JJNY : วันแม่ คนไทยเลือกเที่ยวใกล้บ้าน│‘นันทนา’หนุนพิจารณาถอดถอนปริญญา│มะลิราคาพุ่งรับวันแม่│กต.กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหา

วันแม่ 2568 สถานการณ์ไทย–กัมพูชา คนไทยเลือกเที่ยวภายในจังหวัด-ใกล้บ้านแทน
.
.
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการท่องเที่ยวในช่วงวันแม่ 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,236 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม 2568 พบว่า ในช่วงวันแม่ที่มีวันหยุดยาว

กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 38.59 มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งนี้เห็นว่าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” อาจช่วยกระตุ้นให้ประชาชนวางแผนท่องเที่ยวมากขึ้น ร้อยละ 54.29 โดยเหตุผลที่เลือกท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน (กรีนซีซั่น) คือ ต้องการใช้เวลากับครอบครัวในโอกาสวันแม่ ร้อยละ 70.02 สิ่งที่ควรส่งเสริมเพิ่มเติมคือขยายสิทธิประโยชน์จากโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ ร้อยละ 64.46 
.
ทั้งนี้ สถานการณ์ไทย–กัมพูชา มีผลต่อการตัดสินใจทำให้เลือกเที่ยวภายในจังหวัดหรือใกล้บ้านแทน ร้อยละ 59.08 และคาดว่าจะใช้จ่ายในช่วงวันหยุดวันแม่ ไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 72.26
.
ท่องเที่ยวช่วงวันแม่ แรงจูงใจสำคัญคือการได้ใช้เวลากับครอบครัว 
.
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า การท่องเที่ยวในช่วงวันแม่ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดคนไทยแม้เศรษฐกิจบีบกำลังซื้อ แต่แรงจูงใจสำคัญคือการได้ใช้เวลากับครอบครัว ขณะเดียวกันสถานการณ์ไทย–กัมพูชาส่งผลให้ประชาชนเลือกเที่ยวใกล้บ้านและหลีกเลี่ยงพื้นที่ชายแดน ทำให้การใช้จ่ายในปีนี้มีแนวโน้มระมัดระวังมากขึ้น การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในโอกาสพิเศษเช่นนี้จึงต้องอาศัยทั้งนโยบายเชิงรุกและการสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจและช่วยสร้างความสุขให้คนไทย
.
สรุปข่าว
.
“สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจประชาชน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” อาจช่วยกระตุ้นให้ประชาชนวางแผนท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วยใหญ่ต้องการใช้เวลากับครอบครัวในโอกาสวันแม่ สถานการณ์ไทย–กัมพูชา มีผลต่อการตัดสินใจทำให้เลือกเที่ยวภายในจังหวัดหรือใกล้บ้านแทน
.
ผลสำรวจ “คนไทยกับการท่องเที่ยวในช่วงวันแม่ 2568” 
.
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการท่องเที่ยวในช่วงวันแม่ 2568” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,236 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม 2568 สรุปผลได้ ดังนี้
.
1. ประชาชนมีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันแม่หรือไม่
• อันดับ 1 มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 38.59%
• อันดับ 2 ไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยว 29.13%
• อันดับ 3 ยังไม่แน่ใจ/อยู่ระหว่างวางแผน 27.18%
• อันดับ 4 มีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ 5.10%
.
2. ประชาชนคิดว่าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงวันแม่ได้อย่างไร
• อันดับ 1 อาจช่วยกระตุ้นให้ประชาชนวางแผนท่องเที่ยวมากขึ้น 54.29%
• อันดับ 2 มีประโยชน์เฉพาะบางกลุ่มที่ทันการจองหรือใช้เทคโนโลยีได้ดี 50.97%
• อันดับ 3 ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายย่อย 44.98%
.
3. ปัจจัยใดที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกท่องเที่ยวในช่วงวันแม่ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน (กรีนซีซั่น)
• อันดับ 1 ต้องการใช้เวลากับครอบครัวในโอกาสวันแม่ 70.02%
• อันดับ 2 ความสะดวกในการเดินทางและค่าใช้จ่ายรวม 53.85%
• อันดับ 3 ความสวยงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ 50.25%
.
4. ประชาชนคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ควรส่งเสริมเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน (กรีนซีซั่น)
• อันดับ 1 ขยายสิทธิประโยชน์จากโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ 64.46%
• อันดับ 2 พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 55.56%
• อันดับ 3 เพิ่มการประชาสัมพันธ์เส้นทางธรรมชาติที่เข้าถึงง่าย 52.21%
.
5. จากสถานการณ์ไทย–กัมพูชา มีผลต่อการตัดสินใจต่อการท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงวันแม่อย่างไร
• อันดับ 1 เลือกเที่ยวภายในจังหวัดหรือใกล้บ้านแทน 59.08%
• อันดับ 2 ไม่กล้าท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย–กัมพูชา 42.95%
• อันดับ 3 ติดตามข่าวมากขึ้นก่อนตัดสินใจเดินทาง 38.41%
.
6. ประชาชนคาดการณ์ว่าจะใช้จ่ายในช่วงวันหยุดวันแม่ (9-12 สิงหาคม 2568) ประมาณกี่บาท
• อันดับ 1 น้อยกว่า 3,000 บาท 46.76%
• อันดับ 2 3,001 – 5,000 บาท 25.50%
• อันดับ 3 5,001 – 10,000 บาท 18.70%
• อันดับ 4 มากกว่า 10,000 บาท 9.04%   
.

