หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (37)...เวลาดีดีที่มีกัน
ออกจากวัดก็เที่ยงกว่าแล้ว หลายคนเริ่มออกอาการหิว หน้าที่ของพี่พลคือพาไปกินอาหารที่ร้านอาหารไทย
“เราแวะทานกันที่ร้านอาหารไทยดีไหมครับ” พี่พลขอประชามติ ลงคะแนนเสียงอย่างรวดเร็วเพราะประการแรก นาน ๆ จะได้เข้าร้านอาหาร
ไทย แม้ว่าราคาแพงไล่ ๆ กับร้านอาหารจีน ประการที่สองคือได้กินของที่ชอบรสแซ่บถูกปาก แต่อย่าลืมกำชับว่าเอารสชาติไทยแท้แต่โบราณ
ประการสุดท้ายตัวหารเยอะ พี่พลเป็นหัวหน้าทัวร์ที่ดี ใครใคร่ได้อะไรว่ามาเดี๋ยวจัดเต็มให้ ข้อเด่นของพี่พลคือพูดน้อย ใช้วิธียิ้มเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่
ดวงเนตรเห็นพี่พลมา เขาไม่เคยโกรธใคร...พูดสั้น ๆ ตกลงเรื่องด้วยเสียงข้างมาก วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย หากบ่อยครั้งน้าวิวจะเป็นผู้บัญชาการ
แทนเขาก็ไม่มีปัญหา พี่พลจะคุยกับหนอยเรื่องที่ผู้ชายชอบโดยเฉพาะเรื่องกีฬา ถ้ามีคุณจอร์จอีกคนพวกเขาจะลืมไปเลยว่ายังมีผู้ร่วมงานอีกหลายคน
แต่ก็นั่นแหละเสรีภาพ ใครใคร่ทำอะไรเชิญตามสบายตามวิถีแห่งตน อย่าสร้างปัญหาเป็นพอ ใครโดนใครฟัดเอา เรื่องนี้ไม่มีกรรมการมีแต่แรงเชียร์
เพราะเราชอบเห็นพวกเราฟัดกันเอง ยกเว้น! ดูแล้วถ้าจะหลายตอนจบ พี่น้อยจะเข้ามาห้ามทัพ คนที่พูดด้วยวาจาอันอ่อนหวานแต่สั่งให้เลิกทัพได้ด้วย
เสียงสั่งอาหารไทยออกจะวุ่นวายในตอนแรก สุดท้ายน้าวิวเลยแนะนำให้หนุ่มหน้าใสทั้งสี่เป็นคนสั่ง เพราะเงื่อนไขของความสดใสใหม่กิ๊ก ขอ
อย่างเดียวอย่างสั่งจนเผ็ดโหดกินไม่ได้ เพราะพี่แกคนใต้กินเผ็ดขนาดไหนใคร ๆ ก็ขยาด อาหารออกมาเป็นที่ถูกใจของมวลชน แถมน้ำปลาพริกขี้หนู
อีกหนึ่งถ้วย อาหารแวบหายอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดลูบท้องแสดงอาการอิ่ม เจ้าของร้านพอรู้ว่าเป็นนักศึกษาไทย เลยแถมผลไม้จานใหญ่ให้อีก ทุกคน
กล่าวขอบคุณพร้อมสวัสดีปีใหม่ ต่างให้พรซึ่งกันและกัน แล้วออกรถไปช็อปปิงต่อ
เมื่อเข้าไปในห้าง...เจ๊ใหญ่นัดเวลาให้เดินได้หนึ่งชั่วโมงเช่นเคย แล้วมารอที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ บริเวณส่วนหน้าของห้าง
“นาน ๆ มาทีให้เวลามากกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ” เหล็กต่อรองด้วยเสียงอ้อน
