“ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย : ซากศพที่เดินได้ "
ท่า “ซากศพที่เดินได้” เป็นท่าหนึ่ง “ชุดฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย” ของเอี้ยก้วย ในนิยายอธิบายว่า "ยามเตะออกเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอยคล้ายมีคล้ายไม่มี เลือนรางไม่ชัดเจน ไหนเลยหลบรอดได้"
การโจมตีที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับถูกสะกดด้วยพลังแห่งความตาย ยามเตะออกดูเคลิบเคลิ้ม เลื่อนลอย คล้ายมีคล้ายไม่มี เลือนรางไม่ชัดเจน
ผู้ที่เผชิญหน้ากับท่านี้จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าควรหลบเลี่ยงจากทิศทางใด จึงตกอยู่ในสถานะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตาได้เลย
ท่านี้อาจพิจารณาได้ว่าเป็นรูปแบบของการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะเป็นคลื่น (Wave-like Motion) ร่างของผู้ใช้ท่าเปรียบได้กับฟังก์ชันคลื่น (wave function) ของอนุภาคในโลกควอนตัม ซึ่งมีสภาวะซ้อนทับ (superposition) อยู่หลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ฝ่าเท้าที่เตะออกมาจึงเหมือน “อยู่หลายจุด” พร้อมกัน ผู้รับการโจมตีจึงสับสน ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าแรงกระแทกจะมาในจังหวะใด จุดใด การหลบเลี่ยงจึงไร้ผลโดยสิ้นเชิง
ลักษณะ “เลือนราง ไม่ชัดเจน” ยังอาจสัมพันธ์กับหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก (Heisenberg’s Uncertainty Principle) ที่ว่าเราไม่สามารถทราบตำแหน่งและความเร็วของวัตถุได้พร้อมกันอย่างแม่นยำ หากฝ่าเท้าของผู้ใช้วิชานี้มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่ไร้จุดมุ่งหมายชัดเจน การรับรู้ของฝ่ายตรงข้ามจึงล่าช้า เกิดเป็น “ภาพซ้อน” หรือคลื่นเบลอที่ทำให้การตอบสนองล่าช้าเกินกว่าจะป้องกันได้ทัน
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านี้ยังอาจเปรียบได้กับ “ปรากฏการณ์ควอนตัมทะลุอุปสรรค” (Quantum Tunneling) ที่อนุภาคพลังงานสามารถผ่านกำแพงพลังงานที่ควรจะเป็นอุปสรรคได้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ในแง่ของการต่อสู้ แม้คู่ต่อสู้จะตั้งการ์ดไว้มั่นคง การโจมตีกลับสามารถ "ทะลุผ่าน" จุดป้องกันนั้นไปยังจุดอ่อนโดยตรงได้ราวกับพลังท่าเตะนี้ไม่มีรูปร่างตายตัว จึง “แทรกซึม” ผ่านแนวรับได้อย่างลึกลับ
อีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจคือผลกระทบทางจิตใจจากท่านี้ ที่อาจเกิดจากสภาวะคล้ายการเข้าสู่ฝันรู้ตัว (lucid dream) หรืออาการเคลิบเคลิ้มของสมองเมื่อถูกกระตุ้นด้วยคลื่นหรือแรงสั่นบางอย่าง ผู้เผชิญหน้าอาจไม่ได้เพียงแค่ "เห็นไม่ชัด" ทางสายตา แต่ยัง “รับรู้ช้าลง” ทางประสาทและจิตใจ ทำให้แม้ท่าเตะจะช้าเลื่อนลอย แต่กลับมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเจาะทะลุการป้องกัน
ในเชิงฟิสิกส์คลาสสิก ผสมกลศาสตร์ควอนตัม ท่านี้ยังสื่อถึงแนวคิดของ “โมเมนตัมซ่อนเร้น” (Hidden Momentum) ผู้ใช้ท่าเหมือนศพไร้วิญญาณ
