กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘
ร่วมสืบสานภาษาไทย ปลูกฝังคนรุ่นใหม่ ให้ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
วันอังคารที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๓๐ น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ เครือข่ายทางวัฒนธรรม สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งที่มีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตัวเอง เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ชาวไทยทุกคนภาคภูมิใจ จากประวัติศาสตร์และหลักฐานการประดิษฐ์อักษรไทยที่ปรากฏตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า ๗๓๐ ปี และ “ภาษา” เป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศและมีการประดิษฐ์คิดค้นวิธีการติดต่อสื่อสารในรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งมีผลกระทบต่อคนจำนวนมากในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ดังนั้น เพื่อให้การใช้ภาษาไทย เกิดความเหมาะสมในการติดต่อสื่อสารและเป็นการสืบสาน สืบทอดการใช้ภาษาให้ถูกต้องจึงมีความจำเป็นที่คนไทยทุกคนต้องเรียนรู้เช่นเดียวกัน
นายประสพ กล่าวต่อว่า การจัดงานในปีนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ซึ่งตรงกับ “วันภาษาไทยแห่งชาติ” อีกทั้งยังตระหนักถึงการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง เหมาะสม เพื่อร่วมกันสร้างค่านิยมและจิตสำนึก พร้อมทั้งส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนเห็นความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย ดังพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๕ ว่า “ภาษาไทยนั้น เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ชนิดหนึ่ง คือ เป็นทางสำหรับแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง เช่น ในทางวรรณคดี เป็นต้น ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ให้ดี เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองมาแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้”
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเสริมว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลและองค์กรที่มีบทบาทโดดเด่นด้านภาษาไทยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้พิจารณาคัดเลือกบุคคลและองค์กรเพื่อรับเข็มและโล่เชิดชูเกียรติทางด้านภาษาไทย แบ่งเป็น ๔ ประเภท จำนวน ๑๖ รางวัล ดังนี้
๑.ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย จำนวน ๑ ราย ได้แก่ รองศาสตราจารย์จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ
๒.ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จำนวน ๗ ราย ได้แก่ (๑) นายกิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน (๒) นายเผด็จ บุญหนุน (๓) รองศาสตราจารย์วิภาส โพธิแพทย์ (๔) นายสมพล เข็มกำเหนิด (๕) นายเอกรัตน์ จิตรมั่นเพียร (๖) นายอนุสรณ์ ติปยานนท์ และ (๗) รองศาสตราจารย์อรชุมา ยุทธวงศ์
๓.ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น จำนวน ๖ ราย ได้แก่ (๑) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประภาศ ปานเจี้ยง (๒) ผู้ช่วยศาสตราจารย์พวงผกา ธรรมธิ (๓) นายยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ (๔) นายวิเชียร รัตนบุญโน (๕) นางสำรวม ดีสม และ (๖) นายอรุณศิลป์ ดวงมูล
๔.ผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย จำนวน ๑ ราย และ ๑ องค์กร ดังนี้
ประเภทบุคคล ได้แก่ นางสุรีย์ พันเจริญ
ประเภทองค์กร ได้แก่ สมาคมกวีร่วมสมัย
ด้านกรมศิลปากร ในฐานะหน่วยงานหลักด้านมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ได้ดำเนินกิจกรรมที่สำคัญ ๓ กิจกรรม โดยมีผู้ได้รับรางวัลในแต่ละกิจกรรม ดังนี้
๑. การประกวดเพลง “เพชรในเพลง” เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ จัดขึ้นเพื่อยกย่องบุคคลในวงการเพลงที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย ได้แก่ นักประพันธ์เพลงที่มีความสามารถผสมผสานความรู้ทางภาษา วรรณศิลป์ คีตศิลป์ และจินตนาการได้อย่างเหมาะสม และนักร้องที่ขับร้องเพลงได้ชัดเจนและถูกต้องตามหลักภาษาไทย มีศิลปะการใช้เสียง และถ่ายทอดจังหวะอารมณ์ในการขับร้องได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร หรือโครงการที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมภาษาไทย และมีคุณูปการต่อวงการเพลง โดยผลการประกวดเพลง “เพชรในเพลง” เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ มีทั้งสิ้น ๒๐ รางวัล ได้แก่
รางวัลการประพันธ์เพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๖ รางวัล
๑. รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล
ได้แก่ นายศุภชัย เจียรวนนท์ จากเพลง กตัญญู
๒. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล
ได้แก่ นายกฤตศิลป์ ฉลองขวัญ จากเพลง ฟ้าหลังฝน
๓. รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง
ได้แก่ นายสลา คุณวุฒิ จากเพลง ผู้หญิงหัวใจอีสาน
๔. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง
ได้แก่ นายพีรพัฒน์ คงเพ็ชร จากเพลง ไอดินกลิ่นหญ้า
๕. รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงเพื่อชีวิต
ได้แก่ นายพยัพ คำพันธุ์ จากเพลง สู้ชีวิต
๖. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงเพื่อชีวิต
ได้แก่ นายสุรศักดิ์ ตันน้อย (กฤช เกรียงไกร)
และ นายประเสริฐ พงษ์ธนานิกร (ราชันย์ วังทอง)
จากเพลง ชีวิต คือ อนัตตา
รางวัลการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๑๒ รางวัล
๑. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย
ได้แก่ นายทชภณ พลกองเส็ง (พลพล พลกองเส็ง) จากเพลง อยากให้รู้ว่าห่วงใย
๒. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย
ได้แก่ นายรัชเมศฐ์ สุวโชคพิบูลย์ (เล็ก รัชเมศฐ์) จากเพลง ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
๓. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง
ได้แก่ นางสาวสรวีย์ ธนพูนหิรัญ (ผิงผิง) จากเพลง ฟ้าหลังฝน
๔. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง
ได้แก่ นางสาวกวิสรา คงบุญศิริคุณ (กอกี้ กวิสรา) จากเพลง Life of อีหล่า
๕. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย
ได้แก่ นายอนันต์ อาศัยไพรพนา (นัน อนันต์) จากเพลง จีบเธอได้ไหม
๖. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย
ได้แก่ นายกิตติคุน บุญค้ำจุน (มนต์แคน แก่นคูน) จากเพลง แฟนบ่ว่าบ้อ
๗. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง
ได้แก่ นางสาวสุทธิยา รอดภัย (ใบเฟิร์น สุทธิยา) จากเพลง เสียงหวานจากหลานย่าโม
๘. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง
ได้แก่ นางสาวกาญจนา มาศิริ จากเพลง แฟนเก่าที่เรายังรัก
๙. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตชาย
ได้แก่ นายวรพล นวลผกา (น๊อตตี้ freedom) จากเพลง สู้ชีวิต
๑๐. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตชาย
