สวัสดีค่ะ หนูชื่อ ใบตาล ( นามสมมุติ)
คือ อยากจะมาเล่า เกี่ยวกับชีวิตน้ำเน่าของตัวเอง, ย้อนไปในวัยเด็ก ตอนอายุ 12 ขวบ แม่มีลูก 5 คน หนูมีพี่สาว 2 คน พี่ชาย2 คน , คนโตคือพี่สาว ถัดมาคือพี่ชายคนที่สอง และ พี่ชายคนที่สาม และพี่สาวอีกคนที่อายุเยอะกว่าหนู1 ปี , หนูเป็นลูกสาวคนสุดท้อง . พ่อทิ้งแม่ไปตั้งแต่หนูอายุ 7 ขวบ . แม่ไม่มีงานทำประจำ เพราะไม่ได้เรียน แต่ต้องเลี้ยงลูก 5 คน และภาระก็ตกไปที่พี่สาวคนโต พี่สาวคนโตก็เลยคิดหนักที่จะหาเงินเพื่อให้น้อง 3 คนได้เรียน ( พี่ชายคนโตหนี ไปบวชเรียน ) ตอนนั้น พี่สาวคนโตอายุประมาณ 18 แล้วตอนนั้นพี่สาวคนโตได้คุยกับพี่ชายคนหนึ่งซึ่งค่อนข้างมีฐานะปานกลาง อายุ 28 ซึ่งเขาก็ช่วยสนับสนุนครอบครัวเรา, พอให้ครอบครัวเราได้มีอยู่มีกินอยู่บ้าง ในตอนนั้นแฟนพี่สาวคนโต ช่วยสนับสนุนครอบครัวเราแล้วก็ติดต่องานธุรกิจมาให้แม่และพี่สาวเรา มีการมีงานทำอยู่บ้าง คือนายหน้า ในตอนนั้น , และแม่เองตอนนั้นก็มีผู้ชายมาจีบ 2-3 คนก็ค่อยช่วยเหลือทางครอบครัวเราด้วย บวกกับแม่ช่วย น้า ทําเอกสารสัมปทานที่ดินรัฐ เพื่อทำตลาดให้คนในชุมชน , ทำให้ครอบครัวเรามีอยู่มีกิน มีฐานะขึ้นมาบ้าง . ตอนนั้นแม่มีชื่อเสียงมากในหมู่บ้าน เพราะช่วยสร้าง รร ช่วยสร้างวัด เหมือนคนในหมู่บ้านจะเรียกแม่ว่า เจ้ เป็นคนมีฐานะคนหนึ่งในหมู่บ้าน. ต่อมาหลายปี ตาเรา เกิดเสีย พ่อเราก็กลับมาเจอกับแม่ที่งาน ได้ขอคืนดีกัน แต่ด้วยความเรายังเด็กเราร้องไห้หาพ่อ ว่าคิดถึง ญาติๆเห็น ก็เลยสงสาร ก็เลยคุยกับแม่ ขอให้แม่คืนดีกับพ่อเพราะสงสารลูกๆ , พ่อก็เลยคืนดีกับแม่ได้ก็เลยกลับมาอยู่กับแม่ที่บ้าน ( ตอนนั้นที่พ่อเราเลิกกับแม่ก็เพราะว่าพ่อยังเล่นสาวๆอยู่ตามที่แม่เราบอกก็เลยเลิกกับแม่เราไปเพราะแม่เราจับได้หลายครั้ง) หลังจากพ่อเราอยู่ได้ 2-3 เดือนสถานการณ์ก็สงบแต่หลังจากนั้นผู้ชายของแม่ๆก็เริ่มหายจางไป . แม่เราเริ่ม มี ปัญหากับผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ผู้ใหญ่บ้านให้คนไปไล่คนที่มาขายในตลาดเราออกหมด ทำให้เริ่มไม่มีคนเช่า เริ่มขัดแย้งกัน. ต่อมาพี่สาวเราอยากจะแต่งงานแฟนพี่สาวก็เลยไปคุยกับพ่อเรื่องค่าสินสอด งานแต่ง พ่อเราเรียกค่าสินสอดไว้สูงเพราะว่าไม่เชื่อใจแฟนพี่สาวแต่ที่จริงพ่อเราเพิ่งมา เลยไม่รู้จักแฟนพี่สาวเรามากพอ แฟนพี่สาวเราคงเก็บไปคิดบวกไม่ค่อยถูกกับพ่อ แล้วก็ทำให้ เริ่มห่างๆจากพี่สาว และครอบครัวเราไป . จากนั้นพี่สาวเราเริ่มมีอาการทางจิต โดยที่เรานั่งดูทีวีกับพ่ออยู่ อยู่ๆพี่สาวก็เดินมาส่องกระจก ที่อยู่ด้านข้าง ทีวี แล้วเริ่มร้องไห้ แล้วก็ยิ้ม แล้วก็ร้องไห้ , เรากับพ่อก็เลยเริ่มตกใจ มองหน้ากันว่าพี่สาวเป็นอะไรไป ?
