เปิดภาพที่มาของกลิ่นเหม็นคละคลุ้งบริเวณแนวชายแดน
.
.
เพจ Army Military Force เผยหลักฐาน ที่มาของกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทั่วบริเวณแนวชายแดน ฝั่งกัมพูชาควรเร่งตรวจสอบ เพื่อดำเนิการตามหลักมนุษยธรรม
.
วันนี้ ( 3 ส.ค.68 ) เพจ Army Military Force ได้โพสต์คลิปน่าสลด หดหู่ใจ ที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปโดยรอบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งคลิปดังกล่าว มีลักษณะของชุดเครื่องแบบทหารของกัมพูชา อาจภาพดังกล่าวน่าจะเป็นที่มาของรายงานข่าวที่ระบุว่า มีฝูงแร้ง และแมลงวัน บินตอมไปโดยรอบบริเวณ
.
ทั้งนี้ทางฝ่ายกัมพูชา ควรเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้ทราบความจริงที่กำลังเกิดขึ้นตามแนวชายแดนที่เกิดการปะทะ เพื่อเร่งดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ในประเทศของตัวเอง
.
ขณะเดียวกัน เพจ Army Military Force ยังโพสต์อีกว่า ได้รับประสานจากทหารชายแดน ว่าตอนนี้ต้องการหน้ากากอนามัยจำนวนมาก หลังมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ
.
https://www.facebook.com/armymilitaryforcenews/videos/652548417849765/
.
.
ไพศาล เตือนแรง! ศึกใหม่เขมรอาจใหญ่กว่าเดิม ไทยต้องพร้อมรับมือทุกด้าน
.
"ไพศาล" เตือนทหารไทย เตรียมรับศึกเขมรครั้งใหม่ ที่อาจใหญ่และรุนแรงกว่าเดิม หลังไทยยึดคืนพื้นที่สำคัญ
.
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า
.
หลังจากกัมพูชาเปิดฉากปะทะกับไทย และประสบความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากไม่คาดคิดว่า กองทัพไทย จะตอบโต้ด้วยความเฉียบขาด เพราะมีความเชื่อเดิมว่า ฝ่ายการเมืองไทย จะห้ามกองทัพไม่ให้โต้กลับ ส่งผลให้กองทัพไทย สามารถยึดคืนพื้นที่ 10 แห่งได้สำเร็จ สามารถทำลายกองบัญชาการกองพลน้อยได้ 2 กองพล ทำลายกองพันรบได้ 2 กองพันในช่วง 2 วันแรกของสงคราม กลายเป็นความสูญเสียและความอัปยศอย่างยิ่งใหญ่ที่ฝ่ายเขมร
.
นายไพศาล บอกอีกว่า จากเหตุการณ์นี้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ฝ่ายเขมรต้องการจะเอาคืน ซึ่งขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ของฝ่ายเขมรเข้ามาใกล้พื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งโดรนและหน่วยลาดตระเวนเข้ามาสอดส่องความเคลื่อนไหวของทหารไทยอย่างถี่ถ้วน ซึ่งในบริบททางทหาร การเตรียมกำลัง การเคลื่อนกำลัง การวางกำลัง และการลาดตระเวนเพื่อตรวจหาเป้าหมาย ล้วนเป็นสัญญาณชัดเจนว่า "สงครามอาจใกล้ปะทุ"
.
ดังนั้น ขอเตือนพี่น้องทหารไทยทุกนาย—อย่าประมาท ในการรับมือกับภัยคุกคาม ไม่จำเป็นต้องรอให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดฉากยิงก่อน หากมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายคุกคาม และเป็นอันตรายชัดเจน กำลังพลทหารไทย มีสิทธิ์ใช้มาตรการตอบโต้เพื่อป้องกันตัวได้ทันที เพราะหลักพื้นฐานของสงคราม คือ “ปกป้องตนเองก่อน – ทำลายข้าศึกเพื่อรักษาชีวิต”
.
