🕰️ จากยุคปู่ย่า...ถึงยุคเรา อะไรหายไปกลางทาง?

เคยสงสัยไหม…
ว่าทำไมสมัยปู่ย่าตายาย มีหัวหน้าครอบครัวเพียงคนเดียว ทำงานก็เลี้ยงได้ทั้งบ้าน?
ครอบครัวมีลูกหลายคนก็ไม่เดือดร้อน เด็ก ๆ ยังช่วยทำไร่ ทำนา หรือช่วยงานร้านที่บ้านกันอย่างสนุกสนาน บ้านช่องกว้างขวาง และดูเหมือนชีวิตจะไม่เร่งรีบแบบทุกวันนี้
แต่…เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปี
ภาพนั้นกลับหายไปแทบหมดสิ้น
---
📉 วันนี้…อะไรเปลี่ยนไป?
ในยุคเรา พ่อกับแม่ต้อง ทำงานทั้งคู่ เพื่อให้พอจ่ายค่าครองชีพ
แถมยังไม่กล้ามีลูกเยอะ บางบ้านมีลูกแค่คนเดียวก็ยังรู้สึก “หนัก”
หนักทั้งค่าใช้จ่าย และหนักทั้งเวลา…จนต้องส่งลูกไปให้ตา-ยายที่ต่างจังหวัดเลี้ยงแทน แล้วโอนเงินไปช่วยเป็นครั้งคราว
จำนวนคนโสดเพิ่มขึ้น บ้านเล็กลง และหลายคนเริ่มไม่อยากมีลูกเลย
ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้?
---
💡 คำตอบอยู่ที่…เงินเฟ้อ
ตามหลักเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเพราะคนรุ่นใหม่ “ขี้เกียจ” หรือ “ใช้จ่ายเกินตัว” อย่างเดียว
แต่เกิดจาก มูลค่าของเงินที่เราหาได้…มันเสื่อมลงเรื่อย ๆ
เมื่อรัฐบาลและธนาคารกลางพิมพ์เงินเพิ่มเข้าสู่ระบบมากเกินไป ปริมาณเงินในตลาดก็พองตัว
และเหมือนสินค้าทุกชนิด — อะไรที่มีเยอะเกินไป ราคาของมันก็ถูกลง
เงินก็เช่นกัน…มีมากขึ้นแต่ไม่ได้มีค่ามากขึ้น → ของทุกอย่างรอบตัวเราจึงแพงขึ้น
---
🔄 วงจรที่กัดกินครอบครัว
สมัยก่อน: ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเล่าเรียน ต่ำกว่ารายได้มาก → คน ๆ เดียวเลี้ยงครอบครัวได้
ปัจจุบัน: ค่าครองชีพพุ่งเร็วกว่าค่าแรง รายได้จากคนเดียวไม่พอ → ต้องทำงานทั้งคู่ และยังแทบไม่มีเวลาสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
พอเวลาหมดไปกับการทำงานเพื่อ “ตามทันเงินเฟ้อ” ครอบครัวก็เล็กลง…หรือบางครั้งก็หายไปเลย
---
🚪 ทางรอดจากกับดักเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อเป็นเหมือนน้ำที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาในบ้าน — คุณไม่รู้ตัวจนกว่าพื้นจะเปียกไปทั่ว
ทางรอดเดียวคือ เปลี่ยนเงินที่หาได้ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่เงินเฟ้อทำอะไรไม่ได้ เช่น
ทองคำ 🪙
หุ้นบริษัทที่แข็งแกร่ง 📈
บิตคอยน์ 💻
เพราะสินทรัพย์เหล่านี้มีคุณสมบัติ “โตไปพร้อมเศรษฐกิจ” หรือมีปริมาณจำกัด ไม่เสื่อมค่าไปตามเวลาง่าย ๆ
---
> บทเรียนจากรุ่นก่อน คือการเก็บออมและลงทุนอย่างชาญฉลาด
บทเรียนของรุ่นเรา คือการไม่ปล่อยให้เงินเฟ้อขโมยอนาคตของครอบครัวไปเงียบ ๆ
#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin
จากยุคปู่ย่า...ถึงยุคเรา อะไรหายไปกลางทาง?