, พี่สาวเราเดินไป ห้องน้ำ เราก็เดินตามไป แต่พี่สาวก็ ไม่ตอบอะไร หลังวันที่สอง ที่สาม พี่สาวเริ่มมีอาการ นอนไม่หลับ ปวดไหล่ แล้วเริ่มพูดคนเดียว , พ่อเราชวนไปหาหมอ แต่แม่ไม่พาไป แม่ไปหาหมอดูแทน หมอดูก็บอกว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากมาอยู่ด้วย อย่างให้เป็นร่างทรง ต้องไปแก้ไปบน แม่เราก็เชื่อเลยไปเริ่มหาหมอดูทำ พิธีตามสถานที่ต่างๆไปทุกที่ แล้วต้องใช้เงินไม่ใช่น้อยๆ ชื้อของบูชา ของไหว้ ค่านู่นค่านี้ เริ่มใช้ตังค์เยอะใช้แล้วไม่มีใครหาเงินเข้าบ้าน พ่อแม่ก็ไม่ได้ทำงาน ยุ่งยุ กับพี่สาว ทีนี่หนูกับพี่สาวอีกคนและพี่ชายที่ยังเรียนอยู่ประถม, มัธยมก็เริ่มจะไม่มีเงินไปโรงเรียนพ่อแม่เริ่มใช้เงินทั้งหมด ไปกับะี่สาวคนโต . พวกเราเริ่มปากกัดxีนxีบ , ไม่มีเงินไปรร ชื้อเข้าของ บางวันกับข้าวที่บ้านก็ไม่มีจะกิน ต้องหาเก็บผักข้างบ้านมาทอด ผัดกิน บางวันกินข้าวกับเกือ แก้หิว บางที่พี่ชายคนที่สอง ก็ไปขอตังค์ ขอขนมกับพี่ชายที่ไปบวช มากิน . พ่อแม่เริ่มใช้ตังค์ที่เก็บทั้งหมด ไปกับการช่วยพี่สาวคนโต เริ่มหมด ก็ไปขอตังค์พี่ชายที่ไปบวช มาอีก พอพี่ชายที่บวช บอกว่าไม่มีนะ, แม่ก็เริ่มเอาข้าวของที่บ้านรถยนต์อะไรไปขาย + ที่ดิน เหลือแค่รถใช้ที่บ้านมอเตอร์ไซค์ 2 คัน พอจะยังไป รร ได้ ยุบ้าง , บางวันหนูอยากมีเงินไปโรงเรียนหนูก็เลยหาไอเดียหาเงิน หนูก็เลยไปแกะเทียนตามวัดหรือตามศาลพระภูมิที่ต่างๆเอาไปขาย บางทีก็เก็บผักข้างบ้าน มะขาม มะม่วงเอาไปขายตามตลาดนัด บางครั้งแม่พาหนูไปขาย บางครั้งยายก็เอาไปขายช่วย ( ยายยุบ้านคนละหลัง )เงินที่ได้มาพอจะมาชื้อข้าว ของกินไว้ที่บ้านได้ยุบ้าง ถ้าไม่มีข้าวก็ไปขอข้าวแห้งกับพระที่วัด หรือ ตามศาลพระภูมิที่มีคนเอาข้าวไปบูชาแล้วมันนานจนแห้ง เราก็จะไปเก็บมาไว้ เพื่อเอามาแช่นํ้า แล้ว ก็ อุ่นกิน กับ ยำใบมะม่วงอ่อน. แม่เริ่มใช้เงินทั้งหมด ไปกับพี่สาวอาการก็ยังไม่ดีขื้น ยุบ้านเป็นเหมือนคนจิตไม่ปกติ เริ่มเดินไปรอบหมู่บ้าน จากคนที่หน้าตาดี มีผช มาจีบเยอะ กลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่ามอง พ่อต้องเอาเชือกมารัดไว้ตอนกลางคืนเพื่อ ไม่ให้หนี หรือเดินที่ไหน เรากับพี่อีกคนพยายามบอกแม่ว่าให้เอาไป โรงพยาบาลจิตเวชเถอะเพื่อพี่สาวจะได้ดีขึ้น เพราะหมดเงินไปกับหมอดูเยอะแล้ว แม่ก็ไม่ฟัง บอกว่าเป็นเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเอาพี่สาวไปเป็นร่างทรง . พ่อก็เริ่มมีปากเสี่ยงกับแม่ ทะเลาะ กับแม่แรงขื้นทุกวัน เพราะพ่ออยากเอาพี่สาวไปรพบ จนวันนึ่ง พ่อทนไม่ไหว ก็เลยหนีจากบ้านไป. ที่นี่
