Case ที่หนึ่ง บทสนทนาของเรากับเพื่อนในร้านอาหาร
เพื่อน1 : แกรู้มั้ย มีคนใช้ pay later แอพส้ม กินสุกี้ตี๋น้อยแบบผ่อน
เราเอง : อันนี้รู้ เห็นออกข่าวอยู่
เพื่อน1 : แต่มีคนไม่จ่าย ทีนี้ไปทำเรื่องกู้ซื้อมอไซไม่ผ่าน เพราะติดเครดิตบูโร
เราเอง : ห๊า!
เพื่อน2 : อย่าว่าแต่สุกี้ตี๋น้อย ตามสั่งป้าข้างที่ทำงาน ลูกสาวเค้าไปตั้งให้ผ่อนได้
หลายคนในที่ทำงานไปผ่อนทุกมื้อ มื้อละ 50-60 บาท
เราเอง : ห๊าาาาาาาา!!!!
Case ที่สอง ในกรุ๊ปไลน์หนึ่ง ที่เราสิงแบบเงียบๆ
คนที่หนึ่ง : เดือนนี้วงเงินเต็ม ซื้อที่หนีบผม Dyson ไม่ได้ละ
คนที่สอง : ว่าจะผ่อน ZFlip แต่วงเงินเต็มแล้ว
คนที่สาม : แต่ละคนได้วงเงินเท่าไหร่ เราได้ 30,000
คนที่หนึ่ง : เราได้ 40,000
คนที่สอง : เราได้ 50,000
คนที่สี่โผล่มาเลย : เราได้ 75,000
คนที่ห้า : มีใครวงเงินเหลือบ้าง
พอคนที่ 5 โยนคำถามนี้เข้าไปคือกรุ๊ปแทบแตก
แต่ละคนแคปหน้าจอช็อปก่อนผ่อนทีหลังของตัวเองมารัวๆ
เราส่องแล้วอึ้งมาก แต่ละคนผ่อนของแพง 9-10 อย่างในคราวเดียว
ไม่รวมค่าอาหาร ที่รายการผ่อนก็เยอะเช่นกัน
หลายแอพมีระบบ “ช็อปก่อน จ่ายทีหลัง”
มันคือระบบผ่อนของ ที่ทำให้เรามีเงินจับจ่ายใช้สอยสะดวกสบาย
สมมุติว่าเราอยากได้โน๊ตบุ๊กมาทำงาน แต่เงินไม่พอจ่ายสด
การผ่อนในแอพก็เป็นทางเลือกที่ดี ปลอดภัยด้วย
แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ
1. หลายคนรู้หรือยังว่าทางแอพส่งรายการลูกหนี้เข้าเครดิตบูโร
2. ถ้าเครดิตบูโรมีปัญหาจะทำให้กู้ซื้อรถซื้อบ้านไม่ผ่าน
3. การผ่อนแม้กระทั่งอาหารที่กินทำให้วินัยทางการเงินส่วนบุคคลเสียหายมาก
4. ดอกเบี้ยของการผิดชำระในระบบนี้ค่อนข้างสูง ถ้าจำไม่ผิด 15% แน่ะ
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เราไม่ได้จะโจมตีการช็อปก่อนจ่ายทีหลังนะคะ
เรายังยืนยันว่าถ้าใช้ให้ดี มันมีประโยชน์
ถ้าอยากใช้ให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงติดเครดิตบูโร
1. ผ่อนของราคาสูงทีละ 1 ชิ้น อย่าซื้อพร้อมกันทั้งหมด
2. ไม่มีเงินกินข้าวจริงๆ ค่อยผ่อนค่าอาหาร
มีคนนึงในพันทิปเคยเขียนไว้ เราจำได้จนทุกวันนี้
“ชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างก็ได้”
เราเห็นด้วย และจำมาใช้จนทุกวันนี้ และขอเสริมว่า
“ชีวิตที่ดี อย่าผ่อนของที่อยากได้อยากมีจนจ่ายไม่ได้”
วงการช็อปก่อนจ่ายทีหลังของประเทศไทย จะไปสุดที่ตรงไหนคะคุณพี่!!!
