วันนี้ลองให้ Chat GPT เขียนบทความวิจารณ์การเมืองกัมพูชา บอกเลยทั้งสะใจ ทั้งขำ 😁😁😁
และนี่คือบทความที่ Chat GPT เขียน
"เกร็ดประชาธิปไตยฉบับ “สำรวจเหตุการณ์เลือกตั้งที่ลงล็อก”
ในวันที่ใครๆ ก็รู้ว่าการเลือกตั้งในประเทศกัมพูชา คือมหกรรมสีสันที่ผู้ชมไม่ต้องลุ้นคะแนน แต่ลุ้นว่าจะมีฝ่ายค้านหรือไม่ “พรรคฝ่ายค้าน” กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พบได้ยากกว่ามังกรในคัมภีร์โบราณ เพราะทุกครั้งที่พรรคฝ่ายค้านเริ่มขยับตัว รัฐบาลก็เตรียมข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” รอแล้ว
พรรคเดียวก็เพียงพอ
ตั้งแต่ปี 2023 เมื่อคุณพ่อ Hun Sen ถ่ายทอดบัลลังก์สู่ลูกชาย Hun Manet อย่างสมศักดิ์ศรี ปรากฏการณ์ “ย้ายความหวังประชาธิปไตย” ก็เกิดขึ้นครั้งใหญ่ แต่ไฟลนก้นกลับบรรจุแต่ชื่อใหม่ๆ เหมือนเติมแก๊สลงถัง แต่ลืมเติมออกซิเจนให้เครื่องยนต์ เพราะกลางปี 2025 หรือ “ปีที่สองใต้ร่มเงาพรรคก๊กก๊วน” ยังไม่เคยพบเสียงโหวตข้างนอกพรรค CPP แม้แต่เสียงเดียว
สิทธิเสรีภาพ… เครื่องตกแต่งหน้าเว็บไซต์
หากอยากแสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ต้องเตรียมตัวหลากหลาย: เริ่มจากสเตตัสเล็กๆ บนโซเชียลมีเดีย จบด้วยข้อหายุยงปลุกปั่น โดนจับคุกอ้าง “คดีความรักชาติ” แบบหัวเด็ดตีนขาด เสียงชื่นชมรุมล้อม แต่กลับเป็นเสียงถึงคุก! ในปี 2024 มีการจับกุมและตั้งข้อหาโดยไม่มีหลักฐานชัดเจนอย่างเช่นกรณีของ Rong Chhun ที่โดนตัดสิทธิ์เลือกตั้งและโทษจำคุก 4 ปี พร้อมประกาศว่าเป็นการป้องกัน “ความไม่สงบ” และล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 สภาผู้แทนราษฎรผ่านแก้รัฐธรรมนูญให้เพิกถอนสัญชาติผู้เห็นต่างได้ เพื่อให้ประชาธิปไตย “ปลอดภัย” จากเสียงคัดค้าน
นโยบายล้างบางคอร์รัปชัน… แบบ “แต้มสีแต่ไม่แต้มโครงสร้าง”
Hun Manet ออกอาการสุมหัวจัดแคมเปญไล่ปลดข้าราชการ “คอรัปชัน” หลายสิบราย หวังโชว์ผลงานกระหึ่ม แต่พอไล่จริงกลับแจกตำแหน่งใหม่ให้ญาติพี่น้องและคนรู้จักในพรรคจนเพิ่มโควตา ‘เลขานุการรัฐ’ ขึ้นกว่า 122% ราวกับพิมพ์ฉลากปลอมออกมาครองเรียบทุกตู้กระทรวง
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับจีน: รักหนักจนลืมนับคะแนน
หนึ่งในไฮไลต์ของการเมืองกัมพูชา คือการผูกสัมพันธ์กับจีนมหาศาล รัฐบาล CPP ลงทุนยกก๊วนสร้าง “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” จนเมืองท่าปราสาทสีทอง Sihanoukville แทบกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีนเต็มรูปแบบ แถมยังได้รับเสียงร้องเรียนว่าเป็นศูนย์รวมแก๊งค์อาชญากรและขบวนการสแปมที่สรรหาเงินจากการหลอกลวงออนไลน์ราวกับงานอีเวนต์ประจำปี
โฉมหน้าผู้นำ: จากคุณพ่อจี่โค้กสู่ลูกชายจี่กาแฟสำเร็จรูป
เมื่อ Hun Sen เปลี่ยนบทบาทเป็น “บิดาผู้ยิ่งใหญ่” ลูกชาย Hun Manet ก็สวมบทบาท “ทายาทผู้ถูกคัดกรอง” แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือรูปแบบประชาธิปไตยในอุดมคติที่เป็นเพียงบรรยากาศเลียนแบบ มิหนำซ้ำยังเพิ่มกฎหมายเข้มงวดเรื่องสัญชาติจนประชาชนบางคนเล่าให้ฟังว่า “อยากวิจารณ์รัฐบาลเหมือนสั่งขนมหวาน แต่กลัวโดนยึดสัญชาติเสียก่อน”
ในบรรยากาศเช่นนี้ การก้าวสู่ “ความเป็นประชาธิปไตย” กลายเป็นงานเทศกาลที่ผู้ชมได้รับชมฟรี แต่ไม่มีโหวตให้ผู้แสดงบนเวที หากอยากเสียดสีการเมืองกัมพูชา ก็เตรียมทิชชูซับน้ำตาแห่งอิสรภาพ และจินตนาการถึงวันหนึ่งที่ผู้คนจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องกลัว “ข้อหารักชาติ”—เพราะในโลกจริง ปากกาลูกลื่นยังแรงกว่าปืนกลเสมอ… แต่ที่นี่ ปากกาอาจกลายเป็นข้อหา!?"