นายไพศาล กล่าวทิ้งท้ายว่า การเปิดฉากโจมตีเพื่อป้องกันตัว ไม่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ หากเป็นการป้องกันที่ชอบธรรม ทุกชีวิตมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง ขอให้พี่น้องทหารหาญทุกนายเตรียมพร้อมเสมอ
.
สอดคล้องกับความเห็นของนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเช่นกันว่า "ด้วยการเพิ่มกำลังของเขมร การปะทะไทย-กัมพูชา อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"
.
.
.
ปชน.จัดเวที Hack งบกรุงเทพ ดึงประชาชนร่วมตรวจงบกทม. ปี 69 แนะแนวจับผิด งบไร้ประสิทธิภาพ-ส่อทุจริต
.
ปชน.จัดเวที Hack งบกรุงเทพ ดึงประชาชนร่วมตรวจงบกทม. ปี 69 แนะแนวจับผิด งบไร้ประสิทธิภาพ-ส่อทุจริต
.
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่อาคารรัฐสภา พรรคประชาชนจัดกิจกรรม “Hack งบกรุงเทพ” เพื่อเปิดรายละเอียดงบประมาณกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประจำปี 2569 พร้อมกับเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้ามาร่วมกันอ่านและตรวจสอบเอกสารงบประมาณ กทม. และสะท้อนความเห็นต่อการใช้งบประมาณทั้งในระดับพื้นที่และงบของสำนักต่างๆ โดยมีทั้ง สส. กรุงเทพฯ และ ส.ก. พรรคประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมและนำเสนอข้อมูลงบประมาณ กทม. ที่น่าสนใจหลายรายการ
กิจกรรมในวันนี้เริ่มต้นด้วยการบรรยายภาพรวมงบประมาณ กทม. ปี 2569 โดย นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุว่า ปัจจุบันรายรับภาครัฐรวมกันอยู่ที่ปีละราว 4.2 ล้านล้านบาท เป็นรายได้ที่เก็บโดยท้องถิ่น 2% ก้อนใหญ่คือภาษีที่เก็บโดยรัฐบาลส่วนกลาง 98% แต่ที่สำคัญกว่าคือรายจ่าย 4.2 ล้านล้านบาท ท้องถิ่นเป็นคนตัดสินใจใช้จ่ายเพียง 20% รัฐบาลส่วนกลางตันสินใจ 80% กล่าวคือ รัฐบาลส่วนกลางคิดแทนคนทุกจังหวัดว่าแต่ละจังหวัดต้องการอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่สะท้อนปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ที่ทำให้ปัญหาใกล้บ้านประชาชนยังไม่ได้รับการแก้ไขหรือไม่ได้รับการพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น
นายวรภพกล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณท้องถิ่น หนึ่งในนั้นคืองบประมาณของ กทม. ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ คืองบประมาณจากข้อบัญญัติงบประมาณ กทม. 92,000 ล้านบาท และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่ผ่านโดยสภาผู้แทนราษฎร 29,000 ล้านบาท โดย กทม. มีรายได้ที่จัดเก็บได้เองราว 20% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ส่วนที่ใหญ่กว่าถึง 3 ใน 4 มาจากภาษีที่รัฐบาลกลางจัดเก็บให้ โดยส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ขณะที่รายจ่ายของ กทม. 92,000 ล้านบาท ก้อนใหญ่ที่สุดคือระดับสำนักที่ดูแลภาพรวมทั้ง กทม. ราว 49,000 ล้านบาท อยู่ในระดับเขต 23,000 ล้านบาท และยังมีงบกลาง กทม. ราว 17,000 ล้านบาท
.
นายวรภพกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของงบกลาง กทม. 17,000 ล้านบาท มีส่วนที่ กทม. มีอิสระในการใช้จ่ายจริงๆ อยู่แค่ 5% หรือราว 930 ล้านบาท ที่เหลือเป็นส่วนที่รัฐบาลฝากให้ กทม. จ่ายเงินบำเหน็จ/บำนาญ เงินช่วยเหลือลูกจ้าง และเงินที่เตรียมไว้สำหรับการทำตามนโยบายของรัฐบาลอีก 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ ส.ก. พรรคประชาชนได้พยายามผลักดันให้การใช้งบกลางต้องรายงานให้สภา กทม. รับทราบด้วย จากเดิมที่เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จของผู้ว่าราชการ กทม.