เพื่อน1 : แกรู้มั้ย มีคนใช้ pay later แอพส้ม กินสุกี้ตี๋น้อยแบบผ่อน
เราเอง : อันนี้รู้ เห็นออกข่าวอยู่
เพื่อน1 : แต่มีคนไม่จ่าย ทีนี้ไปทำเรื่องกู้ซื้อมอไซไม่ผ่าน เพราะติดเครดิตบูโร
เราเอง : ห๊า!
เพื่อน2 : อย่าว่าแต่สุกี้ตี๋น้อย ตามสั่งป้าข้างที่ทำงาน ลูกสาวเค้าไปตั้งให้ผ่อนได้
หลายคนในที่ทำงานไปผ่อนทุกมื้อ มื้อละ 50-60 บาท
เราเอง : ห๊าาาาาาาา!!!!
Case ที่สอง ในกรุ๊ปไลน์หนึ่ง ที่เราสิงแบบเงียบๆ
คนที่หนึ่ง : เดือนนี้วงเงินเต็ม ซื้อที่หนีบผม Dyson ไม่ได้ละ
คนที่สอง : ว่าจะผ่อน ZFlip แต่วงเงินเต็มแล้ว
คนที่สาม : แต่ละคนได้วงเงินเท่าไหร่ เราได้ 30,000
คนที่หนึ่ง : เราได้ 40,000
คนที่สอง : เราได้ 50,000
คนที่สี่โผล่มาเลย : เราได้ 75,000
คนที่ห้า : มีใครวงเงินเหลือบ้าง
พอคนที่ 5 โยนคำถามนี้เข้าไปคือกรุ๊ปแทบแตก
แต่ละคนแคปหน้าจอช็อปก่อนผ่อนทีหลังของตัวเองมารัวๆ
เราส่องแล้วอึ้งมาก แต่ละคนผ่อนของแพง 9-10 อย่างในคราวเดียว
ไม่รวมค่าอาหาร ที่รายการผ่อนก็เยอะเช่นกัน
หลายแอพมีระบบ “ช็อปก่อน จ่ายทีหลัง”
มันคือระบบผ่อนของ ที่ทำให้เรามีเงินจับจ่ายใช้สอยสะดวกสบาย
สมมุติว่าเราอยากได้โน๊ตบุ๊กมาทำงาน แต่เงินไม่พอจ่ายสด
การผ่อนในแอพก็เป็นทางเลือกที่ดี ปลอดภัยด้วย
แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ
1. หลายคนรู้หรือยังว่าทางแอพส่งรายการลูกหนี้เข้าเครดิตบูโร
2. ถ้าเครดิตบูโรมีปัญหาจะทำให้กู้ซื้อรถซื้อบ้านไม่ผ่าน
3. การผ่อนแม้กระทั่งอาหารที่กินทำให้วินัยทางการเงินส่วนบุคคลเสียหายมาก
4. ดอกเบี้ยของการผิดชำระในระบบนี้ค่อนข้างสูง ถ้าจำไม่ผิด 15% แน่ะ
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เราไม่ได้จะโจมตีการช็อปก่อนจ่ายทีหลังนะคะ
เรายังยืนยันว่าถ้าใช้ให้ดี มันมีประโยชน์
ถ้าอยากใช้ให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงติดเครดิตบูโร
1. ผ่อนของราคาสูงทีละ 1 ชิ้น อย่าซื้อพร้อมกันทั้งหมด
2. ไม่มีเงินกินข้าวจริงๆ ค่อยผ่อนค่าอาหาร
มีคนนึงในพันทิปเคยเขียนไว้ เราจำได้จนทุกวันนี้
“ชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างก็ได้”
เราเห็นด้วย และจำมาใช้จนทุกวันนี้ และขอเสริมว่า
“ชีวิตที่ดี อย่าผ่อนของที่อยากได้อยากมีจนจ่ายไม่ได้”