กรรมก็มาตกกับเราที่ยังเรียนอยู่ประถม แทบจะไม่ได้นอนทุกคืนเพราะบางวันพี่สาวจะร้องและโวยวายอยากออกไปเดิน ไม่ยอมหลับ ยอมนอน เราเลยต้องลุกตื่นมานวดมาคุยกับพี่สาวให้ผ่อนคลาย เพื่อ แม่ พี่สาวพี่ชายจะได้นอนพักผ่อนกันยุบ้าง , เป็น แบบนี้มาหลายเดือน จนการเรียนหนูตก จากคนเรียนเก่ง ละดับ1 ของ รร ที่นี่ สมองเริ่มอืด พักผ่อนน้อย เพราะคิดแต่เรื่องครอบครัวอยากไปทำงาน อยากออกรร แต่ดีที่พี่สาวอีกคนยังคงเรียนเก่ง แต่คล้ายๆคน introvert ไม่พูดไม่คุยกับใครเอาแต่เรียนและอ่านหนังสืออย่างเดียวงานบ้านก็ไม่ทำ เป็นหนูที่ต้องทำและช่วยแม่ดูพี่สาว , ส่วนพี่ชายอีกคนก็ เริ่มเกเรออกจากบ้านไม่กลับบ้านเลย . แม่ก็ไม่ได้ไปทำงานอีกเลย เริ่มเอาที่ดินนาไปจำนอง เอาเงินมาช่วยพี่สาว + จ่ายค่าเรียนให้เราทั้ง 3 คน , ที่นี่มีญาติมาเห็น ญาติทางพ่อเรานี่แหละเป็น หมอ , บอกแม่ให้เอาพี่สาวเราไปรพบ จิตเภท ญาติหลายคนมาช่วยกล่อมแม่ จนแม่ยอมพาพี่สาวไป แม่ก็ไปนอนเฝ้าพี่สาวเรา เปลี่ยนกันไปเป็นเวลา 2 เดือน , แม่ไม่ได้ทำการทำงาน เลยไม่มีเงินเข้าบ้าน จน แบงค์ จะมายึดที่ดิน แม่เลยไปกู้แบงค์อีกที่มาจ่ายอีกที่ ( แม่มีที่ดินเยอะแต่ไม่ยอมขาย ส่วนตัวไม่รู้ว่าทำไหมว่าแม่ไม่อยากขายที่ แม่บอกว่าถ้าพวกเราโตมาให้หาเงินมาใช้หนี้แล้วเอาที่ดินของแม่เอา ) แม่ทำแบบนี้จนเป็นหนี้แบงค์ 4 ที่ . นานหลายเดือน หลังพี่สาวเราพักอยู่ที่ รพบ พี่สาวเราเริ่มหายดีกับบ้านได้ เริ่มกลับมาเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ต้องค่อยดูอาการเรื่อยๆอย่าให้มีอะไรมากระทบจิตใจ เพราะอาการจะกลับมากำเริบได้ , ที่จริงพี่สาวเราต้องกินยา แต่ไม่ยอมกิน บางครั้งเอาไปช่อน หรือ ไปทิ้งบ้าง. แบงค์เขาก็จะมายึดที่ แต่แม่ไม่อยากเสยที่ดินไป เลยเอาบ้านไปจำนอง นอกระบบ ที่ดอกเบ้ยโหด มาไถ่ 2 ที่ ออกไป เหลือ หนี้อีก 2 ที่ + หนี้ นอกระบบ1 ที่ , แม่ทำาจะการไถ่ที่ดินที่เขาจะมายึดก่อน ( เราบอกแม่ว่าไม่ให้ทำอย่างนี้เอาเงินอีกที่มาจ่ายอีกที่ แต่ด้วยความเราเป็นเด็กแม่ไม่เชื่อ ) ส่วนเงินที่เหลือก็เอามาเปิดร้านขายของชำที่บ้าน , หลากหลายเดือนต่อมาแม่เราอาจจะมีความเครียดเพราะจะต้องเลี้ยงลูกบ้างหาเงินใช้หนี้บ้างแม่เราเริ่มมีอาการเหมือนคนบอกว่าเป็นร่างทรง แต่ไม่ใช่ร่างทรงหลอกๆนะ มีหลากหลายคนมาดูดวงกับแม่เรา บอกว่าแม่เราทักถูกหมด เกือบทุกอย่าง ทั้งที่ไม่เคยเล่าให้แม่เราฟัง ที่นี่แม่ก็เริ่มเป็นหมอดู คนดัง แล้วชิ ไม่ว่าใกล้หรือไกล พระอาจาร ก็ มาหาแม่บ้าง ให้ดูดวง บ้าง ทำให้เราพอมีเงินไป รร ชื้อข้าว กินยุบ้าง พอได้ใช้หนี้ ร้านขายของชำาที่บ้านปิดไป .
