คนที่ใช้เวลาใช้ร้านกาแฟ/คาเฟ่ครั้งละหลายๆชั่วโมงหรืออยู่ร้านกาแฟทั้งวัน ส่วนใหญ่อยู่ทำอะไรกันเหรอคะถึงอยู่ได้นานจัง?

ส่วนตัวแล้วอเป็นคนไม่นั่งร้านกาแฟ ไม่นั่งคาเฟ่เลย
เวลาไปซื้อเครื่องดื่ม ได้เครื่องดื่ม ได้ขนมแล้วคือเดินออกเลยทันที

คนรอบๆตัวจขกท. ส่วนใหญ่ชอบไปคาเฟ่ ชอบนั่งตามร้านกาแฟกันมาก

มีทั้งเพื่อนที่ทำงานแบบ wfh ที่ไปนั่งทำงานในร้านกาแฟ ทีละหลายชั่วโมง หรือทั้งวัน

เพื่อนที่ไปใช้วันหยุดพักผ่อน ดื่มกาแฟ กินขนมในคาเฟ่ ทีละหลายชั่วโมง

ส่วนตัวที่เคยเห็น ก็มีคนมาติวหนังสือกันในร้านกาแฟ เอาแล็ปท็อปมานั่งทำงาน
คนที่มานั่งอ่านหนังสือ...

แล้วคุณล่ะคะ เป็นคนนึงที่ชอบนั่งคาเฟ่ ชอบนั่งพวกร้านกาแฟบ้างไหม เป็นคนนึงที่ชอบใช้เวลาในคาเฟ่/ร้านกาแฟนานๆ หรือเปล่าคะ
ถ้าใช่ คุณใช้เวลาในร้านกาแฟนานๆ เพื่อทำอะไรกันบ้างคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 58
คนที่ใช้เวลานานๆ ในร้านกาแฟหรือคาเฟ่ ส่วนใหญ่จะทำกิจกรรมคล้ายๆ กับที่เจ้าของกระทู้เห็นมาเลย คือมีหลายกลุ่มและหลายจุดประสงค์ เช่น
* ทำงานหรือเรียน: หลายคนเลือกที่จะทำงานแบบ Work From Cafe (WFC) หรือนักเรียนนักศึกษาที่มาอ่านหนังสือและติวสอบ เพราะบรรยากาศในร้านช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น ได้เปลี่ยนที่จากบรรยากาศเดิมๆ ในบ้านหรือที่ทำงาน และบางคนอาจจะรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ และเสียงเพลงคลอๆ ซึ่งแตกต่างจากความเงียบสงบที่บ้าน
* พักผ่อน: การไปนั่งคาเฟ่เป็นเหมือนการให้รางวัลตัวเอง ได้จิบกาแฟ กินขนมอร่อยๆ พร้อมกับใช้เวลาส่วนตัว ไม่ว่าจะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ นั่งฟังเพลง ดูซีรีส์ หรือเล่นโซเชียลมีเดีย เป็นการหลีกหนีความวุ่นวายจากภายนอก
* สังสรรค์: บางกลุ่มมาเพื่อพูดคุยกับเพื่อนๆ หรือนัดเจรจาธุรกิจ เป็นสถานที่ที่เป็นกันเองและผ่อนคลายกว่าการนัดเจอในสถานที่ที่เป็นทางการ
หลายคนมองว่าร้านกาแฟเป็นมากกว่าแค่ที่ซื้อเครื่องดื่ม แต่เป็นพื้นที่ที่ผสมผสานระหว่างการทำงาน การพักผ่อน และการเข้าสังคมได้อย่างลงตัว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
สรุปเนื้อหากาาตั้งกระทู้แบบ โดยขออนุญาตตีความ “ระหว่างบรรทัด” อย่างมีเหตุผล รอบคอบ โดยยังยึดหลักความเป็นกลาง

