รู้สึกเป็นภาระครอบครัว

หนูอยู่ม.4ค่ะ หนูรู้สึกว่าหนูเองเป็นภาระครอบครัว ค่าใช่จ่ายในบ้านแทบไม่พอ ส่วนใหญ่ ต้องจ่ายให้หนู ฐานะที่บ้านก็ไม่ได้ดี คงจะผิดที่หนูฝันใหญ่ ทั้งที่ครอบครัวไม่ได้มีกำลังขนาดนั้น อย่าว่าหนูไม่พยามช่วยครอบครัว  งานบ้าน อาชีพที่เค้าทำหนูก็ช่วย ทั้งที่หนูจะหางานทำเองแม่ก็ไม่ให้  ช่วงนี้รายจ่ายหนูเยอะมากๆ หนูก็ไม่ได้มีตังเก็บพอจะจ่ายเอง แค่หนูคิดหนูก็ลำบากใจแล้ว เพราะหนูเป็นตัวถ่วงครอบครัว จริงๆ จนบางทีหนูอยากจบชีวิต ให้มันจบไป ดีกว่าเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน
  ถามว่าเป็นภาระยังไง หนูเรียนรรต่างอำเภอไปกลับค่ะ ค่ารถประมาณ2,000 ค่าเทอมประมาณ8,000รวมอาหารกลางวัน บางวันมีซ้อมกีฬาพ่อต้องมารับมีค่าน้ำมันอีก กิจกรรมที่โรงเรียนอีก พ่อกับแม่ก็ปวดเข่าปวดหลังทำงานไม่ค่อยไหว
   หนูเป็นคนที่สนใจปลายทาง แต่ก็พยามเข้าใจระหว่างทางว่าต้องผ่านอะไรบ้าง เงินต้องเสียเท่าไหร่ถ้าจะทำอันนี้ มันคุ้มไหมกับผลลัพธ์ที่เราจะได้ กลับกันพ่อกับแม่มองแค่ระหว่างทางที่หนูจะไป แต่ไม่มองปลายทาง
หนูเหมือนจะรู้คำตอบว่าถ้าสมมุติ หนูบอกว่าอยากเป็นสถาปัตย์ พ่อกับแม่จะห้ามเลย เขาจะให้เหตุผลว่าพ่อแม่ไม่มีเงินส่ง หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่เสนอให้หนูออกไปทำงานส่งตัวเอง แต่ถึงเขาไม่บอกหนูก็อยากทำงานส่งตัวเองเรียนอยู่
สุดท้ายเหตุผลหลักก็เพราะเงิน หนูได้ยินแม่บ่นจนเอามาคิดมาก
   หนูเคยขอแม่ขายของออนไลน์แม่ก็ไม่ให้ หนูอยากเรียนนิเทศก็ไม่ให้ พอมีคนถามชอบอะไรอยากเรียนอะไรหนูไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไรอีก กลายเป็นว่าหนูสับสนตัวเอง แล้วเวลามีอะไรหนูจะไม่ปรึกษาพ่อแม่เลย หนูจะขออยู่โรวเรียนทำกิจกรรมที่โรงเรียนสักที ต่อให้หนูรู้ล่วงหน้า2-3วันหนูจะไม่บอกต่อหน้า แต่หนูจะบอกวันนั้นในแชทตอนที่หนูอยู่โรงเรียนแล้ว หนูก็กลัวพ่อแม่บ่นเรืองเงิน หนูไม่ได้เข้มแข็งเท่าคนอื่นๆ ถ้าใครจะบอกว่าเมื่อก่อนชีวิตเค้าหนักกว่าหนู ช่วยพ่อแม่หาเงินส่งตัวเองเรียน หนูจะบอกเลยว่าปัจจัยสิ่งแวดล้อมเราไม่เหมือนกัน หนูก็มีวิธีคิดจะช่วยหาเงินส่งตัวเองเรียน แต่ถ้าหนูไม่มีทุนไม่มีใครเข้าใจหนูจะเอาที่ไหนมาทำ