. มาเรื่องของหนู พี่สาวคนโตกลับมาเป็นปกติแล้ว ก็ช่วยส่งพวกเราไป รร ทำงานช่วย หาเงินเข้าบ้าน แต่พี่สาวคนโต รักพี่สาวเราอีกคน มากกว่า เพราะเรา อาจเป็นเด็กหน้าตาไม่น่ารัก มาตั้งแต่เกิด แต่พี่สาวอีกคนที่ค่อนข้างหน้าตาน่ารักอวบขาว ส่วนเราผอมๆดําผมหยิกเหมือนคนนิโกร , ตอนเด็กเวลาพี่สาวคนโต จะชื้อยาบำรุง วิตามินอะไร จะชื้อให้แค่พี่สาวอีกคนของเรา ส่วนเราไม่ได้กิน บอกให้ไปชื้อเองที่ร้านขายยา , ส่วนเราที่ไม่ได้กินวิตามินสูง ก็ค่อยออกกำลังกายนในตอนเช้า เอาเพราะกลัวตัวเองเต้ย , เวลาป่วยพี่สาวคนโต ก็จะบอกให้ไปชื้อยาเอง แต่ถ้าพี่สาวอีกคนป่วย นางจะเป็นคนไปชื้อยามาให้กินในทันที พาไป คลินิกตรวจสุขภาพบ่อยๆ ต่างจากเราที่ไม่ได้ตรวจอะไรเลย เพราะไม่มีใครชวน หรือ พาไป ถ้าเราป่วย เราเน้นหายเองที่บ้าน หรือหายาที่มีในบ้านกินเอง ( นี้คือชิวีตจริงๆที่เราได้รับจริงๆ ไม่ได้แต่งขื้นใดๆ ) , เวลาไปร้านเสริมสวย ก็จะเอาแค่พี่สาวเราอีกคนไปด้วยเป็นประจำ จ่ายตังค์ให้นวดหน้าสระผมบ้าง เราผู้ที่ได้ยินอย่างนั้น ก็แอบน้อยใจ เพราะไม่เคยได้ไปร้านเสริมสวย หรือ สระผมข้างนอก เวลาชื้อเสื้อผ้า ก็จะชื้อให้แค่พี่สาวอีกคน เราก็ใส่กับพี่อีกคนเอา . อยู่มาวันหนึ่ง เราเกิดป่วย เลยเดินไปบอกพี่สาวคนโต ว่ารู้สึกเป็นไข้ นางก็เดินหนีไปไม่สนใจอะไรเราเลย ( คำถามเกิดขื้นในใจ ว่าทำไหม เขาถึงเป็นเช่นนี้กับเรา แต่พอจะรู้ว่าบ้าง ว่าตั้งแต่เด็กหน้าตาไม่น่ารัก ทำให้ตายายญาติ ไม่มีใครรัก นอกจากแม่ที่พอจะดูเรายุบ้าง ) ในเมื่อไม่มีใครสนใจ เราเลยเดินไปหาเสื้อผ้าตัวเอง ไปชุบนํ้าเย็น มาปกหน้าผากนอน เพื่อให้อาการไข้ดีขื้น เปลี่ยนผ้าเองดูแลตัวเองยุแบบนั้น จิตใจข่มขืน นั่งนอนนับมือตัวเองว่ามีใครรักเราบ้าง นับมือ ไล่ปู่ย่า ตายาย พี่ชายพี่สาว ก็ไม่เคยได้รับความรักจากใครเลย ก็เลยบอกตัวเองว่า “ นี่ยังมีเราไง ที่รักตัวเราเองมากที่สุด ก็นอนกอดตัวเองตอนเป็นไข้ แล้วก็หลับไป ” ( แม่ไม่ค่อยยุบ้านทำเอกสารกับน้าเราเรื่องที่ดินตลาด, พี่ชายอีกคน ก็ไม่ยุบ้านเลย , เราต้องยุกับพี่สาวสองคนสะส่วนใหญ่ แม่ก็จะให้เงินแค่พี่สาวคนโตเพื่อดูแล น้องๆ ) ที่นี่เวลาผ่านไปนาน ครอบครัวเราก็ยังมีหนี้สิน บางวันก็มีกินบางวันก็ไม่มี แต่เรากับพี่สาวอีกคน