คือเราอยากเป็นนักร้อง/นักแสดง ศิลปิน หรือไม่ก็นักเขียน โปรดิวเซอร์ ค่ะแต่ตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 แล้วซึ่งเป้าหมายในช่วงมอปลายคือมันก็คล้ายๆกับทุกคนคือการเข้ามหาวิทยาลัยช่วงม.6 เราไม่ได้โฟกัสกับความต้องการที่แท้จริงของตัวเองมากนักเราเป้าหมายการเป็นนักร้อง ศิลปินมาโดยตลอดแต่พอม.6รู้แค่ต้องเขามหาลัยให้ได้มีที่เรียนไห้ได้และต้องเป็นที่เรียนอยู่ตอนนี้เท่านั้นเลยละเลยเป้าหมายนี้ไปและไม่ได้ใส่ความต้องการและเป้าหมายที่แท้จริง
พอติดมหาลัยแล้วเราไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าที่ควรไม่ได้ดีใจมากว่าติดแล้ว แต่พอได้เข้ามาเรียนจริงๆก็ทำให้รู้เลยว่าเป้าหมายของเรามันเปลี่ยนไปแล้วแบบเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เราหันกลับมาใส่ใจเป้าหมายแรกที่เป็นเป้าหมายและความต้องการของเราจริงๆ ไม่ใช่ความต้องการของคนรอบข้าง เราแค่รู้สึกว่าเราสามารถไปทางนี้ได้มากกว่าการไปอีกทาง เรารู้สึกว่าเราอาจจะทำมันได้ดีกว่าและเราทำแล้วมีความสุขกับสิ่งนี้มากกว่าการไปเรียน และวันที่ไปเรียนยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องการมันไม่ใช่ทางแต่ก็ทนเรียนได้แค่รู้สึกท้อกับการไปเรียนในทุกๆวันมันไม่มีความสุข รู้สึกอยากลาออกจากที่เรียนไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมากกว่าแต่ว่าเรื่องในสิ่งที่ชอบเราไม่เคยบอกใครว่าชอบเต้นชอบร้องเพลงอยากเป็นนักร้อง ศิลปิน แต่แม่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าชอบเต้น
เราอยากปรึกษาว่าเราควรเดินไปทางไหนทำยังไงได้บ้างที่เราสามารถไปในทางที่ชอบได้แบบเต็มแรงโดยที่พ่อแม่เข้าใจว่าการเรียนอยี่ตรงนี้มันไม่ใช่ตัวเราแล้วและทำให้เขายอมรับเส้นทางอีกทางที่เราจะเลือกและยังไม่ได้พูดกับพ่อแม่เก็บเรื่องนี้มาตั้งแต่เปิดเทอมประมาณ 1 เดือนได้แล้วแต่ก็มีพูดเกริ่นไปว่าอยากลาออก แต่พอแม่ถามว่าทำไม ไม่อยากเรียนแล้วเหรอ เรากลับไม่กล้าพูดได้แต่เงียบไปไม่ก็เปลี่ยนเรื่อง ซึ่งตอนนี้เราพูดไปกับแม่แล้วแต่เขาก็ดูไม่ยอมรับเท่าไร เขาก็ถามว่าลาออกไปแล้วจะไปเรียนอะไร ถ้าลาออกจะอยู่บ้านเฉยๆ เหรอ ลาออกมาก็ต้องไปทำงานแล้วนะ แล้วทำไมอยากลาออก เราก็บอกว่าคณะที่เรียนอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ตัวเราแล้ว เราไปเรียนแล้วเราไม่มีความสุข เครียด