เรื่อง: ค้นหาความหมาย
ก่อนตะวันลับฟ้า
เมื่ออดีตนานมาแล้ว
มีชายคนหนึ่งอาศัยอยู่อยู่คนเดียวย่านชาญเมืองเล็กๆ
ชายคนนี้นั้นมีชื่อว่า
คุณลุงดูม ดูมได้ทำงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านที่เขาอาศัยนัก
ดูมอยู่กับสุนัขที่เขาเก็บมาเลี้ยงตัวหนึ่งชื่อบ็อบบี้ ในทุกๆวันดูมตั้งใจออกไปทำงานเขาออกไปทำงานแต่เช้าทุกวันเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
คุณลุงดูมเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคนเพราะคุณลุงนั้นนิสัยดีไม่ว่าในทุกๆวันเขาจะเจอลูกค้าหรือเจอเรื่องที่แย่แค่ไหนคุณลุงดูมนั้นก็ไม่เคยยอมแพ้และคอยส่งยิ้มให้กำลังใจให้กับเพื่อนร่วมงานทุกคนเสมอ ขณะกลับมาจากทำงานของเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ดูมกำลังเล่นกันเจ้าบ็อบบี้เขาก็เกิดปวดท้องอย่างรุนแรง หลังจากที่ไปหาหมอ หมอได้วินิจฉัยว่า
คุณลุงดูมนั้นเป็นมะเร็งหากไม่รักษาคงมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ในคืนนั้นเองดูมก็ได้นอนคิดอยู่นานว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป เขาคิดไปถึงวัยเด็กของเขา ในวันที่พ่อแม่ของเขายังอยู่ในบ้านหลังนี้ มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจก่อนพวกท่านจะจากไปเหลือเพียงเขาคนเดียว
แม้แต่ชีวิตความรักเขาก็ไม่เคยสมหวังจึงต้องอยู่คนเดียวเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
ดูมจึงตั้งคำถามว่า
แล้วอะไรล่ะคือความหมายของชีวิต คนเราเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่
หลังจากที่ดูมได้คิดอะไรไปเรื่อยเขาก็ได้หลับลง ในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาเดินดูรอบๆบ้านของเขาแล้วหวนคิดถึงวันเก่าๆ วันที่เขาเคยเป็นเพียงแค่เด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่งที่เคยมีความสุขมากๆ ก่อนที่ดูมจะตัดสินใจบอกลาบ้านหลังนี้ ในอีกไม่กี่วันบ้านหลังนั้นได้ถูกขายไป
ดูมได้ลาออกจากงานโดยให้เหตุผลว่าป่วย และได้นำเงินที่ได้มาจากการขายบ้านไปใช้หนี้ที่มีอยู่จนหมด และดูมเหลือเงินอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เขาตัดสินใจจะออกเดินทางไปเรื่อยๆกับบ็อบบี้จนกว่าเขาจะสิ้นลมลงไป
ดูมได้นำเงินที่เหลืออยู่ใช้เป็นค่าน้ำมันค่าเดินทางออกไปตามหาความหมายชีวิตกับสุนัขคู่ใจของเขาทั้งคู่ได้เดินทางไปพบเจอผู้คนมากมายได้ไปเห็นสถานที่สวยงามหลายแห่งได้ชิมอาหารอร่อยที่อยากทานโดนการโดยสารไปกับรถเก่าๆคันหนึ่งของคุณลุงดูม โดยสิ่งที่ทั้งคู่ไปเห็นนั้นเป็นความสวยงามของธรรมชาติอย่างที่ทั้งชีวิตนี้ของคุณลุงดูมและเจ้าบ็อบบี้ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งคู่ออกเดินทางเป็นระยะเวลาหลายเดือนจนมาถึงทะเลแห่งหนึ่งในช่วงไกล้พลบค่ำ
ดูมนั่งมองออกไปยังทะเลและก็ได้ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
