ครั้งนึงของชีวิตของเราที่อยากให้ใครสักคนรับรู้และรับฟัง

กระทู้สนทนา
เรารู้สึกว่าเราโตก่อนวัย เราเลิกเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ เริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหนตั้งแต่เด็กๆตอนนั้น อายุประมาณ10ขวบ เราเริ่มรู้ความ เริ่มรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ควรทำ ไม่ควรทำเราสามารถที่จะอยู่คนเดียวได้ พวกงานบ้าน ​ทำกับข้าวกินเอง ​ซักผ้าเอง ไปรร.เองได้   เราโตมาโดยที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ เรามักจะอยู่คนเดียวเสมอในความคิดเรา (เรามีพี่น้อง2เป็นผช ส่วนเราเป็นคนกลาง ) เราถูกปลูกฝังมาว่าให้ตั้งใจเรียน ​จะได้มีงานทำ ดูแลตัวเองได้ ซึ่งตอนนั้นเราเด็กเราเข้าใจ ว่าเราต้องตั้งใจเรียนเพื่อนมาหาเงินดูแลตัวเองได้แค่นั้น และรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่เรียนหนังสือ เราไม่เคยเรียนรู้เรื่องเลย เท่าที่จำความได้จนเราขึ้นม.1 เราเริ่มรู้ว่า "อ๋อ"เรามาเรียนเพื่อมารับความรู้ เพื่อตัวเอง และเกรดที่จะใช้เรียนต่อ และใช้ทำงาน ใบวุฒิ เราก็แค่เรียนๆไปให้มันจบ เราไม่ค่อยสุงสิงกับใคร สังคมเดียวของเราในวัยเด็กของเราคือโรงเรียน นอกจากนั้นเราก็อยู่แต่บ้าน ไม่จำเป็นไม่ออกไปไหนเลย จนมีบางครั้งก็โดนพ่อหรือแม่บังคับใช้ไปซื้อของ เราก็ไม่ไป เรามักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เวลาพ่อหรือแม่อยู่บ้านเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เรามักจะใช้เวลาไปกับโทรศัพท์ เล่นเกม ฟังเพลง ดูหนัง อ่านการ์ตูน เราไม่เล่นโซเชียลใดๆเลย ปัจจุบันก็ด้วย พอเราขึ้นม.4เรายิ่งไม่รู้ว่าตัวเองจะใช้ชีวิตยังไง ถ้าเรียนจบเราจะเรียนต่อไหม จะมีงานทำรึเปล่า จะดูแลตัวเองได้ไหม เราก็ไปเรียน ไปบ้าง ไม่ไปบ้างๆจนทะเลาะกับพ่อแม่
เงินดมีติดมส.บ้าง ติดร บ้าง แต่เราตามงานตลอดเกรดเรารวม3ขึ้น จนเราจบม.6 เราคิดว่าเราจะเอายังไงกับชีวิตดี ตอนนี้ไม่มีใครมีมาตัดสินชีวิตเรา พ่อแม่ก็แล้วแต่ให้เราเป็นคนเลือก  เราก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรอยากเรียนอะไร เรียนจบแล้วจะมีงานทำไหม จะเข้ากับคนอื่นๆได้ไหม ​งานพาร์ทไทม์ก็ไม่เคยทำ ไม่เคยไปเที่ยว ไม่เคยไปไหนเลย ชีวิตมีแต่บ้านและโรงเรียน เราเป็นอินโทรเวิร์ดมากๆ แต่คนที่สนิทเราก็จะพูดมาก เรามีเพื่อนไม่กี่คน ตอนนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันไป เราเลือกไม่เรียนต่อเพราะเราไม่รู้ว่าชอบอะไร และเรียนไปจะมีอะไรมาการันตีชีวิตเราว่าจะมีงานทำ มีเงินใช้ ด้วยความที่ที่บ้านไม่ค่อยมีเงินส่งเราเรียนด้วย เราคงต้องกู้ไปทำงานไป เราเลยเลือกที่จะไปหางานทำดีก็ว่า ไม่อยากเป็นภาระพ่อแม่แล้ว เรารู้ว่าพวกเขาลำบาก ตอนนี้เราก็มีงานทำแล้ว มีเงินใช้เองไม่ได้ขอเงินที่บ้านเลยตั้งแต่ทำงาน ถ้าเงินไม่พอจริงๆเราค่อยขอ และเราเป็นคนแรกในบรรดาพี่น้องที่ออกมาใช้ชีวิตตัวคนเดียว มีงานทำ ซึ่งเราดีใจนะ มันดีกว่าที่เรากังวลไว้ ไม่ได้แย่กว่าที่คิด และลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวในส่วนของเราไปด้วย เราก็มีให้เงินพ่อกับแม่บ้าง หมุนเงินทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ตอนนี้เราไม่มีหนี้ และภาระอะไร จนกระทั่งวันนึงเราก็มาคิดว่าเราจะทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆหรอ ตื่นมาไปทำงาน กลับห้อง นอน ใช้เวลากับตัวเอง ไม่ออกไปไหน สั่งของมากิน