.
ขณะที่งบประมาณในระดับสำนัก 49,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบบุคลากร 18,000 ล้านบาท เป็นงบด้านการพัฒนาเมือง 14,000 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นเรื่องถนนและจราจร) เป็นงบทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 10,000 ล้านบาท (ใช้ในการระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วม จัดการขยะ) งบด้านสาธารณสุข 2,800 ล้านบาท งบการศึกษา 700 ล้านบาท และงบด้านสาธารณภัย 544 ล้านบาท ส่วนงบประมาณระดับเขต 23,000 ล้านบาท ก้อนใหญ่ที่สุดเป็นด้านบุคลากร 9,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเรื่องของการซ่อมแซมและอุดหนุนโรงเรียน
.
นายวรภพกล่าวต่อไปว่า การจัดงบประมาณของ กทม. ควรให้ความสำคัญกับอะไร เป็นคำถามที่ควรถกเถียงกันได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พรรคประชาชนจัดกิจกรรมวันนี้ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนมาร่วมกันสะท้อนความเห็นที่มีต่อการจัดสรรงบประมาณของ กทม. ในปีนี้
.
ด้านน.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคประชาชน ได้กล่าวถึงบทบาทของ ส.ก. ในการจัดทำงบประมาณ โดยระบุว่า หน้าที่หลักของ ส.ก. คือการตรวจสอบงบประมาณและการทำงานของฝ่ายบริหาร คือฝั่งผู้ว่าราชการ กทม. โดยเมื่อฝ่ายบริหารเสนอร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเข้ามา ส.ก. จะต้องนำไปศึกษา หาโครงการที่มีความผิดปกติหรือไม่เหมาะสมมาอภิปรายในวาระหนึ่ง แล้วลงมติรับหรือไม่รับร่างข้อบัญญัติงบประมาณ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (4 สิงหาคม 2568) จากนั้น ส.ก. จะเข้าไปตรวจสอบต่อในชั้นกรรมการและอนุกรรมการวิสามัญ ซึ่ง ส.ก. พรรคประชาชนจะนำข้อมูลที่ทุกคนช่วยกันแงะงบประมาณในวันนี้ไปสะท้อนต่อในห้องอนุกรรมการงบประมาณ จากนั้นจะนำไปสู่การอภิปรายในวาระที่ 2 และ 3 ก่อนจะมีการลงมติแล้วออกมาเป็นงบประมาณที่ใช้จริง
.
น.ศ.ภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 4 (คลองเตย วัฒนา) พรรคประชาชน ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเกณฑ์ที่ควรใช้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบงบประมาณ โดยระบุว่า ประการแรกที่ต้องพิจารณาคือภารกิจของหน่วยงานคืออะไร ทำตรงเรื่องของตัวเองหรือไม่ เพราะมีหน่วยงานราชการในไทยที่ทำไม่ตรงกับภารกิจหลักของตนเองเยอะมาก คำถามต่อมาคือใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินใจ มีการเทียบราคา พิจารณาถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นหรือไม่
.
“คนที่ชงงบประมาณขึ้นมาไม่ใช่เงินของเขา ความรอบคอบจึงไม่มีทางเหมือนประชาชน เราต้องสวมหมวกว่าเราเป็นคนจ่ายภาษี คนทำงบประมาณมาไม่มีทางรอบคอบเหมือนเจ้าของเงิน ขอให้เข้าไปตรวจสอบ ตั้งคำถามทุกบรรทัดของงบประมาณว่าใช้เงินไปแล้วจะได้อะไร ที่สำคัญคือใช้เกณฑ์อะไรในการประเมินผลสัมฤทธิ์เหล่านั้น เช่น จะติดโซลาร์เซลล์ ต้องตั้งคำถามว่าจะประหยัดค่าไฟได้เท่าไร เอาหลักคิดของคนธรรมดามาใช้กับสิ่งที่จะใช้เงิน ก็จะเป็นเรื่องไม่ยากจนเกินไปในการวิเคราะห์งบประมาณ” ภัณฑิลกล่าว
.