“ไม่ได้...เรามีอีกหลายโปรแกรม ต้องไปแวะสวัสดีปีใหม่บ้านลุงหมอ แล้วแวะร้านเจ๊หงส์ซื้ออาหารเครื่องปรุงไทย อีกอย่างถ้าขากลับเจอหิมะ
ตกก็ขับรถเร็วไม่ได้ตอนนี้เข้าใจหรือยังพ่อหนุ่ม” เหล็กยกมือไหว้ท่วมหัว
“ครับแม่ใหญ่” ท่าล้อเลียนทำให้ทุกคนยิ้มอย่างถูกใจ แล้วฝูงผึ้งก็บินกระจัดกระจายหายไป
พี่น้อยเดินมากับดวงเนตรและหนอย ดวงเนตรกระซิบบอกให้พี่น้อยชวนพี่หนอยไปเลือกซื้อของ เพราะเธอจะหาซื้ออะไรเป็นของขวัญปีใหม่
ให้พี่หนอยสักหน่อย ทั้งสองสาวสบตากันอย่างเข้าใจ ดวงเนตรแวะเข้าร้าน “Do It yourself” ลูกปัดหลากสี ไหมพรม ดอกไม้แห้ง กระถางบอกได้เลยว่า
มีครบทุกอย่างตามปรารถนา ดวงเนตรรู้คร่าว ๆ ว่าจะใช้อะไรบ้าง ครู่เดียวก็หาของได้ครบ ถัดไปเป็นร้านเสื้อผ้าเธอเดินเข้าไปดูหาอะไรอีกซักอย่างหนึ่ง
“อ้าว! เนตรหายไปไหนครับพี่น้อยเห็นเดินตามกันมาอยู่นี่ครับ”
“น้องหนูแวะหาซื้อของใช้ส่วนตัวน่ะ เดี๋ยวก็ตามมา ไป ๆ ช่วยพี่น้อยเลือกเสื้อกันหนาวร้านโน้นหน่อยเขาลดราคาเยอะด้วย...นะคะ” หนอยจำ
ยอมเดินตามไปแต่โดยดี ครู่เดียวดวงเนตรก็เดินมาสมทบ
“ไปไหนไม่เห็นบอกพี่หนอยเลย” เสียงหนอยบอกถึงความเป็นห่วง
“ไปซื้อของใช้ผู้หญิงค่ะ”
“มาเดี๋ยวพี่หนอยหิ้วให้ แขนก็ยังเจ็บอยู่จริง ๆ เลยน้า”
“เป็นคนขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไรคะคุณลุง” ดวงเนตรยิ้มให้ แค่นี้พี่หนอยก็หายหงุดหงิดแล้ว
“ฝากพี่น้อยดีกว่าค่ะ” ดวงเนตรบ่ายเบี่ยงโดยอ้างว่ามันเป็นของ ๆ ผู้หญิง หนอยจึงปล่อยเลยตามเลย
“พี่น้อยว่าจะเลือกเสื้อกันหนาว ไม่ใช่เหรอครับ”
“พี่น้อยก็มีเยอะแล้วนะ มาเดินดูเผื่อถูกใจน่ะ”
ทุกคนมาถึงที่นัดพบในเวลาไล่ ๆ กัน พี่พล พี่ศิริหาของให้ลุงหมอได้แล้ว
“อ้าว! นับพี่นับน้องให้ครบนะหมาก เดี๋ยวมาตกหล่นแถวนี้ก็ไปที่วัดไทยอาศัยข้าวก้นบาตรกินเองแล้วกัน”
“ขอบคุณครับที่อุตส่าห์บอกให้ไปกินข้าววัด นึกว่าจะหากล่องให้นอนแถวไหนซะแล้ว” เสียงเหล็กแหย่
โปรแกรมต่อไปคือบ้านลุงหมอ พี่พลโทรมาแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว บ้านลุงหมอหลังใหญ่ บริเวณสนามหน้าบ้านยังมีหิมะเกาะอยู่เป็นส่วน ๆ
ต้นเมเปิลยืนต้นแห้งแล้งอย่างเดียวดาย ลุงหมอเปิดประตูออกมารับเอง
“อ้าว! รีบ ๆ เข้ามาก่อนข้างนอกหนาว”
ทุกคนถอดเสื้อคลุมและเสื้อหนาวแขวนไว้ตรงที่แขวน ซึ่งบ้านส่วนใหญ่จะมีที่แขวนเสื้ออยู่บริเวณส่วนใกล้ ๆ กับประตูบ้าน บ้านลุงหมอตกแต่ง