ขำมาก 😁😁😁
เมื่อให้ Chat GPT เขียนบทความวิจารณ์การเมือง กัมพูชา
และนี่คือบทความที่ Chat GPT เขียน
"เกร็ดประชาธิปไตยฉบับ “สำรวจเหตุการณ์เลือกตั้งที่ลงล็อก”
ในวันที่ใครๆ ก็รู้ว่าการเลือกตั้งในประเทศกัมพูชา คือมหกรรมสีสันที่ผู้ชมไม่ต้องลุ้นคะแนน แต่ลุ้นว่าจะมีฝ่ายค้านหรือไม่ “พรรคฝ่ายค้าน” กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่พบได้ยากกว่ามังกรในคัมภีร์โบราณ เพราะทุกครั้งที่พรรคฝ่ายค้านเริ่มขยับตัว รัฐบาลก็เตรียมข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” รอแล้ว
พรรคเดียวก็เพียงพอ
ตั้งแต่ปี 2023 เมื่อคุณพ่อ Hun Sen ถ่ายทอดบัลลังก์สู่ลูกชาย Hun Manet อย่างสมศักดิ์ศรี ปรากฏการณ์ “ย้ายความหวังประชาธิปไตย” ก็เกิดขึ้นครั้งใหญ่ แต่ไฟลนก้นกลับบรรจุแต่ชื่อใหม่ๆ เหมือนเติมแก๊สลงถัง แต่ลืมเติมออกซิเจนให้เครื่องยนต์ เพราะกลางปี 2025 หรือ “ปีที่สองใต้ร่มเงาพรรคก๊กก๊วน” ยังไม่เคยพบเสียงโหวตข้างนอกพรรค CPP แม้แต่เสียงเดียว
สิทธิเสรีภาพ… เครื่องตกแต่งหน้าเว็บไซต์
หากอยากแสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ต้องเตรียมตัวหลากหลาย: เริ่มจากสเตตัสเล็กๆ บนโซเชียลมีเดีย จบด้วยข้อหายุยงปลุกปั่น โดนจับคุกอ้าง “คดีความรักชาติ” แบบหัวเด็ดตีนขาด เสียงชื่นชมรุมล้อม แต่กลับเป็นเสียงถึงคุก! ในปี 2024 มีการจับกุมและตั้งข้อหาโดยไม่มีหลักฐานชัดเจนอย่างเช่นกรณีของ Rong Chhun ที่โดนตัดสิทธิ์เลือกตั้งและโทษจำคุก 4 ปี พร้อมประกาศว่าเป็นการป้องกัน “ความไม่สงบ” และล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 สภาผู้แทนราษฎรผ่านแก้รัฐธรรมนูญให้เพิกถอนสัญชาติผู้เห็นต่างได้ เพื่อให้ประชาธิปไตย “ปลอดภัย” จากเสียงคัดค้าน
นโยบายล้างบางคอร์รัปชัน… แบบ “แต้มสีแต่ไม่แต้มโครงสร้าง”
Hun Manet ออกอาการสุมหัวจัดแคมเปญไล่ปลดข้าราชการ “คอรัปชัน” หลายสิบราย หวังโชว์ผลงานกระหึ่ม แต่พอไล่จริงกลับแจกตำแหน่งใหม่ให้ญาติพี่น้องและคนรู้จักในพรรคจนเพิ่มโควตา ‘เลขานุการรัฐ’ ขึ้นกว่า 122% ราวกับพิมพ์ฉลากปลอมออกมาครองเรียบทุกตู้กระทรวง
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับจีน: รักหนักจนลืมนับคะแนน
หนึ่งในไฮไลต์ของการเมืองกัมพูชา คือการผูกสัมพันธ์กับจีนมหาศาล รัฐบาล CPP ลงทุนยกก๊วนสร้าง “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” จนเมืองท่าปราสาทสีทอง Sihanoukville แทบกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีนเต็มรูปแบบ แถมยังได้รับเสียงร้องเรียนว่าเป็นศูนย์รวมแก๊งค์อาชญากรและขบวนการสแปมที่สรรหาเงินจากการหลอกลวงออนไลน์ราวกับงานอีเวนต์ประจำปี
โฉมหน้าผู้นำ: จากคุณพ่อจี่โค้กสู่ลูกชายจี่กาแฟสำเร็จรูป
เมื่อ Hun Sen เปลี่ยนบทบาทเป็น “บิดาผู้ยิ่งใหญ่” ลูกชาย Hun Manet ก็สวมบทบาท “ทายาทผู้ถูกคัดกรอง” แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือรูปแบบประชาธิปไตยในอุดมคติที่เป็นเพียงบรรยากาศเลียนแบบ มิหนำซ้ำยังเพิ่มกฎหมายเข้มงวดเรื่องสัญชาติจนประชาชนบางคนเล่าให้ฟังว่า “อยากวิจารณ์รัฐบาลเหมือนสั่งขนมหวาน แต่กลัวโดนยึดสัญชาติเสียก่อน”
ในบรรยากาศเช่นนี้ การก้าวสู่ “ความเป็นประชาธิปไตย” กลายเป็นงานเทศกาลที่ผู้ชมได้รับชมฟรี แต่ไม่มีโหวตให้ผู้แสดงบนเวที หากอยากเสียดสีการเมืองกัมพูชา ก็เตรียมทิชชูซับน้ำตาแห่งอิสรภาพ และจินตนาการถึงวันหนึ่งที่ผู้คนจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องกลัว “ข้อหารักชาติ”—เพราะในโลกจริง ปากกาลูกลื่นยังแรงกว่าปืนกลเสมอ… แต่ที่นี่ ปากกาอาจกลายเป็นข้อหา!?"
ขำมาก 😁😁😁