.
‘นันทนา’ หนุน สภาม.เกริก พิจารณาถอดถอนปริญญากิตติมศักดิ์ ‘ฮุนเซน’
https://www.dailynews.co.th/news/5003887/
.
“สว.นันทนา” หนุน สภามหาวิทยาลัยเกริก พิจารณาถอดถอนปริญญากิตติมศักดิ์ จาก “ฮุนเซน” หลังกระทำการเลวร้ายต่อประเทศไทย
.
จากกรณีโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลกรณี น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. เคยร่วมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกริก เดินทางไปมอบปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการสื่อสารทางการเมือง ให้กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2562 ถึงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มหาวิทยาลัยเกริก  พร้อมเรียกร้องให้ออกมาแสดงท่าทีหรือดำเนินการต่อปริญญากิตติมศักดิ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการเพิกถอน หรือการชี้แจงเหตุผลที่ยังคงเกียรติยศนี้ไว้นั้น.
.
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 68 น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 
.
ปฏิบัติการ “ดิสเครดิต” เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการท้าทายอำนาจสีน้ำเงิน  ขอเรียนว่า ภาพนี้เป็นภาพเหตุการณ์เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่ทางสภามหาวิทยาลัยเกริกมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่นายฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาขณะนั้น ในฐานะคณบดี ดิฉันได้ติดตามอธิการบดี ไปร่วมพิธีพร้อมกับคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกริก  การมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่บุคคลใด จะกระทำได้ก็แต่โดยมติของสภามหาวิทยาลัย
.
น.ส.นันทนา ระบุว่า ซึ่งนับตั้งแต่มาเป็นวุฒิสมาชิก ดิฉันก็ได้ลาออกจากตำแหน่งคณบดีรวมทั้งตำแหน่งบริหารอื่น ๆ ทุกตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเกริก ในปัจจุบัน จึงมีสถานะเป็นเพียง “คนนอก” เท่านั้น
.
“หากพิจารณาถึงการกระทำอันเลวร้ายของฮุน เซน ต่อประเทศไทยเช่นนี้ ดิฉันมีความเห็นเช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทั้งหลาย ที่ต้องการเรียกร้องให้สภามหาวิทยาลัยเกริก พิจารณาถอดถอนปริญญากิตติมศักดิ์จากฮุน เซน เช่นเดียวกันกับที่สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้มีมติไปก่อนหน้าแล้ว” น.ส.นันทนา ระบุ.
.
https://www.facebook.com/dr.nantana/posts/pfbid02bboMr8FN9yJc1DyMmH4Q8YVNG26HcEB4VqyYiVv27nahviZJJ7GVo6ajMXxTTsnNl
.

.
ดอกมะลิราคาพุ่ง รับ "วันแม่แห่งชาติ" ชาวสวนคาด อาจแตะถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท
https://www.thairath.co.th/news/local/north/2875757
.
ราคาดอกมะลิพุ่ง ต้อนรับเทศกาล "วันแม่แห่งชาติ" เกษตรกรชาวนครสวรรค์คึกคัก เร่งเก็บขายให้บรรดาพ่อค้าที่มารับซื้อถึงสวน เผยราคาเบื้องต้นตกกิโลกรัมละ 700 บาท คาดอาจแตะถึง 1,000 บาท
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ส.ค. 68 ชาวสวนมะลิในตำบลหนองเต่า อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ คึกคักเป็นพิเศษ เกษตรกรเจ้าของสวนเร่งเก็บดอกมะลิตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมจำหน่ายให้พ่อค้าที่เดินทางมารับซื้อถึงในสวน หลังความต้องการใช้ดอกมะลิในช่วงวันแม่แห่งชาติสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
โดยเกษตรกรสวนมะลิเปิดเผยว่า ช่วงก่อนเทศกาลวันแม่ของทุกปี ดอกมะลิมักมีราคาสูงกว่าปกติ ปีนี้แม้ราคาจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับสูง โดยล่าสุดราคาหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 700 บาท และมีแนวโน้มปรับขึ้นใกล้วันแม่ คาดอาจแตะถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท
.
ในพื้นที่สวนมะลิของตน ซึ่งมีขนาด 1 ไร่ ปกติสามารถเก็บดอกมะลิได้วันละ 50–70 กิโลกรัม คิดเป็นรายได้กว่า 10,000 บาทต่อวัน ถือเป็นช่วงเวลาสร้างรายได้ก้อนใหญ่ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกดอกมะลิ แต่ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจึงทำให้ดอกมะลิออกดอกไม่เต็มที่ จึงเก็บได้แค่วันละ 30–40 กิโลกรัม
ทั้งนี้ ความต้องการใช้ดอกมะลิในวันแม่แห่งชาติยังคงสูงต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์แทนความรักและความกตัญญูที่บุตรจะมอบให้มารดา จึงทำให้ราคาดอกมะลิในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงใกล้เทศกาล.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่