ด้วยสีน้ำตาลนวล...โทนสีอ่อนไม่เข้ม ไม่ดูหนัก สีฟ้าและเทา วอลเพเพอะสีชมพูโอรสเป็นลายดอกไม้ดอกเล็ก กระจายตัวเป็นช่วง ๆ ไม่มากเกินไป ผ้า
ม่านสีครีม สีสันผสมกันอย่างลงตัวทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น
ลุงหมอเดินนำเข้ามาในส่วนของห้องรับแขก โซฟาสีฟ้าอมเทา หลายขนาดวางเป็นชุด ขนาดของห้องและโซฟา บอกถึงจำนวนแขกที่แวะมา
บ่อย ๆ ที่นี่เป็นศูนย์รวมทั้งทางใจและกายสำหรับพวกเราคนไทยทุกคน คุณป้าสุรีย์เดินออกมาพร้อมแอปเปิลพายถาดใหญ่ ทุกคนยกมือไหว้ทั้งคุณ
ลุงหมอและคุณป้าสุรีย์
“สวัสดีปีใหม่ค่ะ พวกเราขอให้คุณลุงคุณป้ามีสุขภาพแข็งแรงมีความสุขตลอดปีใหม่นี้นะค่ะ” น้าวิวเป็นตัวแทนพวกเรา และพี่พลก็มอบกล่อง
ของขวัญให้แก่ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ลุงหมอให้พร
“เราขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากสิ่งร้ายทั้งหลายนะ” ทุกคนก้มลงไหว้ ดวงเนตรนั่งอยู่ใกล้ ๆ ก้มลงกราบ
บนตักลุงหมอและคุณป้าสุรีย์ ไม่มีการเอ่ยอันใดนอกจากสายตาที่กล่าวคำขอบคุณในความกรุณาที่ได้รับ
“อาการเป็นอย่างไรบ้าง” ลุงหมอถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ตายังมีเป็นลายเส้นเล็ก ๆ ขวางอยู่ หมอนัดเช็คอีกทีตอนสิ้นเดือนค่ะ”
“ดีแล้วบุญรักษานะลูก” ป้าสุรีย์เอ่ย ดวงเนตรน้ำตาคลอ ลุงหมอรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ปีนี้ไม่ได้จัดงานอะไร ไปร่วมกันตักบาตรที่วัดแค่นั้นเพราะคุณสุรีย์เป็นไข้หวัด”
“พวกเรารอลุงหมอแกะกล่องอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ของถูกใจไหม” หัวหน้าทีมเอ่ย
“การให้...ผู้รับ ๆ มาก็มีความสุขแล้วล่ะ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แกะเลยนะ”ลุงหมอเอ่ย กล่องถูกเปิดออก เขาหยิบออกมาเป็นตุ๊กตาเซรามิก
เนื้อดีปั้นเป็นรูปตานั่งกางหนังสือพิมพ์อ่านและยายนั่งถักผ้าไหมพรม
“สวยมากเลยค่ะ” ดวงเนตรพูดก่อนคนรับเสียอีก
“ดวงเนตรเป็นแฟนพันธุ์แท้ของงานเซรามิกทุกชิ้น ถ้าเข้าห้างขอให้ได้ดู และจับก็มีความสุข แล้วค่อยไปหาซื้อตามยาร์ดเซลครับ” พี่หนอย
รายงาน
ลุงหมอวางเซรามิกชุดนี้ลงบนโต๊ะเล็กซ้ายมือของมุมห้อง
“เอาละมาชิมพายของคุณป้ากันดู ฝีมือชั้นหนึ่งเชียวนะ” ลุงหมอชมภรรยาแล้วเอามือโอบเธอเข้ามาใกล้ ๆ ดวงเนตรยิ้มแล้วก้มหน้า พอเงยขึ้น