ขื้นมัธยม พี่อีกคนเรียนมัธยม 5เราเรียนอยู่มัธยม 4 , แม่จะให้แค่เงินพี่สาวอีกคน เพื่อใส่นํ้ามันจักรยานยนต์ไปโรงเรียนได้อยู่บ้าง พวกเราไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว ตอนบ่ายเราก็ไม่มีเงินชื้อข้าว กิน เราผู้ไม่มีมือถือ ติดต่อพี่สาวอีดคน ทำาให้ติดต่อกันไม่ได้ ( เข้า รร เดี๋ยวกัน แต่คนละ ตึก) บางวันพี่สาวอีกคน ขับจักรยานไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนเค้า เราก็ไปด้วยไม่ได้ จักรยานยนต์ขี่ได้แค่ 2 คนก็คือพี่สาวและเพื่อนเขา ) ทำให้เราผู้ไม่มีตังค์กินข้าว ต้องไปหลบที่ห้องน้ำเพราะไม่มีข้าวกิน บางวันก็ออกไปเดินนอกโรงเรียน แล้วรอกลับมาเรียน, บางวันก็ก้มหน้านอนเลย , เราเคยกินข้าวกับเพื่อนในห้องอีกคน เพราะเขาเรียกมากินด้วย เพื่อนคนนั้นเอาข้าวมา แต่เราไม่ได้เอาอะไรมาเพราะที่บ้านไม่มีๆจะกินยุแล้ว , แต่มีเพื่อนในกลุ่มคนนึ่ง ที่กินข้าวร่วมโต็ะกัน ถามว่า ”เธอเอาอะไรมากินหรอ ทำไมถึงกินของเพื่อน “ เรากลืนนํ้าลายไม่กล้าพูด เพราะไม่มีอะไร จริงๆ. ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่กล้ากินข้าวของเพื่อนอีกต่อไป . เรา กับพี่อีกคนก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก แต่ละปีเราจะไม่ชื้อเสื้อผ้าไป รร ใหม่กัน จะหาเสื้อผ้าเก่า ของพี่ชาย พี่สาวคนโตมาใส่ บางครั้งญาติก็เอาเสื้อผ้าเก่ามาให้ , รองท้าวไป รร เราขาดมาก ขาดสุดๆ เวลารวมกันหน้าเสาธง รร เราโคตรอายรองเท้า เราเลย ขาดมากๆที่สุดในรร , เสื้อก็ตัวใญ่ เพราะเอาของพี่คนโต มาใส่ การเรียนเรา ก็พอไปได้ ไม่เก่งสมองไวเหมือนเมื่อก่อน มีอะไรหลายๆอย่างให้ต้องคิด , พี่สาวอีกคนถือว่าดีเลยที่เดียว, เพราะนางไม่ค่อยคิดมากเหมือนหนู เพราะแม่กับพี่สาวคนโตช่วย support ยุเพราะยังเรียนเก่งยุเหมือนเดิม , ส่วนเราไม่มีอะไรเลย สมุดจดหนังสือ ก็ต้องไปหาเอาของพี่สาวพี่ชายที่ยังเหลืออยู่ อันไหนที่พี่สาวพี่ชายเขียนแล้ว หนูก็ฉีกออก เหลืออันไหนที่ยังไม่ได้เขียนหนูก็เอามาทำเป็นสมุดของตัวเองไว้จดในห้องเรียน เรียนกี่วิชาหนูก็ใช้สมุดแค่อันเดียวใน
คนที่ดี กับ คนที่รักที่สุด ต้องเลือกใคร กับคนที่ไม่สามารถเลือกใครได้จากความรู้สึกของตัวเอง ต้องเลือกใครบ้างคนเพื่อครอบคร