มันไม่ใช่เส้นทางที่อยากเดินอีกต่อไปแล้วเราก็บอกเขาอีกว่าเราอยากเรียนเต้นเรียนร้องเพลง ทำในสิ่งที่อยากทำแต่เขาก็ถามว่าคณะไหนละที่มีสอนแบบนี้ก็ไปดูสิ ไปดูมาว่าคณะไหนที่มีแบบนี้ เขาก็บอกว่าไปเรียนการแสดงไปดูสิมันมีมั้ย แต่ในคณะคือมันไม่ได้ตรงตามความต้องการของเรา 100 % ถ้าไปเรียนแล้วไม่ชอบละจะลาออกอีกเหรอ เขาก็บอกว่าถ้าเขาให้เราแสดงแล้วเราไม่กล้าแสดง เดี๋ยวก็มาบอกไม่ใช่อีกไม่ชอบอีก ถ้าลาออกมาแล้วไปเรียนตามสถาบันเขาก็บอกว่าเนี่ยมันมีให้เรียนเองก็ได้เรียนเองที่บ้าน ซึ่งแค่งานที่มหาลัยเราก็แทบจะไม่มีเวลาทำอะไรเลยค่ะจากแต่ก่อนที่เราฝึกทุกวันแต่ตอนนี้เราไม่ได้ฝึกอะไรเลย ทุกเวลายกให้งานอย่างเดียว
อีกอย่างคือเหมือนว่าเขาอยากให้เราย้ายคณะจากคำพูดที่เขาบอกมาว่าไปดูสิคณะไหนมันมีสอน เรียนที่ไหน เราเลยถามเขาว่าแม่ต้องการให้หนูเรียนจบให้ได้ไม่ว่าคณะไหนสาขาก็ตามเรียนให้จบปริญญาเท่านั้นใช่มั้ย เขาก็ตอบว่าใช่ เขาเหมือนแค่ต้องการให้เราเรียนจบปริญญาตรีให้ได้ไม่ว่าคณะใดก็ตามต้องจบปริญญาเท่านั้นเขาดูไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราต้องการอะไร เขาก็ถามเราอีกว่าถ้าไปทำงานแล้วไม่ชอบ ไม่มีความสุข จะเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ งี้เหรอ มันก็ต้องเจอปัญหา ต้องอดทนมั้ย เราก็ตอบเขาว่าถ้าทำงานแล้วไม่มีความสุข เครียด สุขภาพจิตเสีย ถึงขั้นที่ร่างกายต่อต้าน เราจะทนไปทำไม เรารู้ว่าเขาอยากให้เราเรียนสูงๆ แต่เราแค่รู้สึกว่าเรามีอีกเส้นทางที่อยากเดินมากกว่า
เราอยากลาออกแต่ก็กลัวเขาผิดหวังในตัวเราทั้งที่เขาไม่เคยกดดันตัวเราเลยเขาปล่อยให้เราเลือกเรียนในสิ่งชอบมาตลอดแต่เราไม่รู้เลยว่าเขาจะยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้กับเส้นทางนี้มั้ยจากคำพูดที่เขาพูดมาเขาคงจะไม่ยอมรับเท่าไร เขาตั้งใจทำงานส่งเรากับพี่ชายเรียน ถ้าเราเลือกเรียนต่อเพื่อไม่ให้เขาผิดหวัง เราเองก็ไม่มีความสุข แต่ถ้าเราลาออกเราก็อาจจะมีความสุขมากกว่าตรงนี้แต่เขาน่าจะไม่ยอมแล้วก็น่าจะไม่ยอมรับในอีกเส้นทางเขาน่าจะผิดหวังที่เรามาขนาดนี้แล้วแต่ทำไมถึงทำแบบนี้ตัดสินใจแบบนี้
