ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงจากความกังวลด้านเงินเฟ้อและมาตรการภาษี

KEY POINTS

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบ โดยดัชนีหลักทั้งดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลดลง

ปัจจัยหลักมาจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสินค้าและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีการค้า และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยเพื่อรอดูข้อมูลเศรษฐกิจ เป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อตลาด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขยายเวลาให้เม็กซิโกอีก 90 วันในการเจรจาการค้าฉบับใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าฉบับสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญความเป็นไปได้ที่จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น หลังจากครบกำหนดวันศุกร์นี้

 

 

ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน จากผลกระทบของภาษีนำเข้าสินค้าที่เริ่มส่งผลต่อราคาสินค้าในประเทศ นักเศรษฐศาสตร์จึงคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

 

ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้ขอรับสิทธิประโยชน์การว่างงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งต้นทุนแรงงานในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นเกินคาดเล็กน้อย อันเป็นผลมาจากการเติบโตของค่าจ้างแรงงาน

 

คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมในการประชุมเมื่อวันพุธ โดยประธาน Jerome Powell ระบุว่า Fed จำเป็นต้องรอข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ท่าทีดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในวันดังกล่าว และได้รับเสียงวิจารณ์เพิ่มเติมจากประธานาธิบดีทรัมป์

 

ความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์

 

แม้ผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากบริษัท Microsoft และ Meta Platforms จะช่วยหนุนดัชนีในช่วงต้นวัน แต่ภายในสิ้นวัน ดัชนีสำคัญต่าง ๆ ได้ปรับตัวลดลง โดย:

 

ความเคลื่อนไหวในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

 

 

โดยราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากข้อมูลสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด และการพิจารณาขยายข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก

 

ราคาทองคำปรับตัวขึ้น

 

ในด้านของตลาดทองคำ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษี โดยราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.51% มาอยู่ที่ 3,291.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์