ไร้เรี่ยวแรง ไม่แสดงการสะสมพลังใดๆ แต่แท้จริงแล้ว พลังงานกลับถูกอัดแน่นอยู่ภายในร่างอย่างเงียบงัน และปลดปล่อยออกในพริบตาหนึ่งด้วยจังหวะที่ไร้การคาดเดา โมเมนตัมที่ถูกซ่อนไว้กลับเปลี่ยนเป็นแรงระเบิดภายในที่ส่งผลต่อเป้าหมายได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้แรงภายนอกที่มากล้น
ด้วยเหตุนี้ “ท่าซากศพที่เดินได้” เป็นการผสมผสานระหว่างความไม่แน่นอน ความซ้อนทับของตำแหน่ง และพลังที่อยู่เหนือการรับรู้ของประสาทสัมผัส
มันคือ การเตะด้วยทักษะการใช้ปราณของเอี้ยก้วย ที่รูปแบบการสั่นไหวหรือเคลื่อนตัวก่อกำเนิดจากจิตใจของเอี้ยก้วยที่มีลักษณะซากศพที่เดินได้
ท่านกิมย้ง ยังอธิบายผ่านปากเอี้ยก้วยด้วยว่าท่านี้ หากจิวแป๊ะท้งไม่อาจมีรัก ย่อมไม่มีวันเข้าใจ หรือทำท่านี้ได้สำเร็จนั้นแหละ ทั้งนี้ เนื่องจากชุดฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย เน้นที่ปราณ ไม่ใช่แค่โคจรปราณไปที่เท้า แต่รูปแบบของปราณถูกกำหนดด้วยอารมณ์ของจิต
วิชา "ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย" จากกระบวน "ซากศพที่เดินได้" ไม่ใช่เพียงการโคจรพลังปราณไปยังมือหรือเท้า หากแต่คือการ แปรรูปอารมณ์อาลัยรัก ให้กลายเป็นคลื่นพลังงานที่ไม่อาจจับต้องได้ ท่านกิมย้งแสดงให้เห็นว่า ท่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจิตของผู้ใช้ตกอยู่ในสภาวะคล้าย “ซากศพที่ยังเดินได้”
จึงเข้าใจความว่างเปล่าอย่างแท้จริงในเชิงฟิสิกส์ควอนตัม พลังปราณของท่านี้มีลักษณะคล้าย คลื่นความน่าจะเป็น (wave function) ที่ไม่สามารถคาดเดาตำแหน่งหรือทิศทางแน่นอนได้ คลื่นพลังถูกรบกวนด้วยอารมณ์ ทำให้สั่นไหวอย่างไร้รูปแบบแน่นอน เกิดสภาพ ซ้อนทับหลายความเป็นไปได้ (superposition) และสร้างผลลัพธ์ที่ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจรับมือได้
การเคลื่อนไหวของท่านี้จึง “เลือนลาง คล้ายมีคล้ายไม่มี” เพราะคลื่นพลังแทรกสอดกัน (interference) อย่างสับสน บางจังหวะดูช้าและไร้แรง แต่กลับ ยุบตัวลงเป็นพลังทำลายรุนแรงเฉียบพลัน คล้ายกับการยุบ collapse ของคลื่นควอนตัมเมื่อถูกวัดผล
สรุปแล้ว ท่านี้เป็นการควบคุมพลังโดยใช้อารมณ์เป็นแกนหลัก ปราณที่ปล่อยออกมามิได้เกิดจากความมุ่งร้าย แต่จากความสิ้นหวังลึกสุดใจ จึงยากที่ผู้ใดไร้รักจะเข้าใจ หรือฝึกฝนให้ถึงระดับเดียวกับเอี้ยก้วยได้ ตามหลักพื้นฐานวิชากำลังภายในจีน จิต -- ชี่ -- พลัง (ทางกายภาพ) ท่านกิมย้ง ลงลึกถึงจิตที่มีรูปแบบพิเศษ สามารถสร้างชี่(ปราณ) หรือคลื่นพลังที่มีความถี่แบบพิเศษ ทำให้กระบวนท่าทางกายภาพนั้นมีการเคลื่อนไหวแบบพิเศษ
คล้ายมีคล้ายไม่มี เป็นปรัชญาเซนทางพุทธศาสนา มีความสอดคล้องกับฟิสิคส์ควอนตัม อย่างมาก หรือท่านกิมย้งก็ได้รับทราบเรื่องควอนตัมด้วยนะ ไม่ใช่แค่ปรัชญาทางพุทธ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายการออกแบบวรยุทธ์สุดยอดแบบ ท่าซากศพที่เดินได้ อย่างไร
ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย ซากศพที่เดินได้
ท่า “ซากศพที่เดินได้” เป็นท่าหนึ่ง “ชุดฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย” ของเอี้ยก้วย ในนิยายอธิบายว่า "ยามเตะออกเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอยคล้ายมีคล้ายไม่มี เลือนรางไม่ชัดเจน ไหนเลยหลบรอดได้"
การโจมตีที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับถูกสะกดด้วยพลังแห่งความตาย ยามเตะออกดูเคลิบเคลิ้ม เลื่อนลอย คล้ายมีคล้ายไม่มี เลือนรางไม่ชัดเจน
ผู้ที่เผชิญหน้ากับท่านี้จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าควรหลบเลี่ยงจากทิศทางใด จึงตกอยู่ในสถานะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตาได้เลย
ท่านี้อาจพิจารณาได้ว่าเป็นรูปแบบของการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะเป็นคลื่น (Wave-like Motion) ร่างของผู้ใช้ท่าเปรียบได้กับฟังก์ชันคลื่น (wave function) ของอนุภาคในโลกควอนตัม ซึ่งมีสภาวะซ้อนทับ (superposition) อยู่หลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ฝ่าเท้าที่เตะออกมาจึงเหมือน “อยู่หลายจุด” พร้อมกัน ผู้รับการโจมตีจึงสับสน ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าแรงกระแทกจะมาในจังหวะใด จุดใด การหลบเลี่ยงจึงไร้ผลโดยสิ้นเชิง
ลักษณะ “เลือนราง ไม่ชัดเจน” ยังอาจสัมพันธ์กับหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก (Heisenberg’s Uncertainty Principle) ที่ว่าเราไม่สามารถทราบตำแหน่งและความเร็วของวัตถุได้พร้อมกันอย่างแม่นยำ หากฝ่าเท้าของผู้ใช้วิชานี้มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่ไร้จุดมุ่งหมายชัดเจน การรับรู้ของฝ่ายตรงข้ามจึงล่าช้า เกิดเป็น “ภาพซ้อน” หรือคลื่นเบลอที่ทำให้การตอบสนองล่าช้าเกินกว่าจะป้องกันได้ทัน
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านี้ยังอาจเปรียบได้กับ “ปรากฏการณ์ควอนตัมทะลุอุปสรรค” (Quantum Tunneling) ที่อนุภาคพลังงานสามารถผ่านกำแพงพลังงานที่ควรจะเป็นอุปสรรคได้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ในแง่ของการต่อสู้ แม้คู่ต่อสู้จะตั้งการ์ดไว้มั่นคง การโจมตีกลับสามารถ "ทะลุผ่าน" จุดป้องกันนั้นไปยังจุดอ่อนโดยตรงได้ราวกับพลังท่าเตะนี้ไม่มีรูปร่างตายตัว จึง “แทรกซึม” ผ่านแนวรับได้อย่างลึกลับ
อีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจคือผลกระทบทางจิตใจจากท่านี้ ที่อาจเกิดจากสภาวะคล้ายการเข้าสู่ฝันรู้ตัว (lucid dream) หรืออาการเคลิบเคลิ้มของสมองเมื่อถูกกระตุ้นด้วยคลื่นหรือแรงสั่นบางอย่าง ผู้เผชิญหน้าอาจไม่ได้เพียงแค่ "เห็นไม่ชัด" ทางสายตา แต่ยัง “รับรู้ช้าลง” ทางประสาทและจิตใจ ทำให้แม้ท่าเตะจะช้าเลื่อนลอย แต่กลับมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเจาะทะลุการป้องกัน
ในเชิงฟิสิกส์คลาสสิก ผสมกลศาสตร์ควอนตัม ท่านี้ยังสื่อถึงแนวคิดของ “โมเมนตัมซ่อนเร้น” (Hidden Momentum) ผู้ใช้ท่าเหมือนศพไร้วิญญาณ