ซึ่งตอนนี้เขาคงเชื่อว่าเราทำในอีกเส้นทางไม่ได้หรอกเราเองไม่ค่อยมีความมั้นใจเท่าที่ควร จากคำพูดที่เขาพูดมาว่าเราเป็นคนไม่มั่นใจแล้วที่เต้นกะด็อกกะแด็กนั้นอะเหรอ แม่ไม่เห็นเราเต้นเลย ไม่เห็นร้องเพลง เขาก็บอกอีกว่าแค่ที่บ้านยังไม่การร้องการเต้นยังจะไปทำให้คนอื่นดู ไปเรียนกับเขาจะกล้าร้องกล้าเต้นรึไง ไปเรียน เรียนแล้วมันไปทำอะไรได้มันมีอะไรให้ทำ เราก็บอกว่าไปเป็นศิลปินในค่ายเพลงก็ได้ ไปออดิชั่น เขาก็ถามว่าออดิชั่นคืออะไร เราก็บอกเขาไป เขาก็บอกว่าอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นนักร้องนักเต้นเขาก็เรียนเหมือนกัน(เรียนในที่นี้คือเขาหมายถึงเรียนจบจากมหาวิทยาลัยค่ะ) เราก็แค่อยากทำในสิ่งที่ชอบมากกว่า
อยากรู้ว่าทำยังไงได้บ้างให้เรากับเขาหาทางออกทั้งสองฝ่าย ก่อนที่เราจะไปพูดกับเขา เราเองก็กลัวเขาผิดหวังไม่ยอมรับได้แต่นั่งร้องไห้คนเดียว ซึ่งก่อนไปคุยกับเขา เขาก็ดูออกว่าเราเป็นอะไร แต่พอเราพูดแล้วเราได้รับคำตอบแบบนี้ถ้าเป็นไปได้เราคงจะไม่พูดมันออกมาอีก ที่เราเลือกพูดเพราะเขาถามหลายวันแล้วว่าเราเป็นอะไร มีอะไรพูดกับเขาหน่อย บอกเขามา เราก็คิดว่าเราจะพูดดีมั้ย สรุปเราก็พูดเพราะเราคิดว่าเขาอาจจะเข้าใจเรามากที่สุดและเขาจะยอมรับในสิ่งที่เราจะเลือก แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่เขาดูเหมือนจะเข้าใจเหมือนจะยอมรับว่าเราชอบเต้น ชอบร้องเพลง แต่ก็แค่เหมือน เราพูดกับเขาไปเมื่อวาน วันนี้เรารู้สึกเครียดกว่าตอนที่ไม่ได้พูดอีกค่ะ เครียดจนร่างกายมันแสดงออกแล้ว วันนี้เราไม่อยากเจอใครเลยไม่อยากทำอะไรไม่อยากกินอะไรปวดหัวท้องอืดไปหมดเลยค่ะ อยากรู้พอมีทางที่จะเป็นทางออกสำหรับเราและเขาได้มั้ยคะ หรือควรทำยังไงให้เขาเข้าใจเรา
ไปทางไหนได้บ้างคะ
พอติดมหาลัยแล้วเราไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าที่ควรไม่ได้ดีใจมากว่าติดแล้ว แต่พอได้เข้ามาเรียนจริงๆก็ทำให้รู้เลยว่าเป้าหมายของเรามันเปลี่ยนไปแล้วแบบเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เราหันกลับมาใส่ใจเป้าหมายแรกที่เป็นเป้าหมายและความต้องการของเราจริงๆ ไม่ใช่ความต้องการของคนรอบข้าง เราแค่รู้สึกว่าเราสามารถไปทางนี้ได้มากกว่าการไปอีกทาง เรารู้สึกว่าเราอาจจะทำมันได้ดีกว่าและเราทำแล้วมีความสุขกับสิ่งนี้มากกว่าการไปเรียน และวันที่ไปเรียนยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องการมันไม่ใช่ทางแต่ก็ทนเรียนได้แค่รู้สึกท้อกับการไปเรียนในทุกๆวันมันไม่มีความสุข รู้สึกอยากลาออกจากที่เรียนไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมากกว่าแต่ว่าเรื่องในสิ่งที่ชอบเราไม่เคยบอกใครว่าชอบเต้นชอบร้องเพลงอยากเป็นนักร้อง ศิลปิน แต่แม่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าชอบเต้น