:บางครั้งชีวิตคนเราก็อาจต้องการแค่ได้ทำสิ่งที่เราอยากทำกินสิ่งที่เราอยากกินและได้ทำสิ่งที่เรารัก แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วที่จะเรียกว่าชีวิต
หลังจากงั้นคุณลุงดูมก็ได้กลับมายังเมืองบ้านเกิดของเขา ดูมตัดสินใจเช่าห้องเช่าเล็กๆอยู่กับบ็อบบี้เพียง2คน
คุณลุงดูมตัดสินใจกลับไปสมัครงานในที่ทำงานเดิมและคุณลุงดูมก็ได้ใช้ชีวิตแบบนึ้ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ในคืนสุดท้ายนั้นก่อนที่ดูมจะหมดลมหายใจดูมนั้นได้คิดไปถึงวันเก่าๆของเขาที่เคยสวยงามนึกถึงสุนัขและเพื่อนร่วมงานที่ใจดี
พ่อครับ แม่ครับ ลูกชายคนนี้อาจไม่ได้ทำให้พ่อแม่ภูมิใจแต่ผมรักพ่อกับแม่นะครับ บ็อบบี้ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ
ฉันหวังว่าเจ้าของใหม่เขาจะรักแกเหมือนกับฉันนะ
ลาก่อน
หลังจากพิธีศพ
ของคุณลุงดูมจบลงบ็อบบี้ก็ได้ตรอมใจและสิ้นใจตามเจ้าของไปในที่สุด เขาเล่ากันว่าดวงวิญญาณของทั้ง2คงเล่นสนุกกันอยู่บ่นสวรรค์
เป็นแน่
จบแล้ว~.
ไม่ว่าสิ่งนี้ผู้คนจะเรียกมันว่านิทานหรือนิยาย แต่ผมในนามผู้เขียนตั้งใจ อยากจะบอกกับคุณผู้อ่านว่า: บางครั้งสิ่งที่คุณพบเจอในชีวิตนั้นมันอาจจะเหนื่อยและทำให้เราทุกข์ใจรู้สึกไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเมื่อไรที่ชีวิตเหมือนจะไร้ความหมายก็ลองออกตามหาความหมายของชีวิตดูซักครั้ง
เผื่อว่าซักวันมันจะช่วยคุณได้
ด้วยความปราถนาดีจากผมผู้เขียน.
นามปากกา: ป.ปลัด
นิยายสั้น
ก่อนตะวันลับฟ้า
เมื่ออดีตนานมาแล้ว
มีชายคนหนึ่งอาศัยอยู่อยู่คนเดียวย่านชาญเมืองเล็กๆ
ชายคนนี้นั้นมีชื่อว่า
คุณลุงดูม ดูมได้ทำงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านที่เขาอาศัยนัก
ดูมอยู่กับสุนัขที่เขาเก็บมาเลี้ยงตัวหนึ่งชื่อบ็อบบี้ ในทุกๆวันดูมตั้งใจออกไปทำงานเขาออกไปทำงานแต่เช้าทุกวันเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
คุณลุงดูมเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคนเพราะคุณลุงนั้นนิสัยดีไม่ว่าในทุกๆวันเขาจะเจอลูกค้าหรือเจอเรื่องที่แย่แค่ไหนคุณลุงดูมนั้นก็ไม่เคยยอมแพ้และคอยส่งยิ้มให้กำลังใจให้กับเพื่อนร่วมงานทุกคนเสมอ ขณะกลับมาจากทำงานของเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ดูมกำลังเล่นกันเจ้าบ็อบบี้เขาก็เกิดปวดท้องอย่างรุนแรง หลังจากที่ไปหาหมอ หมอได้วินิจฉัยว่า
คุณลุงดูมนั้นเป็นมะเร็งหากไม่รักษาคงมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ในคืนนั้นเองดูมก็ได้นอนคิดอยู่นานว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป เขาคิดไปถึงวัยเด็กของเขา ในวันที่พ่อแม่ของเขายังอยู่ในบ้านหลังนี้ มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจก่อนพวกท่านจะจากไปเหลือเพียงเขาคนเดียว
แม้แต่ชีวิตความรักเขาก็ไม่เคยสมหวังจึงต้องอยู่คนเดียวเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