ก็สบตาพี่หนอยอย่างจัง เขาจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว และยิ้มกว้างตาส่งประกายรักข้ามหัวชาวบ้านมาที่ดวงเนตร
“อร่อยมากครับ” พี่พลชม
“ใช่ค่ะ” กลุ่มสาวใหญ่คล้อยตาม
“ไม่มีให้ใส่ถุงกลับบ้านหรอกมีเท่านี้แหละ”
“หมดสิทธิเลย ผมกำลังจะขออยู่พอดี “ หมากทำท่าเสียดาย
“พวกเราต้องลาคุณลุงคุณป้ากลับก่อนนะคะ เพราะกะว่าจะแวะร้านเจ๊หงส์ด้วยกว่าจะเสร็จก็จะมืดซะก่อน” น้าวิวพาพวกเราเอ่ยลา
“ขับกลับต้องระวังนะเพราะถ้าหิมะลงมาอีกจะขับลำบาก”
ทุกคนออกจากบ้านลุงหมอแล้วขับตรงไปที่ร้านของชำ ที่นี่มีแทบทุกอย่าง แม้แต่ปลาร้า และทุเรียนแกะเป็นพูใส่กล่องแช่แข็งไว้
ทุกคนขนซื้อกันเต็มพิกัด
“พ่อแม่พี่น้องครับ เราเอารถยนต์เล็กมานะครับ ไม่ใช่รถบรรทุก” หนอยเบรกคนซื้อซะหัวทิ่ม น้าวิวหน้างอคอหักเป็นปลาทูใส่หนอย
“ฉันไม่ได้ซื้อไปกินคนเดียว นี่ที่ยืนหน้าสลอนก็มาอิ่มปากอิ่มท้องที่ห้องพวกฉันทั้งนั้น" พี่หนอยพูดไม่ออกเพราะตอนนี้ปากท้องก็ดันเอาไป
ฝากไว้แถวนั้นแล้ว ดวงเนตรยิ้มถูกใจ แล้วเข็นรถมาจ่ายเงิน
“งวดนี้พี่หนอยจ่ายเองนะครับ”
“ไม่ได้ค่ะต้องหารสอง”
“ต้องได้สิก็น้าวิวพูดซะพี่รู้สึกผิดไง ๆ ชอบกล”
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (37)...วันดีดีที่มีกัน
ออกจากวัดก็เที่ยงกว่าแล้ว หลายคนเริ่มออกอาการหิว หน้าที่ของพี่พลคือพาไปกินอาหารที่ร้านอาหารไทย
“เราแวะทานกันที่ร้านอาหารไทยดีไหมครับ” พี่พลขอประชามติ ลงคะแนนเสียงอย่างรวดเร็วเพราะประการแรก นาน ๆ จะได้เข้าร้านอาหาร
ไทย แม้ว่าราคาแพงไล่ ๆ กับร้านอาหารจีน ประการที่สองคือได้กินของที่ชอบรสแซ่บถูกปาก แต่อย่าลืมกำชับว่าเอารสชาติไทยแท้แต่โบราณ
ประการสุดท้ายตัวหารเยอะ พี่พลเป็นหัวหน้าทัวร์ที่ดี ใครใคร่ได้อะไรว่ามาเดี๋ยวจัดเต็มให้ ข้อเด่นของพี่พลคือพูดน้อย ใช้วิธียิ้มเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่
ดวงเนตรเห็นพี่พลมา เขาไม่เคยโกรธใคร...พูดสั้น ๆ ตกลงเรื่องด้วยเสียงข้างมาก วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย หากบ่อยครั้งน้าวิวจะเป็นผู้บัญชาการ
แทนเขาก็ไม่มีปัญหา พี่พลจะคุยกับหนอยเรื่องที่ผู้ชายชอบโดยเฉพาะเรื่องกีฬา ถ้ามีคุณจอร์จอีกคนพวกเขาจะลืมไปเลยว่ายังมีผู้ร่วมงานอีกหลายคน
แต่ก็นั่นแหละเสรีภาพ ใครใคร่ทำอะไรเชิญตามสบายตามวิถีแห่งตน อย่าสร้างปัญหาเป็นพอ ใครโดนใครฟัดเอา เรื่องนี้ไม่มีกรรมการมีแต่แรงเชียร์
