ที่เกอะกะระโยงระยางตามพื้นตามองค์พระออก ทีนี้ก็เริ่มเอาผ้ามาเช็ดๆถูกองค์พระประธาน ไล่มาองค์เล็กองค์น้อย เหนื่อยมากแต่ทำไปสุขใจไป เริ่มสะอาดก็มาพักกินข้าวกินปลา นั้งพักหายเหนื่อย ก็ลุยต่อจัดเรียงนั้นวางนี้ ดูโล่งขึ้น องค์พระก็ดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้น สุขใจเลยครับเห็นแล้ว เสรจสับก็เกือบเย็น มานั้งพักได้สักพัก ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก ชนิดที่ว่าฟ้ารั่วกันเลย หลังฝนหยุดก็เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าล้างเนื้อล้างตัว เข้าเต้นจัดแจงที่นอนไล่ยุงที่แอบเข้ามาอยู่ออกจากเต้น วันนี้ก็คงนอนหลับสบายแล้วไม่เหมือนวันแรก
จำจุดที่ผมวงเล็บไว้ได้ไหมครับ ผมจะเล่าให้ฟังต่อจากตรงนี้ไปครับ ช่วงเวลาที่ผมทำความสะอาดศาลา เสียงแม่ชีแกก็ร้องบ่นด่าลูกแก กินเหล้าตั้งแต่เช้าเมานอน ตลอดระยะเวลาที่ผมทำความสะอาดศาลาผมทำคนเดียว ไม่เคยมาช่วยหยิบจับอะไรสักอย่าง เดินมาก็มีแต่มาคุยผมเป็นทหารพราน ผมมีลูกน้องนูนนี้นั้น นี้เดียวนายก็มาหา สักพักแม่ชีก็ตะโกนมาด่าลูกอีก บร้าๆๆๆ ผมก็เริ่มมีความคิดล่ะว่า ที่นี้มันใช่ที่ที่สงบจริงๆรึ อะไรก็ไม่รู้ ทั้งคนหมาทั้งห่าน เอะอะกันลั่นสำนัก ช่วงที่ทำความสะอาดในวันที่2 ก็มีพระรูปหนึ่งเข้ามา น่าจะแวะมาดูเห็นมีพระมีคนแปลกหน้ามา ผมก็ได้เข้าไปกราบพูดคุยด้วย พระก็สอบถามความเป็นมา แกก็บอกผม ถ้าคิดจะหาที่สงบๆให้ไปที่อื่น อย่าอยู่ที่นี้ ที่นี้เคยมีพระมีแม่ชีมาอยู่ ก็มาทำเรื่องไม่ดีจนชาวบ้านเขาหมดสัทธาไม่ใส่บาตรกันแล้ว ผมนี้ถึงบางอ้อเลยครับ ถึงว่าหลวงพ่อไปบิณฑบาตร คนไม่ใส่พากันมองแปลกๆ คุยกันสักซักพระที่มาก็กลับ ส่วนผมตอนนี้ รู้สึกเสียดายสถานที่ เสียดายธรรมชาติ ถ้าที่น่าจะเป็นสถานที่สงบให้คนให้ชาวบ้านได้เข้ามาพึ่งพา แล้วผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมหนีความวุ่นวายมากลับต้องมาเจออะไรก็ไม่รู้ ความรู้สึกผมกลับมาเบื่อหน่ายอีกครั้ง และวันนี้ก็เป็นวันที่3ที่ผมมาช่วยบูรณะเพื่อให้พระพุทธรูปกลับมาสดใสอีกครั้ง เก็บกวาดสถานที่โดยรอบต่อซึ่งลูกชายแกก็เมาแต่เช้าเปิดเพลงลั้นวัด สายมาก็นอน ถึงว่ามีคนอยู่แต่สถานที่กลับรกร้าง ส่วนพรุ่งนี้ผมก็คงต้องออกเดินทางตามหาที่ที่สงบและไปช่วยบูรณะต่อ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนคงมีสักที่ที่รอผมอยู่ ถึงแม้จะมีอุปสัก (หรือพี่ๆท่านได่รู้จักสถานที่นั้นๆแนะนำผมมาได้เลยนะครับ)
อยากหาที่สงบๆสักที่พอได้ฝึกปฏิบัติสักที่แต่ต้องเจอกับอะไรก็ไม่รู้.....