ดูมจึงตั้งคำถามว่า
แล้วอะไรล่ะคือความหมายของชีวิต คนเราเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่
หลังจากที่ดูมได้คิดอะไรไปเรื่อยเขาก็ได้หลับลง ในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาเดินดูรอบๆบ้านของเขาแล้วหวนคิดถึงวันเก่าๆ วันที่เขาเคยเป็นเพียงแค่เด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่งที่เคยมีความสุขมากๆ ก่อนที่ดูมจะตัดสินใจบอกลาบ้านหลังนี้ ในอีกไม่กี่วันบ้านหลังนั้นได้ถูกขายไป
ดูมได้ลาออกจากงานโดยให้เหตุผลว่าป่วย และได้นำเงินที่ได้มาจากการขายบ้านไปใช้หนี้ที่มีอยู่จนหมด และดูมเหลือเงินอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เขาตัดสินใจจะออกเดินทางไปเรื่อยๆกับบ็อบบี้จนกว่าเขาจะสิ้นลมลงไป
ดูมได้นำเงินที่เหลืออยู่ใช้เป็นค่าน้ำมันค่าเดินทางออกไปตามหาความหมายชีวิตกับสุนัขคู่ใจของเขาทั้งคู่ได้เดินทางไปพบเจอผู้คนมากมายได้ไปเห็นสถานที่สวยงามหลายแห่งได้ชิมอาหารอร่อยที่อยากทานโดนการโดยสารไปกับรถเก่าๆคันหนึ่งของคุณลุงดูม โดยสิ่งที่ทั้งคู่ไปเห็นนั้นเป็นความสวยงามของธรรมชาติอย่างที่ทั้งชีวิตนี้ของคุณลุงดูมและเจ้าบ็อบบี้ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งคู่ออกเดินทางเป็นระยะเวลาหลายเดือนจนมาถึงทะเลแห่งหนึ่งในช่วงไกล้พลบค่ำ
ดูมนั่งมองออกไปยังทะเลและก็ได้ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
:บางครั้งชีวิตคนเราก็อาจต้องการแค่ได้ทำสิ่งที่เราอยากทำกินสิ่งที่เราอยากกินและได้ทำสิ่งที่เรารัก แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วที่จะเรียกว่าชีวิต
หลังจากงั้นคุณลุงดูมก็ได้กลับมายังเมืองบ้านเกิดของเขา ดูมตัดสินใจเช่าห้องเช่าเล็กๆอยู่กับบ็อบบี้เพียง2คน
คุณลุงดูมตัดสินใจกลับไปสมัครงานในที่ทำงานเดิมและคุณลุงดูมก็ได้ใช้ชีวิตแบบนึ้ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ในคืนสุดท้ายนั้นก่อนที่ดูมจะหมดลมหายใจดูมนั้นได้คิดไปถึงวันเก่าๆของเขาที่เคยสวยงามนึกถึงสุนัขและเพื่อนร่วมงานที่ใจดี
พ่อครับ แม่ครับ ลูกชายคนนี้อาจไม่ได้ทำให้พ่อแม่ภูมิใจแต่ผมรักพ่อกับแม่นะครับ บ็อบบี้ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ
ฉันหวังว่าเจ้าของใหม่เขาจะรักแกเหมือนกับฉันนะ
ลาก่อน
หลังจากพิธีศพ
ของคุณลุงดูมจบลงบ็อบบี้ก็ได้ตรอมใจและสิ้นใจตามเจ้าของไปในที่สุด เขาเล่ากันว่าดวงวิญญาณของทั้ง2คงเล่นสนุกกันอยู่บ่นสวรรค์
เป็นแน่
จบแล้ว~.
ไม่ว่าสิ่งนี้ผู้คนจะเรียกมันว่านิทานหรือนิยาย แต่ผมในนามผู้เขียนตั้งใจ อยากจะบอกกับคุณผู้อ่านว่า: บางครั้งสิ่งที่คุณพบเจอในชีวิตนั้นมันอาจจะเหนื่อยและทำให้เราทุกข์ใจรู้สึกไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเมื่อไรที่ชีวิตเหมือนจะไร้ความหมายก็ลองออกตามหาความหมายของชีวิตดูซักครั้ง
เผื่อว่าซักวันมันจะช่วยคุณได้
ด้วยความปราถนาดีจากผมผู้เขียน.
นามปากกา: ป.ปลัด