
เตอร์": สหรัฐฯ ขายให้ใคร? และราคาเท่าไหร่?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) คือชื่อเรียกโดยทั่วไปของระเบิดทางอากาศที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเจาะทะลวงและทำลายเป้าหมายใต้ดินที่มีความแข็งแกร่งสูง เช่น บังเกอร์บัญชาการ, ไซโลขีปนาวุธ หรือโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดิน สหรัฐอเมริกาในฐานะผู้ผลิตและพัฒนารายใหญ่ ได้จำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ประเภทนี้ให้แก่ประเทศพันธมิตรที่สำคัญหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีความตึงเครียดสูง
สหรัฐฯ ขาย "บังเกอร์บัสเตอร์" ให้ใครบ้าง?
จากการรวบรวมข้อมูล สหรัฐฯ ได้ส่งมอบระเบิดทำลายบังเกอร์หลายรุ่นให้แก่ชาติพันธมิตรดังนี้:
* อิสราเอล: ถือเป็นลูกค้ารายสำคัญที่สุด ได้รับมอบระเบิดหลายรุ่น ทั้งรุ่นใหญ่นำวิถีด้วยเลเซอร์อย่าง GBU-28 และหัวรบเจาะเกราะ BLU-109 รวมถึงระเบิดร่อนขนาดเล็ก GBU-39 เพื่อเสริมศักยภาพในการป้องปรามภัยคุกคามในภูมิภาคตะวันออกกลาง
* เกาหลีใต้: ได้รับมอบระเบิด GBU-28 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับเป้าหมายใต้ดินของเกาหลีเหนือ
* ตุรกี: มีรายงานการจัดหาหัวรบเจาะเกราะ BLU-109
* สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และ ซาอุดีอาระเบีย: เป็นสองประเทศในกลุ่มชาติอาหรับที่ได้รับหัวรบ BLU-109 ไปใช้งาน
นอกจากนี้ ยังมีระเบิดทำลายบังเกอร์รุ่นที่ทรงพลังที่สุดคือ GBU-57 Massive Ordnance Penetrator (MOP) ซึ่งมีน้ำหนักถึง 30,000 ปอนด์ แต่ระเบิดรุ่นนี้ สหรัฐฯ ไม่มีนโยบายขายให้ต่างประเทศ และสงวนไว้ใช้ในกองทัพของตนเองเท่านั้น
ราคา "บังเกอร์บัสเตอร์" อ้างอิงจากดีลซื้อขายจริง
การระบุราคาต่อหน่วยที่แน่ชัดนั้นทำได้ยาก เนื่องจากอาวุธเหล่านี้มักถูกขายในรูปแบบแพ็คเกจการขายทางทหาร (Foreign Military Sale - FMS) ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ระบบนำวิถี, การฝึกอบรม, อะไหล่ และการสนับสนุนทางเทคนิคเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม เราสามารถประเมินราคาโดยประมาณจากข้อมูลการอนุมัติการขายที่เปิดเผยต่อสาธารณะได้
ตัวอย่างเช่น ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติข้อตกลงขายระเบิดร่อนขนาดเล็ก GBU-39/B SDB I จำนวน 1,400 ลูก พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ ให้แก่โปแลนด์ ในมูลค่ารวม 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อคำนวณเฉลี่ยแล้ว จะตกอยู่ที่ประมาณ 128,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูก หรือคิดเป็นเงินไทยราว 4.1 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 32 บาทต่อดอลลาร์)
หากย้อนไปดูดีลเก่าในปี พ.ศ. 2551 ที่สหรัฐฯ ขายระเบิด GBU-39 จำนวน 1,000 ลูกให้อิสราเอลในมูลค่า 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะมีราคาเฉลี่ยต่อลูกที่ถูกกว่า คือประมาณ 77,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.46 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาผันแปรไปตามช่วงเวลาและรายละเอียดของแต่ละสัญญา
ในขณะเดียวกัน ราคาของหัวรบเจาะเกราะรุ่นพื้นฐานอย่าง BLU-109 (ยังไม่รวมชุดนำวิถี) มีการประเมินว่าอยู่ที่ราว 21,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 672,000 บาท) แต่เมื่อรวมกับชุดนำวิถี JDAM จะทำให้ราคารวมของระเบิดที่พร้อมใช้งานหนึ่งลูกสูงขึ้นไปอีก
ส่วนระเบิดรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง GBU-57 MOP ที่สหรัฐฯ เก็บไว้ใช้เองนั้น มีการประเมินราคาต่อลูกไว้สูงถึง 13-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 416 ถึง 640 ล้านบาท เลยทีเดียว
โดยสรุป สหรัฐฯ จัดหาอาวุธทำลายบังเกอร์ให้แก่พันธมิตรหลักเพื่อคานอำนาจและรับมือภัยคุกคามในภูมิภาคต่างๆ ส่วนราคานั้นไม่มีตัวเลขที่ตายตัว แต่จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทั้งหมดในแพ็คเกจการขาย ซึ่งมักมีมูลค่าหลายล้านบาทต่อหน่วย
Bunker Bluster bomb ที่เราตัองรีบซื้อใช้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้