และตื่นไปทำงาน วนแบบนี้ซ้ำๆ เราคิดว่ามันก็เรื่อยๆ ไม่รีบ ค่อยไป แต่มันดูไร้จุดหมาย ทำให้เราคิดว่า นี้หรอ เราใช้ชีวิตตัวเองมาเพื่อมาทำงาน มีเงินใช้ ดูแลตัวเองได้ แค่นี้เองหรอ เราเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ไม่ดื่ม ใครชวนไปไหนก็ไม่ไป ไม่ชอบที่เยอะๆ อยู่ แต่ห้อง ​ไม่ก็ไปทำงาน จนเรามาคิดได้อีกว่า ถ้าเราออกจากงานละ เราจะหางานอะไรทำ จะมีที่ไหนรับเราไหม จะเข้ากับคนอื่นได้ไหม หรือเราว่างงาน และถ้าเราว่างงาน เราก็คงใช้ชีวิต ไปวันๆในหัองของตัวเองไม่ไปไหน ถ้าถามว่ามีความสุขไหมก็มี ถามว่าเหงาไหม เราไม่เหงาเพราะทั้งชีวิตเราอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิตแล้ว อย่างน้อยถึงพ่อแม่จะไม่ค่อยมีเวลาให้แต่ก็เป็นครอบครัวที่ไม่ได้แย่อะไร และเราก็คิดได้อีกว่าถ้าเรายังไม่อยากเข้าสังคมอยู่แบบนี้ เรากลัวพ่อแม่ลำบากที่ต้องมาดูแลเราอีก ไม่อยากเป็นภาระ เราไม่สามารถที่จะทำได้เลยที่จะเข้าสังคม เราคิดแต่ในใจว่าขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ขอโทษที่เป็นแบบนี้ ถ้าเลือกกลับไปได้ ก็คงเลือกแบบเดิม ตอนนี้เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน มันเป็นเรื่องของอนาคตไม่มีใครรู้ พอถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน พอถึงตอนนั้นอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้  
*เสริม*ปมในใจของเรา    เวลาไปรร.เรารู้สึกเข้ากับใครไม่ค่อยได้ และจมีเพื่อนบางกลุ่มที่ไม่ชอบเรา ชอบว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ บลูลี่เรา ทั้งที่เราไม่เคยทำอะไรให้เลย เราเลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพราะเราขี้เกียจที่จะมามีเรื่องทะเลาะ เราชอบความสงบ เลยเลือกที่จะเงียบๆแทน  จนมันเป็นบาดแผลที่เราจำไม่ลืม เราไม่สามารถที่จะเอาไประบายกับใครได้ ไม่มีใครที่จะมาช่วยเราแก้ปัญหา ซึ่งนั้นก็นับพ่อแม่เราด้วย เราเคยบอกแม่ แต่เขาไม่สนใจ จนมีปัญหาอะไรเราก็ไม่เคยบอกอีกเลย ยิ่งโตก็ยิ่งรู้ ยิ่งสังเกตผู้คน ยิ่งทำให้เรารู้ใจตัวเองว่าที่เราเป็นแบบนี้เพราะอะไร ร้องไห้ เสียใจ เศร้า โกรธเพราะอะไร ทำให้เราเข้าใจคนอื่นๆ เราค่อนข้างจะอ่อนไหวมาก ชอบแอบร้องไห้คนเดียว แน่นอนว่าพ่อแม่เราไม่เคยรู้ความรู้สึกเรา ความเจ็บปวดของเรา และชีวิตของเราว่าเราใช้ชีวิตมายังไง เราอยากจะบอกความในใจกับพวกเขามากๆจนมานั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ ว่าทำไมไม่ดูแลเราให้ดีกว่านี้ ใส่ใจเรากว่านี้ เราเคยคิดสั้น แต่เราก็ไม่กล้าทำ เพราะมันเจ็บ เคยอยากให้เกอดอุบัติเหตุจนเราตายก็มี แต่สุดท้าย เราก็อยู่ถึงทุกวันนี้ เราไม่คิดสั้นแล้ว ถึงใครจะบอกว่าเรื่องแค่นี้เล็กน้อย หรือชีวิตไม่ได้ลำบาก ก็ใช่ แต่มันมันเรื่องราวชีวิตของเรา ชีวิต สภาพแวดล้อมที่เราเติบโตมา มันคือทั้งชีวิตของเราและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา คนอื่นสู้ เราก็สู้ จนบางครั้งมันก็ไม่ไหว คิดแล้วคิดอีก จนทุกวันนี้เราก็ยังเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ

**งดดราม่านะคะ เราแค่อยากมาเล่าเรื่องราวชีวิตของเรา ที่เราอยากเล่าค่ะ ขอบคุณ ทุก คน ที่เข้ามาเห็น มาอ่าน หากแสดงความคิดเห็นอยากให้ใช้วิจารณญาณและคำสุภาพค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่