เพราะเราชอบเห็นพวกเราฟัดกันเอง ยกเว้น! ดูแล้วถ้าจะหลายตอนจบ พี่น้อยจะเข้ามาห้ามทัพ คนที่พูดด้วยวาจาอันอ่อนหวานแต่สั่งให้เลิกทัพได้ด้วย
เสียงสั่งอาหารไทยออกจะวุ่นวายในตอนแรก สุดท้ายน้าวิวเลยแนะนำให้หนุ่มหน้าใสทั้งสี่เป็นคนสั่ง เพราะเงื่อนไขของความสดใสใหม่กิ๊ก ขอ
อย่างเดียวอย่างสั่งจนเผ็ดโหดกินไม่ได้ เพราะพี่แกคนใต้กินเผ็ดขนาดไหนใคร ๆ ก็ขยาด อาหารออกมาเป็นที่ถูกใจของมวลชน แถมน้ำปลาพริกขี้หนู
อีกหนึ่งถ้วย อาหารแวบหายอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดลูบท้องแสดงอาการอิ่ม เจ้าของร้านพอรู้ว่าเป็นนักศึกษาไทย เลยแถมผลไม้จานใหญ่ให้อีก ทุกคน
กล่าวขอบคุณพร้อมสวัสดีปีใหม่ ต่างให้พรซึ่งกันและกัน แล้วออกรถไปช็อปปิงต่อ
เมื่อเข้าไปในห้าง...เจ๊ใหญ่นัดเวลาให้เดินได้หนึ่งชั่วโมงเช่นเคย แล้วมารอที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ บริเวณส่วนหน้าของห้าง
“นาน ๆ มาทีให้เวลามากกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ” เหล็กต่อรองด้วยเสียงอ้อน
“ไม่ได้...เรามีอีกหลายโปรแกรม ต้องไปแวะสวัสดีปีใหม่บ้านลุงหมอ แล้วแวะร้านเจ๊หงส์ซื้ออาหารเครื่องปรุงไทย อีกอย่างถ้าขากลับเจอหิมะ
ตกก็ขับรถเร็วไม่ได้ตอนนี้เข้าใจหรือยังพ่อหนุ่ม” เหล็กยกมือไหว้ท่วมหัว
“ครับแม่ใหญ่” ท่าล้อเลียนทำให้ทุกคนยิ้มอย่างถูกใจ แล้วฝูงผึ้งก็บินกระจัดกระจายหายไป
พี่น้อยเดินมากับดวงเนตรและหนอย ดวงเนตรกระซิบบอกให้พี่น้อยชวนพี่หนอยไปเลือกซื้อของ เพราะเธอจะหาซื้ออะไรเป็นของขวัญปีใหม่
ให้พี่หนอยสักหน่อย ทั้งสองสาวสบตากันอย่างเข้าใจ ดวงเนตรแวะเข้าร้าน “Do It yourself” ลูกปัดหลากสี ไหมพรม ดอกไม้แห้ง กระถางบอกได้เลยว่า
มีครบทุกอย่างตามปรารถนา ดวงเนตรรู้คร่าว ๆ ว่าจะใช้อะไรบ้าง ครู่เดียวก็หาของได้ครบ ถัดไปเป็นร้านเสื้อผ้าเธอเดินเข้าไปดูหาอะไรอีกซักอย่างหนึ่ง
“อ้าว! เนตรหายไปไหนครับพี่น้อยเห็นเดินตามกันมาอยู่นี่ครับ”
“น้องหนูแวะหาซื้อของใช้ส่วนตัวน่ะ เดี๋ยวก็ตามมา ไป ๆ ช่วยพี่น้อยเลือกเสื้อกันหนาวร้านโน้นหน่อยเขาลดราคาเยอะด้วย...นะคะ” หนอยจำ
ยอมเดินตามไปแต่โดยดี ครู่เดียวดวงเนตรก็เดินมาสมทบ
“ไปไหนไม่เห็นบอกพี่หนอยเลย” เสียงหนอยบอกถึงความเป็นห่วง
“ไปซื้อของใช้ผู้หญิงค่ะ”