เราอยากปรึกษาว่าเราควรเดินไปทางไหนทำยังไงได้บ้างที่เราสามารถไปในทางที่ชอบได้แบบเต็มแรงโดยที่พ่อแม่เข้าใจว่าการเรียนอยี่ตรงนี้มันไม่ใช่ตัวเราแล้วและทำให้เขายอมรับเส้นทางอีกทางที่เราจะเลือกและยังไม่ได้พูดกับพ่อแม่เก็บเรื่องนี้มาตั้งแต่เปิดเทอมประมาณ 1 เดือนได้แล้วแต่ก็มีพูดเกริ่นไปว่าอยากลาออก แต่พอแม่ถามว่าทำไม ไม่อยากเรียนแล้วเหรอ เรากลับไม่กล้าพูดได้แต่เงียบไปไม่ก็เปลี่ยนเรื่อง ซึ่งตอนนี้เราพูดไปกับแม่แล้วแต่เขาก็ดูไม่ยอมรับเท่าไร เขาก็ถามว่าลาออกไปแล้วจะไปเรียนอะไร ถ้าลาออกจะอยู่บ้านเฉยๆ เหรอ ลาออกมาก็ต้องไปทำงานแล้วนะ แล้วทำไมอยากลาออก เราก็บอกว่าคณะที่เรียนอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ตัวเราแล้ว เราไปเรียนแล้วเราไม่มีความสุข เครียด มันไม่ใช่เส้นทางที่อยากเดินอีกต่อไปแล้วเราก็บอกเขาอีกว่าเราอยากเรียนเต้นเรียนร้องเพลง ทำในสิ่งที่อยากทำแต่เขาก็ถามว่าคณะไหนละที่มีสอนแบบนี้ก็ไปดูสิ ไปดูมาว่าคณะไหนที่มีแบบนี้ เขาก็บอกว่าไปเรียนการแสดงไปดูสิมันมีมั้ย แต่ในคณะคือมันไม่ได้ตรงตามความต้องการของเรา 100 % ถ้าไปเรียนแล้วไม่ชอบละจะลาออกอีกเหรอ เขาก็บอกว่าถ้าเขาให้เราแสดงแล้วเราไม่กล้าแสดง เดี๋ยวก็มาบอกไม่ใช่อีกไม่ชอบอีก ถ้าลาออกมาแล้วไปเรียนตามสถาบันเขาก็บอกว่าเนี่ยมันมีให้เรียนเองก็ได้เรียนเองที่บ้าน ซึ่งแค่งานที่มหาลัยเราก็แทบจะไม่มีเวลาทำอะไรเลยค่ะจากแต่ก่อนที่เราฝึกทุกวันแต่ตอนนี้เราไม่ได้ฝึกอะไรเลย ทุกเวลายกให้งานอย่างเดียว
อีกอย่างคือเหมือนว่าเขาอยากให้เราย้ายคณะจากคำพูดที่เขาบอกมาว่าไปดูสิคณะไหนมันมีสอน เรียนที่ไหน เราเลยถามเขาว่าแม่ต้องการให้หนูเรียนจบให้ได้ไม่ว่าคณะไหนสาขาก็ตามเรียนให้จบปริญญาเท่านั้นใช่มั้ย เขาก็ตอบว่าใช่ เขาเหมือนแค่ต้องการให้เราเรียนจบปริญญาตรีให้ได้ไม่ว่าคณะใดก็ตามต้องจบปริญญาเท่านั้นเขาดูไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราต้องการอะไร เขาก็ถามเราอีกว่าถ้าไปทำงานแล้วไม่ชอบ ไม่มีความสุข จะเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ งี้เหรอ มันก็ต้องเจอปัญหา ต้องอดทนมั้ย เราก็ตอบเขาว่าถ้าทำงานแล้วไม่มีความสุข เครียด สุขภาพจิตเสีย ถึงขั้นที่ร่างกายต่อต้าน เราจะทนไปทำไม เรารู้ว่าเขาอยากให้เราเรียนสูงๆ แต่เราแค่รู้สึกว่าเรามีอีกเส้นทางที่อยากเดินมากกว่า