🧨 1. การตั้งคำถามที่ดูเหมือนเปิด แต่ซ่อนความเสียดสี / จิกกัดเบา ๆ

ตัวอย่างเช่น:
    •    “คิดว่าเพราะอะไรคนที่รวยปุ๊บปั๊บ ได้มรดก ถูกล็อตเตอรี่หลายสิบล้าน ถึงมักไม่สามารถรักษาเงินหรือความมั่นคงไว้”
→ ความนัยลึก: อาจมองว่าคนที่รวยจากโชค ไม่มีวินัย ไร้คุณค่า หรือสมควรเจ๊ง
→ น้ำเสียงแฝงความหมั่นไส้ หรือส่อให้เห็นว่าผู้ตั้ง “สะใจ” ที่เห็นคนล้มเหลวทั้งที่มีโอกาส



💢 2. การถามในเชิง “ฉันไม่เข้าใจ” ที่อาจหมายถึง “ฉันไม่เห็นด้วย”

ตัวอย่างเช่น:
    •    “คนที่ใช้เวลาอยู่ร้านกาแฟทั้งวัน ส่วนใหญ่ทำอะไรกันเหรอคะถึงอยู่ได้”
→ ฟังดูเหมือนถามด้วยความสงสัย แต่มีน้ำเสียงเหมือน “ตั้งข้อหา” กลาย ๆ ว่าคนเหล่านั้นอู้ หรือไร้สาระ
→ แฝง judgment ทางอ้อมโดยใช้คำถามบังหน้า



👀 3. ใช้พฤติกรรมของผู้อื่นเป็นกระจกสะท้อนเพื่อดึงความเด่นให้ตนเอง
    •    เช่น การถามว่า
“คนที่อยู่หน้าจอทั้งวัน สายตาเป็นยังไงกันแน่” หรือ
“คนที่เกษียณแล้วไปทำเกษตร ใช้ชีวิตพอเพียงจริงไหม”
→ ฟังดูเรียบง่าย แต่อาจแฝงความ ดูแคลนวิธีคิด/การใช้ชีวิตของคนบางกลุ่ม
→ เสมือนตั้งคำถามเพื่อสร้าง “ความเหนือกว่า” ทางทัศนคติ



💬 4. สไตล์คำถามเน้นสะกิดปมอ่อนไหวของคนในยุคนี้
    •    เช่น
    •    “ทำไมบริษัทรับคนลาออกกลับเข้ามาไม่ได้”
    •    “อาชีพไหนไม่โดน AI แทนได้”
    •    “เด็กไม่ออมเงินแล้วใช้อะไรกัน”
→ ส่อความ ประชดประชันอ้อม ๆ ใส่คนรุ่นใหม่ / คนทำงาน / พฤติกรรมร่วมสมัย
→ เสมือนเอาประเด็นกว้าง ๆ มาโยนถามแบบ กึ่งตัดสินล่วงหน้า



🧱 5. ใช้คำถามปกติเป็นเกราะ เพื่อปล่อยความเชื่อบางอย่างออกมาแบบไม่พูดตรง
    •    เหมือนเอาคำถามเป็น ผ้าคลุม ความคิดตน เช่น:
“บัตรเครดิตหลายใบ ใช้กันหมดจริงไหม?”
→ เหมือนถามเชิงบริหารการเงิน แต่ในอีกแง่คือ “ส่อดูถูก” พฤติกรรมบริโภคนิยม
“เวลาเข้าร้านไข่เจียวทรงเครื่อง ใส่อะไรกันบ้าง?”
→ ฟังดูไร้พิษภัย แต่หากดูรวมกับกระทู้อื่น อาจตีได้ว่าเจ้าของกระทู้ มีนิสัยจู้จี้/เปรียบเทียบคนอื่นตลอดเวลา



🔍 สรุปแบบเผื่อใจ

หากมองในแง่ที่ว่าผู้ตั้งอาจไม่ได้เพียงแค่ใคร่รู้ แต่อาจมี อคติบางประการแฝงอยู่กับคำถาม แล้วใช้การตั้งกระทู้เป็น “ทางปลอดภัย” ในการ ประชด, เสียดสี, หรือสื่อความไม่พอใจ ต่อพฤติกรรมของผู้อื่น โดยไม่พูดตรง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่