   แล้วแม่เป็นคนที่ชอบเปรียบเทียบมาก หนูกับน้องเล่นกีฬาก็จะมีบางวันที่ต้องซ้อม บ้านก็ไกลจากรร.อยู่แต่บางวันพ่อเพื่อนก็มาส่งครึ่ทาง แม่จะต้องเอาเรื่องเงินกับลูกคนอื่นมาเปรียบ มันเป็นคำที่หนูรู้สึกไม่ดีกับแม่ไปชั่วขณะเลย"เดี๋ยวจะไม่ให้เล่นแล้ว ลูกคนอื่นเค้าไม่เห็นเล่น เค้าเอาแต่เรียนอย่างเดียว ต้องืไปรับไปส่งองหูแต่ก็ฟังอย่างเดียว กับพ่อก็เหมือนกันหนูรู้สึกสงสารพ่อนะ โดนแม่เอาไปเปรียบกับคนอื่นเหมือนกัน บอกว่าสามีคนนั้นคนนี้ขยัน หนูไม่รู้ว่าพ่อทำเต็มที่หรือยัง แต่หนูเข้าใจความรู้สึกเลย

   พ่อกับแม่จะให้เรียนใกล้บ้านยาย ไม่รู้จะให้เรียนอะไรแต่ต้องเรียนที่นี่ ไม่ก็เป็นทหาร หนูว่าหนูชอบทหารมากกว่าไปเรียนไปเรื่อย หนูไม่เกี่ยงเลยถ้าพูดกับหนูดีๆ ว่าพ่อแม่ไม่มีเงินส่งนะ พ่อแม่ก็แก่ลงเรื่อยๆทำไม่ไหวหางานส่งตัวเองได้ไหม ไม่ใช่โลกหมุนรอบตัวหนู แต่การที่ทะเลาะกันเรื่องเรียนสำหรับหนูมันเป็นอะไรที่บั่นทอนกำลังใจมาก เพราะตอนนี้ภาพฝันของหนูคือการเรียนจบแล้วไปต่อสายนี้ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้สายนี้ก็ไม่สายนั้น จบมาเงินเดือนเท่านี้ สร้างบ้านหลังเท่านี้เท่านั้นพอหนูลองบอกว่าจะเรียนอันนี้อันนั้นนะ สรุปไม่ได้ การที่หนูไม่ปรึกษาพ่อแม่มันเป็นผลเสียตรงนี้เลย เราไม่ได้ตกลงหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเลย สุดท้ายก็จบที่การทะเลาะเรื่องนี้มาเป็นสิบๆรอบ แล้วเข้าเรื่องเดิมๆจะให่เรียนทหาร เรียนใกล้บ้านยาย ก็เพราะมันจบแบบเดิมหนูไม่เคยปรึกษาอะไรเลย ความฝันตัวเองขนาดหนูยังอายทำให้คิดคนเดียวตลอด ตอนนี้คงจะเป็นโรคทางจิตสักโรคนึง ทะเลาะกันสดๆวันนี้เลย ในหัวมันคิดจะเอากรรไกรมาแทงมือตัวเอง สุดท้ายก็ทำไม่ได้
   เอาจริง ที่พิมพ์ๆมาก็เห็นแก่ตัวอยู่นะ แต่รู้มั้ยในใจหนูก็สงสารพ่อกับแม่ที่มีหนูเป็นลูก หนูเองก็อยากให้ครอบครัวสบาย บ่นเรื่องไม่ล้างจานทุกวันยังไม่เท่าบ่นเรื่องที่เรียนกับเงิน บ่นจะให้ออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีเงินส่ง แถมยังว่าอีกว่าจบมอ6ก็ได้ผัวก่อน
    ทุกวันนี้หนูคิดแค่ว่าทำยังไงให้ครอบครัวสบายเร็วที่สุด เพราะหนูเหนื่อยมากๆจากหลายอย่าง ในกระทู้นี้หนูพิมพ์ไม่หมดหรอก หนูพิมพ์ตามความรู้สึกตอนนี้ อาจพิมพ์งงไปหน่อยเพราะปวดหัวค่ะ
   ใครจะว่ายังไงหนูก็จะเอากลับไปพิจารณาตัวเองอีกทีค่ะ วันนี้หนูไม่ได้พิมพ์สิ่งที่อยู่ในใจออกมาหมด แต่มันก็ระบายไปส่วนนึงแล้ว ใครที่อ่านจบก็ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องเข้าใจหนูก็ได้แต่อย่าซ้ำก็พอ
    ตอนนี้อยากทำขนมขายแต่ไม่มีทุน เอาไปบอกพ่อกับแม่ก็ไม่รู้ขะได้คำตอบยังไงอีก🥹
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่