ประสบการณ์เสียใจที่ไม่เคยลืม

สวัสดีค่ะทุกคน... ขอเริ่มเรื่องจากการที่เราที่มีพี่ชายและเรามีพี่ชายทั้งหมด4คน ด้ามความสัมพันธ์เรากับพี่คนโตกับคนที่2เราไม่แน่ใจว่าดีมั้ย แต่กับคนที่3และ4เรารักกันและคอยชื่นชมกันมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไรเรา3คนจะให้กำลังใจและช่วยแหละกันตลอด แต่ผิดกับพี่คนโตและคนที่2เรื่องมันเกิดเริ่มแรกเลยคือเราได้ย้ายจากต่างจังหวัดมาเรียนที่กรุงเทพและช่วงนั้นเราอยู่ปี1 อายุ19(เหตุผลที่ต้องระบุอายุด้วยเพราะบางคนที่เข้ามาอ่านอาจจะคิดว่าเป็นอารมณ์ช่วงของวัยรุ่น) พี่ชายคนโตเราอายุ28-30เราไม่แน่ใจและตอนนั้นพี่ชายเรามีแฟนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ชายเราก็เรียนจบมาจากต่างจังหวัดและมาหางานทำในกรุงเทพซึ่งงานที่เขาก็ได้เงินเดือนดีและเขาเป็นคนมีความคิดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ เรื่นชมพี่เรามาตลอด และหลังจากเขาทำงานประจำมาได้สักพักพี่ชายเราก็ได้ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวและไปได้ดีกำไรได้กลับมาภายใน2ปี และเรื่องมันเริ่มเกิดจากตรงนี้แหละค่ะ...

ช่วงนั้นเป็นช่วงต้นปี พี่เราไลน์มาหาเราหลังจากที่ไม่เคยคุยกันเลย ถามว่ามาเที่ยวที่บ้านมั้ยจะพาไปเที่ยวเยี่ยมพี่คนที่2ซึ่งบ้านตอนนั้นคือบ้านที่เขาอยู่กับแฟนตอนแรกเราก็ยังไม่รับปากเพราะเราอ้างไปว่าเรามีงานมหาลัยต้องทำยังไม่เสร็จแต่เเม่บอกว่าก็ลองไปดูเผื่อความสัมพันธ์พี่น้องจะดีขึ้น เราเลยโอเคตอบตกลงซึ่งวันที่เราก็ได้นั่งรถเมล์จากกรุงเทพไปลงที่นนทบุรีและพี่ชายเราก็ออกมารับเรายอมรับว่าตอนนั้นดีใจมากมากได้เจอพี่ชายแต่พอไปถึงบ้านเรากลับเจอเด็กคนนึงเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักมากพี่เราแนะนำเราให้รู้จักบอกว่านี่คือเด็กที่ทำงานกับเขารับเข้ามาทำงานด้วยเพราะเป็นลูกพี่รปภ.หน้าหมู่บ้าน บอกเราว่าปีหน้าน้องจะสอบเข้าแพทย์ปีหน้าอย่าไปพูดอะไรที่ทำให้น้องเครียดนะเราก็เอ๊ะปกติเราเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เราเลยค่ะเราจะไม่พูดอะไรมากตอนนั้นแฟนพี่ชายเราก็อยู่ แฟนพี่สาวเราบอกว่าชวนน้องมานอนเป็นเพื่อนเรากลัวเรานอนไม่หลับเรากเออ ออห่อหมกตาม กินข้าวกันคืนนั้นพี่เราก็พูดเกี่ยวกับเด็กคนนั้นบอกเรียนเก่ง ขยัน มาทำงานช่วยไม่เป็นภาระ ปีนี้น้องสอบวิศวะไฟฟ้ามอ.