📈 หุ้นแตกพาร์คืออะไร? เข้าใจง่ายๆ ด้วยตัวอย่าง NVDA
-----
🍕 เปรียบเทียบง่ายๆ กับพิซซ่า
ลองนึกภาพว่าคุณมีพิซซ่าถาดใหญ่ 1 ถาด ซึ่งมีอยู่ 4 ชิ้น
แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่มากจนกินยาก 😅
การแตกพาร์ ก็เหมือนกับการที่เราหั่นพิซซ่าถาดเดิมนั้นให้เป็นชิ้นเล็กลง
เช่น จาก 4 ชิ้น กลายเป็น 8 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีขนาดเล็กลงครึ่งหนึ่ง
-----
🔢 ตัวเลขเปรียบเทียบ
ก่อนแตกพาร์: คุณมีพิซซ่า 1 ถาด มี 4 ชิ้น ชิ้นละ 50 บาท
หลังแตกพาร์: คุณก็ยังคงมีพิซซ่าถาดเดิม แต่มี 8 ชิ้น ชิ้นละ 25 บาท
จะเห็นว่า มูลค่ารวมของพิซซ่าทั้งถาดไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ✨
เพียงแต่ถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้นนั่นเอง
-----
📊 หุ้นแตกพาร์ในตลาดหุ้น
ในตลาดหุ้นก็เช่นกัน
การแตกพาร์คือการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ต่อหุ้นลง
และเพิ่มจำนวนหุ้นให้มากขึ้นในสัดส่วนที่กำหนด
ทำให้มูลค่ารวมของพอร์ตการลงทุนของผู้ถือหุ้นยังคงเท่าเดิม 💰
-----
🤔 ทำไมบริษัทต้องแตกพาร์?
เหตุผลหลักๆ ที่บริษัทเลือกแตกพาร์คือ:
🚀 เพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย
เมื่อราคาหุ้นต่อหน่วยลดลง ก็ทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงและซื้อขายหุ้นได้ง่ายขึ้น
👥 ขยายฐานผู้ถือหุ้น
ราคาที่ถูกลงจะดึงดูดให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุน
ทำให้มีจำนวนผู้ถือหุ้นมากขึ้น
-----
🎯 ตัวอย่างจริง: หุ้น NVDA (NVIDIA)
บริษัท NVIDIA ผู้ผลิตชิปการ์ดจอที่กำลังมาแรงในยุค AI 🤖
เคยมีการแตกพาร์มาแล้ว และกำลังจะแตกพาร์อีกครั้ง
ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนมากครับ
-----
📋 การแตกพาร์ล่าสุดของ NVDA
อัตราส่วน: 10 ต่อ 1 (10 for 1 stock split)
วันที่มีผล: 19 กรกฎาคม 2568 (สมมติ)
-----
💡 ตัวอย่างการคำนวณ
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ถือหุ้น NVDA อยู่ 10 หุ้น ที่ราคา 1,200 ดอลลาร์/หุ้น
ก่อนแตกพาร์:
คุณมีหุ้น NVDA 10 หุ้น
มูลค่ารวม 10 × 1,200 = 12,000 ดอลลาร์ 💵
หลังแตกพาร์:
จำนวนหุ้นของคุณจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า กลายเป็น 100 หุ้น
โดยที่ราคาหุ้นก็จะลดลง 10 เท่า เหลือประมาณ 120 ดอลลาร์/หุ้น
มูลค่ารวมในพอร์ตของคุณก็ยังคงเป็น 100 × 120 = 12,000 ดอลลาร์ เท่าเดิม ✅
-----
🎯 สรุป
จะเห็นได้ว่า การแตกพาร์ไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นในทันที 💸
แต่เป็นการปรับโครงสร้างเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงหุ้นได้ง่ายขึ้น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและการซื้อขายในอนาคตครับ 📈
หุ้นแตกพาร์คืออะไร? เข้าใจง่ายๆ ด้วยตัวอย่าง NVDA
-----
🍕 เปรียบเทียบง่ายๆ กับพิซซ่า
ลองนึกภาพว่าคุณมีพิซซ่าถาดใหญ่ 1 ถาด ซึ่งมีอยู่ 4 ชิ้น
แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่มากจนกินยาก 😅
การแตกพาร์ ก็เหมือนกับการที่เราหั่นพิซซ่าถาดเดิมนั้นให้เป็นชิ้นเล็กลง
เช่น จาก 4 ชิ้น กลายเป็น 8 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีขนาดเล็กลงครึ่งหนึ่ง
-----
🔢 ตัวเลขเปรียบเทียบ
ก่อนแตกพาร์: คุณมีพิซซ่า 1 ถาด มี 4 ชิ้น ชิ้นละ 50 บาท
หลังแตกพาร์: คุณก็ยังคงมีพิซซ่าถาดเดิม แต่มี 8 ชิ้น ชิ้นละ 25 บาท
จะเห็นว่า มูลค่ารวมของพิซซ่าทั้งถาดไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ✨
เพียงแต่ถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้นนั่นเอง
-----
📊 หุ้นแตกพาร์ในตลาดหุ้น
ในตลาดหุ้นก็เช่นกัน
การแตกพาร์คือการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ต่อหุ้นลง
และเพิ่มจำนวนหุ้นให้มากขึ้นในสัดส่วนที่กำหนด
ทำให้มูลค่ารวมของพอร์ตการลงทุนของผู้ถือหุ้นยังคงเท่าเดิม 💰
-----
🤔 ทำไมบริษัทต้องแตกพาร์?
เหตุผลหลักๆ ที่บริษัทเลือกแตกพาร์คือ:
🚀 เพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย
เมื่อราคาหุ้นต่อหน่วยลดลง ก็ทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงและซื้อขายหุ้นได้ง่ายขึ้น
👥 ขยายฐานผู้ถือหุ้น
ราคาที่ถูกลงจะดึงดูดให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุน
ทำให้มีจำนวนผู้ถือหุ้นมากขึ้น
-----
🎯 ตัวอย่างจริง: หุ้น NVDA (NVIDIA)
บริษัท NVIDIA ผู้ผลิตชิปการ์ดจอที่กำลังมาแรงในยุค AI 🤖
เคยมีการแตกพาร์มาแล้ว และกำลังจะแตกพาร์อีกครั้ง
ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนมากครับ
-----
📋 การแตกพาร์ล่าสุดของ NVDA
อัตราส่วน: 10 ต่อ 1 (10 for 1 stock split)
วันที่มีผล: 19 กรกฎาคม 2568 (สมมติ)
-----
💡 ตัวอย่างการคำนวณ
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ถือหุ้น NVDA อยู่ 10 หุ้น ที่ราคา 1,200 ดอลลาร์/หุ้น
ก่อนแตกพาร์:
คุณมีหุ้น NVDA 10 หุ้น
มูลค่ารวม 10 × 1,200 = 12,000 ดอลลาร์ 💵
หลังแตกพาร์:
จำนวนหุ้นของคุณจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า กลายเป็น 100 หุ้น
โดยที่ราคาหุ้นก็จะลดลง 10 เท่า เหลือประมาณ 120 ดอลลาร์/หุ้น
มูลค่ารวมในพอร์ตของคุณก็ยังคงเป็น 100 × 120 = 12,000 ดอลลาร์ เท่าเดิม ✅
-----
🎯 สรุป
จะเห็นได้ว่า การแตกพาร์ไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นในทันที 💸
แต่เป็นการปรับโครงสร้างเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงหุ้นได้ง่ายขึ้น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและการซื้อขายในอนาคตครับ 📈