เราอยากลาออกแต่ก็กลัวเขาผิดหวังในตัวเราทั้งที่เขาไม่เคยกดดันตัวเราเลยเขาปล่อยให้เราเลือกเรียนในสิ่งชอบมาตลอดแต่เราไม่รู้เลยว่าเขาจะยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้กับเส้นทางนี้มั้ยจากคำพูดที่เขาพูดมาเขาคงจะไม่ยอมรับเท่าไร เขาตั้งใจทำงานส่งเรากับพี่ชายเรียน ถ้าเราเลือกเรียนต่อเพื่อไม่ให้เขาผิดหวัง เราเองก็ไม่มีความสุข แต่ถ้าเราลาออกเราก็อาจจะมีความสุขมากกว่าตรงนี้แต่เขาน่าจะไม่ยอมแล้วก็น่าจะไม่ยอมรับในอีกเส้นทางเขาน่าจะผิดหวังที่เรามาขนาดนี้แล้วแต่ทำไมถึงทำแบบนี้ตัดสินใจแบบนี้
ซึ่งตอนนี้เขาคงเชื่อว่าเราทำในอีกเส้นทางไม่ได้หรอกเราเองไม่ค่อยมีความมั้นใจเท่าที่ควร จากคำพูดที่เขาพูดมาว่าเราเป็นคนไม่มั่นใจแล้วที่เต้นกะด็อกกะแด็กนั้นอะเหรอ แม่ไม่เห็นเราเต้นเลย ไม่เห็นร้องเพลง เขาก็บอกอีกว่าแค่ที่บ้านยังไม่การร้องการเต้นยังจะไปทำให้คนอื่นดู ไปเรียนกับเขาจะกล้าร้องกล้าเต้นรึไง ไปเรียน เรียนแล้วมันไปทำอะไรได้มันมีอะไรให้ทำ เราก็บอกว่าไปเป็นศิลปินในค่ายเพลงก็ได้ ไปออดิชั่น เขาก็ถามว่าออดิชั่นคืออะไร เราก็บอกเขาไป เขาก็บอกว่าอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นนักร้องนักเต้นเขาก็เรียนเหมือนกัน(เรียนในที่นี้คือเขาหมายถึงเรียนจบจากมหาวิทยาลัยค่ะ) เราก็แค่อยากทำในสิ่งที่ชอบมากกว่า
อยากรู้ว่าทำยังไงได้บ้างให้เรากับเขาหาทางออกทั้งสองฝ่าย ก่อนที่เราจะไปพูดกับเขา เราเองก็กลัวเขาผิดหวังไม่ยอมรับได้แต่นั่งร้องไห้คนเดียว ซึ่งก่อนไปคุยกับเขา เขาก็ดูออกว่าเราเป็นอะไร แต่พอเราพูดแล้วเราได้รับคำตอบแบบนี้ถ้าเป็นไปได้เราคงจะไม่พูดมันออกมาอีก ที่เราเลือกพูดเพราะเขาถามหลายวันแล้วว่าเราเป็นอะไร มีอะไรพูดกับเขาหน่อย บอกเขามา เราก็คิดว่าเราจะพูดดีมั้ย สรุปเราก็พูดเพราะเราคิดว่าเขาอาจจะเข้าใจเรามากที่สุดและเขาจะยอมรับในสิ่งที่เราจะเลือก แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่เขาดูเหมือนจะเข้าใจเหมือนจะยอมรับว่าเราชอบเต้น ชอบร้องเพลง แต่ก็แค่เหมือน เราพูดกับเขาไปเมื่อวาน วันนี้เรารู้สึกเครียดกว่าตอนที่ไม่ได้พูดอีกค่ะ เครียดจนร่างกายมันแสดงออกแล้ว วันนี้เราไม่อยากเจอใครเลยไม่อยากทำอะไรไม่อยากกินอะไรปวดหัวท้องอืดไปหมดเลยค่ะ อยากรู้พอมีทางที่จะเป็นทางออกสำหรับเราและเขาได้มั้ยคะ หรือควรทำยังไงให้เขาเข้าใจเรา