ไร้เรี่ยวแรง ไม่แสดงการสะสมพลังใดๆ แต่แท้จริงแล้ว พลังงานกลับถูกอัดแน่นอยู่ภายในร่างอย่างเงียบงัน และปลดปล่อยออกในพริบตาหนึ่งด้วยจังหวะที่ไร้การคาดเดา โมเมนตัมที่ถูกซ่อนไว้กลับเปลี่ยนเป็นแรงระเบิดภายในที่ส่งผลต่อเป้าหมายได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้แรงภายนอกที่มากล้น
ด้วยเหตุนี้ “ท่าซากศพที่เดินได้” เป็นการผสมผสานระหว่างความไม่แน่นอน ความซ้อนทับของตำแหน่ง และพลังที่อยู่เหนือการรับรู้ของประสาทสัมผัส
มันคือ การเตะด้วยทักษะการใช้ปราณของเอี้ยก้วย ที่รูปแบบการสั่นไหวหรือเคลื่อนตัวก่อกำเนิดจากจิตใจของเอี้ยก้วยที่มีลักษณะซากศพที่เดินได้
ท่านกิมย้ง ยังอธิบายผ่านปากเอี้ยก้วยด้วยว่าท่านี้ หากจิวแป๊ะท้งไม่อาจมีรัก ย่อมไม่มีวันเข้าใจ หรือทำท่านี้ได้สำเร็จนั้นแหละ ทั้งนี้ เนื่องจากชุดฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย เน้นที่ปราณ ไม่ใช่แค่โคจรปราณไปที่เท้า แต่รูปแบบของปราณถูกกำหนดด้วยอารมณ์ของจิต
วิชา "ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย" จากกระบวน "ซากศพที่เดินได้" ไม่ใช่เพียงการโคจรพลังปราณไปยังมือหรือเท้า หากแต่คือการ แปรรูปอารมณ์อาลัยรัก ให้กลายเป็นคลื่นพลังงานที่ไม่อาจจับต้องได้ ท่านกิมย้งแสดงให้เห็นว่า ท่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจิตของผู้ใช้ตกอยู่ในสภาวะคล้าย “ซากศพที่ยังเดินได้”
จึงเข้าใจความว่างเปล่าอย่างแท้จริงในเชิงฟิสิกส์ควอนตัม พลังปราณของท่านี้มีลักษณะคล้าย คลื่นความน่าจะเป็น (wave function) ที่ไม่สามารถคาดเดาตำแหน่งหรือทิศทางแน่นอนได้ คลื่นพลังถูกรบกวนด้วยอารมณ์ ทำให้สั่นไหวอย่างไร้รูปแบบแน่นอน เกิดสภาพ ซ้อนทับหลายความเป็นไปได้ (superposition) และสร้างผลลัพธ์ที่ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจรับมือได้
การเคลื่อนไหวของท่านี้จึง “เลือนลาง คล้ายมีคล้ายไม่มี” เพราะคลื่นพลังแทรกสอดกัน (interference) อย่างสับสน บางจังหวะดูช้าและไร้แรง แต่กลับ ยุบตัวลงเป็นพลังทำลายรุนแรงเฉียบพลัน คล้ายกับการยุบ collapse ของคลื่นควอนตัมเมื่อถูกวัดผล
สรุปแล้ว ท่านี้เป็นการควบคุมพลังโดยใช้อารมณ์เป็นแกนหลัก ปราณที่ปล่อยออกมามิได้เกิดจากความมุ่งร้าย แต่จากความสิ้นหวังลึกสุดใจ จึงยากที่ผู้ใดไร้รักจะเข้าใจ หรือฝึกฝนให้ถึงระดับเดียวกับเอี้ยก้วยได้ ตามหลักพื้นฐานวิชากำลังภายในจีน จิต -- ชี่ -- พลัง (ทางกายภาพ) ท่านกิมย้ง ลงลึกถึงจิตที่มีรูปแบบพิเศษ สามารถสร้างชี่(ปราณ) หรือคลื่นพลังที่มีความถี่แบบพิเศษ ทำให้กระบวนท่าทางกายภาพนั้นมีการเคลื่อนไหวแบบพิเศษ
คล้ายมีคล้ายไม่มี เป็นปรัชญาเซนทางพุทธศาสนา มีความสอดคล้องกับฟิสิคส์ควอนตัม อย่างมาก หรือท่านกิมย้งก็ได้รับทราบเรื่องควอนตัมด้วยนะ ไม่ใช่แค่ปรัชญาทางพุทธ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายการออกแบบวรยุทธ์สุดยอดแบบ ท่าซากศพที่เดินได้ อย่างไร