เริ่มสายมาหน่อย ก็เริ่มหยิบจับไม้กวาด กวาดใบไม้ใบแห้ง เริ่มดูสะอาดสะอ้านขึ้นมาหน่อย นั้งพักจิบกาแฟ มีแรงก็เดินดูบริเวณสำนักสงฆ์ ฝั่งซ้ายบรรยากาศดีมาก เป็นป่าธรรมชาติมีกุฏิไม้อยู่3-4หลัง แต่สภาพขาดการดูแล ผุพังไปตามกาล น่าเสียด้าย เดินสำรวจไปดูอีกฝั่งเดินขึ้นโขดหินไป เจอกับกุฏิปูนดูยังแข็งแรงแต่สภาพก็เช่นเดิมขาดการดูแล สายตาเหลือบไปเห็นเยื่องๆกุฏิไปหน่อยจะมีหินก้อนใหญ่ บนนั้นมีพระพุทธรูปตั้งอยู่บนนั้น3องค์ แต่ก็ไม่มีโอกาศขึ้นไปเพราะรกมากเดินสำรวจแถวๆบริเวนก้อนหินไม่เจอทางขึ้นไปน่าจะเดินอ้อมไปข้างกุฎิอีกทาง ซึ่งมองไปแล้วรกมากเลยกลับลงมา เก็บกวาดข้างล่างต่อ งานต่อมาคือบูรณะศาลา ฟื้นฟูพระพุทธให้กลับมามีชีวิตชีวาสดใสเป่งประกายอีกครั้ง เริ่มจากหยิบจับข้าวของที่วางกันระเกะระกะออกมาเพื่อจะได้มีทางสำหรับขึ้นไปปัดกวาดเช็ดถูองค์พระพุทธรูป ขนหนังสือเก่าๆย้ายโต๊ะย้ายเครื่องสังฆภัณฑ์ ออกมาเล่นเอาเหงื่อท่วมตัว พื้นที่เริ่มมีขึ้นไปถึงตัวองค์พระ ก็ขยับองค์เล็กองค์น้อยออกปัดฝุ่นหยากใย่ที่เกอะกะระโยงระยางตามพื้นตามองค์พระออก ทีนี้ก็เริ่มเอาผ้ามาเช็ดๆถูกองค์พระประธาน ไล่มาองค์เล็กองค์น้อย เหนื่อยมากแต่ทำไปสุขใจไป เริ่มสะอาดก็มาพักกินข้าวกินปลา นั้งพักหายเหนื่อย ก็ลุยต่อจัดเรียงนั้นวางนี้ ดูโล่งขึ้น องค์พระก็ดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้น สุขใจเลยครับเห็นแล้ว เสรจสับก็เกือบเย็น มานั้งพักได้สักพัก ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก ชนิดที่ว่าฟ้ารั่วกันเลย หลังฝนหยุดก็เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าล้างเนื้อล้างตัว เข้าเต้นจัดแจงที่นอนไล่ยุงที่แอบเข้ามาอยู่ออกจากเต้น วันนี้ก็คงนอนหลับสบายแล้วไม่เหมือนวันแรก
จำจุดที่ผมวงเล็บไว้ได้ไหมครับ ผมจะเล่าให้ฟังต่อจากตรงนี้ไปครับ ช่วงเวลาที่ผมทำความสะอาดศาลา เสียงแม่ชีแกก็ร้องบ่นด่าลูกแก กินเหล้าตั้งแต่เช้าเมานอน ตลอดระยะเวลาที่ผมทำความสะอาดศาลาผมทำคนเดียว ไม่เคยมาช่วยหยิบจับอะไรสักอย่าง เดินมาก็มีแต่มาคุยผมเป็นทหารพราน ผมมีลูกน้องนูนนี้นั้น นี้เดียวนายก็มาหา สักพักแม่ชีก็ตะโกนมาด่าลูกอีก บร้าๆๆๆ ผมก็เริ่มมีความคิดล่ะว่า ที่นี้มันใช่ที่ที่สงบจริงๆรึ อะไรก็ไม่รู้ ทั้งคนหมาทั้งห่าน เอะอะกันลั่นสำนัก ช่วงที่ทำความสะอาดในวันที่2 ก็มีพระรูปหนึ่งเข้ามา น่าจะแวะมาดูเห็นมีพระมีคนแปลกหน้ามา ผมก็ได้เข้าไปกราบพูดคุยด้วย พระก็สอบถามความเป็นมา แกก็บอกผม ถ้าคิดจะหาที่สงบๆให้ไปที่อื่น อย่าอยู่ที่นี้ ที่นี้เคยมีพระมีแม่ชีมาอยู่ ก็มาทำเรื่องไม่ดีจนชาวบ้านเขาหมดสัทธาไม่ใส่บาตรกันแล้ว ผมนี้ถึงบางอ้อเลยครับ ถึงว่าหลวงพ่อไปบิณฑบาตร คนไม่ใส่พากันมองแปลกๆ คุยกันสักซักพระที่มาก็กลับ ส่วนผมตอนนี้ รู้สึกเสียดายสถานที่ เสียดายธรรมชาติ ถ้าที่น่าจะเป็นสถานที่สงบให้คนให้ชาวบ้านได้เข้ามาพึ่งพา แล้วผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมหนีความวุ่นวายมากลับต้องมาเจออะไรก็ไม่รู้ ความรู้สึกผมกลับมาเบื่อหน่ายอีกครั้ง และวันนี้ก็เป็นวันที่3ที่ผมมาช่วยบูรณะเพื่อให้พระพุทธรูปกลับมาสดใสอีกครั้ง เก็บกวาดสถานที่โดยรอบต่อซึ่งลูกชายแกก็เมาแต่เช้าเปิดเพลงลั้นวัด สายมาก็นอน ถึงว่ามีคนอยู่แต่สถานที่กลับรกร้าง ส่วนพรุ่งนี้ผมก็คงต้องออกเดินทางตามหาที่ที่สงบและไปช่วยบูรณะต่อ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนคงมีสักที่ที่รอผมอยู่ ถึงแม้จะมีอุปสัก (หรือพี่ๆท่านได่รู้จักสถานที่นั้นๆแนะนำผมมาได้เลยนะครับ)