ดังได้แต่ไม่เอา ปีหน้าจะสอบแพทย์ช่วงนี้เครียดมากอย่าพูดอะไรที่ทำให้เขาเสียใจหละ เราก็โอเคตามเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ส่วนแฟนพี่เราก็ไม่พูดอะไร ตอนนั้นเราก็เริ่มนอยด์ๆละทำไมไม่ถามถึงเรื่องเราเลยเรียนอะไร เรียนหนักมั้ย และเขาถามเราเรื่องเดียวคือ ตอนนี้มีเงินในบัญชีเท่าไหร่เราเลยบอกว่า500กว่า พี่เราพูดส่วนขึ้นมาเลยว่าเนี่ยน้องมีเงินเดือน4หมื่นแล้วนะ น้องดรอปมาทำงานรอสอบ น้องอย่างั้นอย่างงี้ ใช่ค่ะทุกคนอาจจะคิดว่าเราคิดมากไปเองเรานอยด์ไปเอง แต่เรื่องมันยังไม่ตอบตอนเช้าพี่ชายเรามาบอกว่าจะพาไปชลบุรีไปหาพี่ชายคนที่2 ระหว่างนั่งรถไปพี่ชายเราก็เอาแต่คุยเรื่องน้องคนนั้นอยู่ตลอดเวลา เปรียบเทียบเรากับน้องคนนั้นบ่อยมากเช่นเขาสอบได้คะแนนดี เขาจะเรียนแพทย์แต่เราเรียนโรงแรม เงินเดือนต่อไปจะเท่าไหร่ สอบเป็นยังไงบ้างคะแนนเป็นยังไงเราก็อ่อโอเค เก่งก็ดีแล้วค่ะ หลังจากนั้นเราปล่อยเขาพูดไปจนถึงชลบุรีเราไม่พูดสักคำ เหตุการณ์ต่อไปนี้คือเรื่องจริงที่เราเกือบร้องไห้ เรากับพี่แฟนพี่และเด็กคนนั้นไปแวะทานอาหารที่ร้านนึง สั่งอาหารไปเราก็สั่งแค่ของตัวเองซึ่งเราไม่รู้ว่าสั่งมาแล้วสั่งข้าวมาแยกได้ แล้วพี่เราก็พูดขึ้นว่า สั่งมากินคนเดียวหรอคนอื่นเขาสั่งมาแล้วมาหารกันนะไม่สั่งเผื่อคนอื่นเลยแล้วน้องจะกินอะไรสถานการณ์ในตอนนั้นเรานั่งหน้าชา ไม่พูดแล้วแฟนพี่เราเลยพูดว่าไม่เป็นไรเราสั่งมาเยอะกินไม่หมดอยู่แล้วอยากกินอะไรก็สั่งมาเลยจบเหตการณ์นี้ ไปช่วงจะเช็คบิล พี่เรากำลังจะเดินไปจ่ายแล้วน้องคนนั้นก็พูดขึ้นว่าไม่เป็นไรมื้อนี้หนูเลี้ยงเองซึ่งค่าอาหารตอนนั้นก็ประมาณ4พันกว่าเพราะเป็นอาหารทะเลแล้วน้องเดินไปจ่ายเหลือเรากับพี่เรากับแฟนพี่ พี่เราพูดขึ้นว่าเห็นป้ะว่าน้องจะจ่ายโดยไม่ลังเล เงิน4พันเขาควักแบบสบายแล้วหนูหละกินอิ่มก็ไมพูดยั่งเงียบไม่คิดจะออกช่วย เราก็ฮึบก่อนอย่าพึ่งร้องไห้อย่างพึ่งพูดอะไร ส่วนแฟนพี่เราก็ดึงเเขนพี่ในเชิงแบบไม่ต้องพูดก็ได้นะ หลังจากวันนั้นมาเราก็ไปเจอพี่ๆเสร็จจบทุกอย่าง พอกลับมากทม.พี่เราบอกว่า้าอยู่ถึงวันที่6อยากได้อะไรขอได้เลย ซึ่งวันที่6คือวันเกิดเราแต่ตอนนั้นทั้งโดนเปรียบเทียบ ทั้งโดนว่าต่อหน้าคนอื่น ทั้งโดนเหยียดพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราเลยขอกลับวันที่3เลย กลับมาถึงบ้านร้องไห้ให้แม่และเล่าให้แม่ฟังว่าโดนอะไรมาบ้าง เล่ามาถึงตอนนั้นทุกคนอาจจะคิดว่านอยด์ไปเองไม่มีความอดทน หรืออะไรก็คิดได้ซึ่งการโดนเปรียบเทียบไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดหรือทำนะคะทุกคน

หลังจากนั้นไม่กี่ปีเราเสียคุณต่อ ที่งานศพเราก็ได้เจอพี่เราในรอบ7ปีหลังจากตอนนั้นที่เราไปหาเขาเรากลับมาเราก็ไม่ติดต่อเขาทุกช่องทางอีกเลย เขาเดินเข้ามาถามทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ มีแฟนรืยังตามสเตปคน30กว่า เราเลี่ยงที่จะไม่ตอบในงานศพก็เลี่ยงที่จะเจอ คุยกันไม่ถึง2ประโยคเราก็รีบหนีบกลับกรุงเทพก่อน จนกลับมาก็ได้ยินจากแม่ว่าพี่มาถามเกี่ยวเราเยอะเลย แต่แม่รู้ว่าเราเจออะไรมาบ้างซึ่งทุกคนในครอบครัวก็เจอแบบเดียวกันหมด ล่าสุดเขาไปบอกกับทุกคนว่าเขาส่งเสียน้องของแฟนเราเรียน ซึ่งในที่นี้คือทำไมน้องแท้ๆเขาไม่สนใจเอาแต่เปรียบเทียบกับคนอื่น น้องตัวเองทำผิดคือผิดไปตลอดชีวิต ญาติจะยืมเงินทีต้องแจกแจงว่าใช้อะไรบ้างขอบิลมาเราก็มองว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่ทางด้านบ้านแฟนเขาไม่เห็นต้องทำบิลถามว่าทำไมถึงรู้เพราะเราสนิทกับแฟนพี่มาก เขาเป็นคนอยากเชื่อมความสัมพันธ์พี่น้องด้วยซ้ำแฟนพี่ชายเราบอกว่าเขาอาจจะตึงหน่อยแต่เขาทำเพราะอยากให้น้องสาวคนเดียวของเราได้ดีมีความสุขแต่สำหรับเราคือมันหนักมากๆกับการอยู่ในกรอบ2-3วันที่โดนเปรียบเทียบโดนกดให้ไม่เก่งเท่าน้องคนนั้น เราบอกไม่เอาแล้วไม่ไหวมันทำให้เครียด หลังจากนี้ก็ไม่ต้องติดต่อกันหรอก หลักจากนั้นแฟนพี่สาวน่าจะเล่าให้พี่ชายเราฟังก็ได้มีการติดต่อมาแต่เราไม่ได้สนใจอีกแล้ว เราเหนื่อยมากเครียดมากพอคิดถึงเรื่องนี้จนเราก็เข้าปรึกษาแพทย์เพราะเครียดมากจนไม่ยอมพูดและไม่อยากออกไปไหนเลย แต่ตอนนี้เราโอเคขึ้นแล้วและอยู่กับมันได้แล้วแค่ต้องเข้าใจและปล่อยมันให้ผ่านไป ทุกคนอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรทำไมถึงเก็บมาคิดมาเครียดซึ่งในตอนนั้นเราก็เครียดเรื่องเรียนอยู่แล้ว ต้องมาโดนแบบนี้สำหรับเด็กอายุ19เขาไม่ได้แข็งแรงทุกคนนะคะ เราทุกคนมีความรู้สึกและไม่สมควรโดนเอาไปเปรียบเทียบซึ่งน้องคนนั้นก็ไม่ควรโดนเหมือนกัน ต่างคนต่างเก่งและเชี่ยวชาญในด้านของตัวเอง

...แต่ความเป็นพี่น้องก็ยังอยู่นะคะ แต่สำหรับเราให้มันอยู่ในพื้นที่ของมันและเราก็ตั้งใจใช้ชีวิตของเราให้ดี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่