“มาเดี๋ยวพี่หนอยหิ้วให้ แขนก็ยังเจ็บอยู่จริง ๆ เลยน้า”
“เป็นคนขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไรคะคุณลุง” ดวงเนตรยิ้มให้ แค่นี้พี่หนอยก็หายหงุดหงิดแล้ว
“ฝากพี่น้อยดีกว่าค่ะ” ดวงเนตรบ่ายเบี่ยงโดยอ้างว่ามันเป็นของ ๆ ผู้หญิง หนอยจึงปล่อยเลยตามเลย
“พี่น้อยว่าจะเลือกเสื้อกันหนาว ไม่ใช่เหรอครับ”
“พี่น้อยก็มีเยอะแล้วนะ มาเดินดูเผื่อถูกใจน่ะ”
ทุกคนมาถึงที่นัดพบในเวลาไล่ ๆ กัน พี่พล พี่ศิริหาของให้ลุงหมอได้แล้ว
“อ้าว! นับพี่นับน้องให้ครบนะหมาก เดี๋ยวมาตกหล่นแถวนี้ก็ไปที่วัดไทยอาศัยข้าวก้นบาตรกินเองแล้วกัน”
“ขอบคุณครับที่อุตส่าห์บอกให้ไปกินข้าววัด นึกว่าจะหากล่องให้นอนแถวไหนซะแล้ว” เสียงเหล็กแหย่
โปรแกรมต่อไปคือบ้านลุงหมอ พี่พลโทรมาแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว บ้านลุงหมอหลังใหญ่ บริเวณสนามหน้าบ้านยังมีหิมะเกาะอยู่เป็นส่วน ๆ
ต้นเมเปิลยืนต้นแห้งแล้งอย่างเดียวดาย ลุงหมอเปิดประตูออกมารับเอง
“อ้าว! รีบ ๆ เข้ามาก่อนข้างนอกหนาว”
ทุกคนถอดเสื้อคลุมและเสื้อหนาวแขวนไว้ตรงที่แขวน ซึ่งบ้านส่วนใหญ่จะมีที่แขวนเสื้ออยู่บริเวณส่วนใกล้ ๆ กับประตูบ้าน บ้านลุงหมอตกแต่ง
ด้วยสีน้ำตาลนวล...โทนสีอ่อนไม่เข้ม ไม่ดูหนัก สีฟ้าและเทา วอลเพเพอะสีชมพูโอรสเป็นลายดอกไม้ดอกเล็ก กระจายตัวเป็นช่วง ๆ ไม่มากเกินไป ผ้า
ม่านสีครีม สีสันผสมกันอย่างลงตัวทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น
ลุงหมอเดินนำเข้ามาในส่วนของห้องรับแขก โซฟาสีฟ้าอมเทา หลายขนาดวางเป็นชุด ขนาดของห้องและโซฟา บอกถึงจำนวนแขกที่แวะมา
บ่อย ๆ ที่นี่เป็นศูนย์รวมทั้งทางใจและกายสำหรับพวกเราคนไทยทุกคน คุณป้าสุรีย์เดินออกมาพร้อมแอปเปิลพายถาดใหญ่ ทุกคนยกมือไหว้ทั้งคุณ
ลุงหมอและคุณป้าสุรีย์
“สวัสดีปีใหม่ค่ะ พวกเราขอให้คุณลุงคุณป้ามีสุขภาพแข็งแรงมีความสุขตลอดปีใหม่นี้นะค่ะ” น้าวิวเป็นตัวแทนพวกเรา และพี่พลก็มอบกล่อง
ของขวัญให้แก่ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน ลุงหมอให้พร
“เราขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากสิ่งร้ายทั้งหลายนะ” ทุกคนก้มลงไหว้ ดวงเนตรนั่งอยู่ใกล้ ๆ ก้มลงกราบ
บนตักลุงหมอและคุณป้าสุรีย์ ไม่มีการเอ่ยอันใดนอกจากสายตาที่กล่าวคำขอบคุณในความกรุณาที่ได้รับ
