O จากบัดนั้น .. O



O ตั้งแต่สบตากันเมื่อวันก่อน
ก็เห็นแววสั่นสะท้อนแสนอ่อนไหว
จากบัดนั้นงดงามแห่งความนัย
เหมือนแกว่งไกวแรงคะนึงทุกกึ่งยาม
O สืบผ่านความมุ่งหมายคลี่คลายออก
หลั่งระลอกกระฉอกซ้ำปวงคำถาม
ไฟแห่งความโศกสุขคล้ายลุกลาม
ด้วยคาบยาม .. เมียงเมินขัดเขินนั้น
.
O เข้าร้อน .. หาก-ลมเช้ายังหนาวอยู่
ยามเช้าตรู่ลมพลิ้วไม้ริ้วสั่น
พันแสงแรกแย้มดวงทาบทวงวัน
เกสรนั่นภุมริน .. เริ่มบินวน
O เข้าสายที่ปลายฟ้าแจ่มจ้าขึ้น
มัวทะมึนลับล่วงจากห้วงหน
พร้อมกับความขจ่างช่วงที่สรวงบน
ใครบางคนก็ปรากฏขึ้นจรดตา
O คาบกาลเวียนเปลี่ยนแปลงสำแดงสู่
ความรับรู้, รอคอยดั่งคอยท่า
กำหนดเหตุ .. ท่วงทีทั้งลีลา
ตั้งคุณค่าขับขจ่างขึ้นกลางใจ
O เป็นใจที่พรั่งพร้อมด้วยอ้อมกอด
ของพร่ำพลอดแววตา .. อัชฌาสัย-
ที่เหมือนขึงข่ายเชื้อแห่งเยื่อใย
ทอดรอไว้พันกระหวัดสุดตัดรอน
O ตาสบความผ่องแผ้ว .. ฤๅแล้วได้
เมื่อหัวใจไหวหวั่นสุดบั่น-ถอน
ความตื่นตัวค้ำทรวงทุกช่วงตอน
ย่อมสั่นคลอนซ่านทั่วทั้งตัวตน
O วับวามแห่งความนัยเมื่อไหวผ่าน
เหมือนช่อมาลย์หวานหอมแวดล้อมต้น
ยิ้มแฝงรอย .. ฤๅมุ่งเพื่อปรุงปรน
อกผู้วนในหวานจนหวานล้ำ
O ตั้งแต่ตาสบกันเมื่อวันล่วง
คืนทุกช่วงสุขโศกแห่งโลกต่ำ
เหลือเพียงหวานผ่านระลอกเข้าตอกย้ำ
โหยเห็นราวซับซ้ำไม่รู้ซา
O ใช่ไหมที่ .. วิปโยคปวงโศกสร้อย
จักเคลื่อนคล้อยหันเหผ่านเวหา
ด้วยคมปลาบผ่องแผ้วของแววตา
เหมือนชายมาให้รู้ .. ว่าอยู่คอย ?
.
.
ฝากคุณค่าให้รู้ .. ว่าคู่ควร !
.
.
.
ขออนุญาตคนในภาพนะขอรับ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2023&date=27&group=11&gblog=696
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่