เคยสงสัยไหม…
ว่าทำไมสมัยปู่ย่าตายาย มีหัวหน้าครอบครัวเพียงคนเดียว ทำงานก็เลี้ยงได้ทั้งบ้าน?
ครอบครัวมีลูกหลายคนก็ไม่เดือดร้อน เด็ก ๆ ยังช่วยทำไร่ ทำนา หรือช่วยงานร้านที่บ้านกันอย่างสนุกสนาน บ้านช่องกว้างขวาง และดูเหมือนชีวิตจะไม่เร่งรีบแบบทุกวันนี้
แต่…เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปี
ภาพนั้นกลับหายไปแทบหมดสิ้น
---
📉 วันนี้…อะไรเปลี่ยนไป?
ในยุคเรา พ่อกับแม่ต้อง ทำงานทั้งคู่ เพื่อให้พอจ่ายค่าครองชีพ
แถมยังไม่กล้ามีลูกเยอะ บางบ้านมีลูกแค่คนเดียวก็ยังรู้สึก “หนัก”
หนักทั้งค่าใช้จ่าย และหนักทั้งเวลา…จนต้องส่งลูกไปให้ตา-ยายที่ต่างจังหวัดเลี้ยงแทน แล้วโอนเงินไปช่วยเป็นครั้งคราว
จำนวนคนโสดเพิ่มขึ้น บ้านเล็กลง และหลายคนเริ่มไม่อยากมีลูกเลย
ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้?
---
💡 คำตอบอยู่ที่…เงินเฟ้อ
ตามหลักเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียน ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเพราะคนรุ่นใหม่ “ขี้เกียจ” หรือ “ใช้จ่ายเกินตัว” อย่างเดียว
แต่เกิดจาก มูลค่าของเงินที่เราหาได้…มันเสื่อมลงเรื่อย ๆ
เมื่อรัฐบาลและธนาคารกลางพิมพ์เงินเพิ่มเข้าสู่ระบบมากเกินไป ปริมาณเงินในตลาดก็พองตัว
และเหมือนสินค้าทุกชนิด — อะไรที่มีเยอะเกินไป ราคาของมันก็ถูกลง
เงินก็เช่นกัน…มีมากขึ้นแต่ไม่ได้มีค่ามากขึ้น → ของทุกอย่างรอบตัวเราจึงแพงขึ้น
---
🔄 วงจรที่กัดกินครอบครัว
สมัยก่อน: ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเล่าเรียน ต่ำกว่ารายได้มาก → คน ๆ เดียวเลี้ยงครอบครัวได้
ปัจจุบัน: ค่าครองชีพพุ่งเร็วกว่าค่าแรง รายได้จากคนเดียวไม่พอ → ต้องทำงานทั้งคู่ และยังแทบไม่มีเวลาสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
พอเวลาหมดไปกับการทำงานเพื่อ “ตามทันเงินเฟ้อ” ครอบครัวก็เล็กลง…หรือบางครั้งก็หายไปเลย
---
🚪 ทางรอดจากกับดักเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อเป็นเหมือนน้ำที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาในบ้าน — คุณไม่รู้ตัวจนกว่าพื้นจะเปียกไปทั่ว
ทางรอดเดียวคือ เปลี่ยนเงินที่หาได้ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่เงินเฟ้อทำอะไรไม่ได้ เช่น
ทองคำ 🪙
หุ้นบริษัทที่แข็งแกร่ง 📈
บิตคอยน์ 💻
เพราะสินทรัพย์เหล่านี้มีคุณสมบัติ “โตไปพร้อมเศรษฐกิจ” หรือมีปริมาณจำกัด ไม่เสื่อมค่าไปตามเวลาง่าย ๆ
---
> บทเรียนจากรุ่นก่อน คือการเก็บออมและลงทุนอย่างชาญฉลาด
บทเรียนของรุ่นเรา คือการไม่ปล่อยให้เงินเฟ้อขโมยอนาคตของครอบครัวไปเงียบ ๆ
#soundmoneyzap #siamstr #bitcoin