“อาการเป็นอย่างไรบ้าง” ลุงหมอถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ตายังมีเป็นลายเส้นเล็ก ๆ ขวางอยู่ หมอนัดเช็คอีกทีตอนสิ้นเดือนค่ะ”
“ดีแล้วบุญรักษานะลูก” ป้าสุรีย์เอ่ย ดวงเนตรน้ำตาคลอ ลุงหมอรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ปีนี้ไม่ได้จัดงานอะไร ไปร่วมกันตักบาตรที่วัดแค่นั้นเพราะคุณสุรีย์เป็นไข้หวัด”
“พวกเรารอลุงหมอแกะกล่องอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ของถูกใจไหม” หัวหน้าทีมเอ่ย
“การให้...ผู้รับ ๆ มาก็มีความสุขแล้วล่ะ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แกะเลยนะ”ลุงหมอเอ่ย กล่องถูกเปิดออก เขาหยิบออกมาเป็นตุ๊กตาเซรามิก
เนื้อดีปั้นเป็นรูปตานั่งกางหนังสือพิมพ์อ่านและยายนั่งถักผ้าไหมพรม
“สวยมากเลยค่ะ” ดวงเนตรพูดก่อนคนรับเสียอีก
“ดวงเนตรเป็นแฟนพันธุ์แท้ของงานเซรามิกทุกชิ้น ถ้าเข้าห้างขอให้ได้ดู และจับก็มีความสุข แล้วค่อยไปหาซื้อตามยาร์ดเซลครับ” พี่หนอย
รายงาน
ลุงหมอวางเซรามิกชุดนี้ลงบนโต๊ะเล็กซ้ายมือของมุมห้อง
“เอาละมาชิมพายของคุณป้ากันดู ฝีมือชั้นหนึ่งเชียวนะ” ลุงหมอชมภรรยาแล้วเอามือโอบเธอเข้ามาใกล้ ๆ ดวงเนตรยิ้มแล้วก้มหน้า พอเงยขึ้น
ก็สบตาพี่หนอยอย่างจัง เขาจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว และยิ้มกว้างตาส่งประกายรักข้ามหัวชาวบ้านมาที่ดวงเนตร
“อร่อยมากครับ” พี่พลชม
“ใช่ค่ะ” กลุ่มสาวใหญ่คล้อยตาม
“ไม่มีให้ใส่ถุงกลับบ้านหรอกมีเท่านี้แหละ”
“หมดสิทธิเลย ผมกำลังจะขออยู่พอดี “ หมากทำท่าเสียดาย
“พวกเราต้องลาคุณลุงคุณป้ากลับก่อนนะคะ เพราะกะว่าจะแวะร้านเจ๊หงส์ด้วยกว่าจะเสร็จก็จะมืดซะก่อน” น้าวิวพาพวกเราเอ่ยลา
“ขับกลับต้องระวังนะเพราะถ้าหิมะลงมาอีกจะขับลำบาก”
ทุกคนออกจากบ้านลุงหมอแล้วขับตรงไปที่ร้านของชำ ที่นี่มีแทบทุกอย่าง แม้แต่ปลาร้า และทุเรียนแกะเป็นพูใส่กล่องแช่แข็งไว้
ทุกคนขนซื้อกันเต็มพิกัด
“พ่อแม่พี่น้องครับ เราเอารถยนต์เล็กมานะครับ ไม่ใช่รถบรรทุก” หนอยเบรกคนซื้อซะหัวทิ่ม น้าวิวหน้างอคอหักเป็นปลาทูใส่หนอย
“ฉันไม่ได้ซื้อไปกินคนเดียว นี่ที่ยืนหน้าสลอนก็มาอิ่มปากอิ่มท้องที่ห้องพวกฉันทั้งนั้น" พี่หนอยพูดไม่ออกเพราะตอนนี้ปากท้องก็ดันเอาไป
ฝากไว้แถวนั้นแล้ว ดวงเนตรยิ้มถูกใจ แล้วเข็นรถมาจ่ายเงิน
“งวดนี้พี่หนอยจ่ายเองนะครับ”
“ไม่ได้ค่ะต้องหารสอง”
“ต้องได้สิก็น้าวิวพูดซะพี่รู้สึกผิดไง ๆ ชอบกล”