น.ส.ภัณฑิลกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์อื่นๆ ที่จะใช้พิจารณาได้ เช่น เรื่องนี้จำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ ราคาและจำนวนสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ทำได้จริงหรือไม่ เป็นการก่องบประมาณผูกพันและใช้เวลานานหรือไม่ มีความสามารถในการเบิกจ่ายหรือไม่ ตัวคูณคิดมาอย่างไร เทียบกับหน่วยงานอื่นแล้วตรงกับค่าเฉลี่ยหรือไม่ เป็นต้น
.
นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 9 (หลักสี่ จตุจักร บางเขน) พรรคประชาชน ได้ร่วมนำเสนอตัวอย่างโครงการที่ส่อจะนำไปสู่การทุจริต พร้อมแลกเปลี่ยนวิธีการตรวจสอบพิจารณางบประมาณ โดยระบุว่า โครงการที่มีโอกาสเสี่ยงจะนำไปสู่การทุจริตมักจะเป็นไปตามทฤษฎี “สามล็อก” หนึ่งคือ “ล็อกราคา” ให้สูงขึ้นมาจนได้ราคาพรีเมียม สองคือ “ล็อกสเปก” กำหนดสเปกไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแข่งได้ และสามคือ “ล็อกคุณสมบัติหรือผลงาน” เพราะถ้าไม่ล็อกใครจะเข้ามาแข่งก็ได้ ก็จะไม่ได้ตามที่ผู้ประสงค์ทุจริตต้องการ
.
โดยการล็อกราคาหรือกลไกการปั้นราคานั้นมักมีวิธีการที่ใช้กันประจำคือ การหาส่วนต่างในตารางราคาค่าวัสดุและราคาต่อหน่วยหรือปริมาณ มักใช้ในโครงการประเภทกลุ่มก่อสร้าง แต่ไม่นิยมใช้ในโครงการครุภัณฑ์ที่นับจำนวนวัสดุได้ง่ายกว่า โดยการล็อกราคาในโครงการกลุ่มก่อสร้างมันถูกซ่อนในปริมาณ เช่น ปูพื้นจริงแค่ 400 ตร.ม. แต่ของบประมาณในการปูจริง 1,000 ตร.ม. ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบที่หน้างานจริงอย่างละเอียดก็มักจะจับได้ยาก
JJNY : 5in1 ที่มาของกลิ่นเหม็น│ไพศาลเตือนแรง!│ปชน.จัดเวที Hack งบกท.│'ไอซ์'เดือดลบรูปไม่ลบโพสต์│จีน-รัสเซียจัดซ้อมรบร่วม
.
วันนี้ ( 3 ส.ค.68 ) เพจ Army Military Force ได้โพสต์คลิปน่าสลด หดหู่ใจ ที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปโดยรอบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งคลิปดังกล่าว มีลักษณะของชุดเครื่องแบบทหารของกัมพูชา อาจภาพดังกล่าวน่าจะเป็นที่มาของรายงานข่าวที่ระบุว่า มีฝูงแร้ง และแมลงวัน บินตอมไปโดยรอบบริเวณ
.
ทั้งนี้ทางฝ่ายกัมพูชา ควรเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้ทราบความจริงที่กำลังเกิดขึ้นตามแนวชายแดนที่เกิดการปะทะ เพื่อเร่งดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ในประเทศของตัวเอง
.
ขณะเดียวกัน เพจ Army Military Force ยังโพสต์อีกว่า ได้รับประสานจากทหารชายแดน ว่าตอนนี้ต้องการหน้ากากอนามัยจำนวนมาก หลังมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