เจ้าจ๋า ผู้กล้าแห่งภูมะเขือ บทที่ 1

ณ ชายแดนด้านตะวันออกของประเทศไทย ที่ตำบลภูมะเขือ จังหวัดชายขอบซึ่งห่างไกลจากเมืองใหญ่ ถนนลูกรังที่ทอดผ่านภูเขาและไร่ข้าวโพดสองข้างทาง นำพานักข่าวภาคสนามคนหนึ่งมายังจุดตรวจแห่งหนึ่งของทหารพรานชายแดนซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ “เจ้าจ๋า” — สุนัขจรจัดธรรมดา ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญท่ามกลางเสียงปืนและกลิ่นดินปืน

บริเวณด่านตรวจกลางป่าไผ่ ลมพัดหอบฝุ่นแดงลอยคลุ้งไปทั่ว เสียงวิทยุสื่อสารดังสลับกับเสียงฝีเท้าทหารที่ออกลาดตระเวน ท่ามกลางความเครียดเงียบงันนั้น มีสุนัขตัวหนึ่งนอนเหยียดตัวอยู่ใต้เงาไม้ริมค่าย ดวงตาคู่นั้นสอดส่องเงียบ ๆ ด้วยความชาญฉลาด มันมีขนสีน้ำตาลเข้ม มีรอยแผลเป็นเก่า ๆ ที่ใบหูซ้าย และหางที่ขาดไปครึ่งหนึ่ง — ผู้พันประสิทธิ์ เจ้าของหน่วยประจำด่าน เรียกมันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าจ๋า”

“ตอนแรกที่มันมา มันผอมแห้ง ซุกหัวอยู่หลังโกดังเสบียง พวกเรายังคิดว่าคงอยู่ไม่รอด” สิบเอกอาคม เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง ขณะชี้ไปยังบริเวณลานฝึกตรงที่เจ้าจ๋านั่งเฝ้าประจำ “แต่ไม่กี่วัน มันเริ่มเดินตามทหารเวลาออกลาดตระเวน บางทีเดินนำหน้าซะด้วยซ้ำ เหมือนรู้เลยว่าทางไหนปลอดภัย ทางไหนมีกับระเบิด”

เจ้าจ๋าไม่ได้รับการฝึกอย่างเป็นทางการ ไม่มีปลอกคอ ไม่มีทะเบียน แต่ในทุกเช้าก่อนทหารจะออกเดินทาง มันจะยืนหน้าตรงที่ประตูค่าย รอเข้าร่วมภารกิจ ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก หรือแม้แต่มีเสียงปืนปะทะจากแนวชายแดนในวันก่อนหน้า มันก็ยังมาอย่างเงียบ ๆ เสมอ

ไม่ใช่แค่ทหาร แต่คนในหมู่บ้านภูมะเขือก็รู้จักเจ้าจ๋า ชาวบ้านบางคนถึงกับเอ่ยว่า “มันเหมือนเจ้าที่ประจำค่าย มากกว่าหมา” เพราะมันมักโผล่มาในเวลาคับขันเสมอ วันหนึ่ง ขณะทหารลาดตระเวนตามแนวเขา ได้ยินเสียงเห่าลั่นจากพุ่มไม้ พวกเขาชะงัก ก่อนจะพบกับสายไฟฝังอยู่ใต้ดิน ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นสายไฟเชื่อมกับระเบิดแสวงเครื่อง

“ถ้ามันไม่เห่า วันนั้นพวกเราคงมีคนเจ็บแน่” ผู้กองตรีนัย พูดด้วยเสียงเรียบแต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความระลึกถึง “มันช่วยชีวิตพวกเราไว้หลายครั้งโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”

แม้จะเป็นเพียงหมาจร แต่เจ้าจ๋าไม่เคยแสดงความหวาดกลัวต่อเสียงปืน หรือเสียงระเบิด ทหารบางคนเคยเห็นมันนั่งอยู่บนเนินข้างค่าย มองไปยังแนวป่าเงียบ ๆ ในวันที่เพิ่งมีเหตุปะทะ ท่ามกลางกลิ่นดินปืนและเศษระเบิดที่ยังไม่ทันเคลียร์ มันยังยืนเฝ้าอย่างไม่ละสายตา

“เราเสียเพื่อนร่วมรบไปหลายคน แต่เจ้าจ๋ายังอยู่... มันเหมือนเครื่องเตือนใจให้เรารู้ว่าความกล้าหาญไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบ” ผู้พันประสิทธิ์พูดพลางลูบหัวมันเบา ๆ

ณ จุดชายแดนที่ไม่มีใครพูดถึงในข่าวหน้าหนึ่ง เจ้าจ๋ายังคงยืนอยู่ ณ ด่านเล็ก ๆ ที่ภูมะเขือ ที่ซึ่งเสียงปืนอาจดังขึ้นได้ทุกเมื่อ และที่ซึ่งผู้กล้า ไม่มีเสื้อเกราะ ไม่มีคำสรรเสริญ แต่มีหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่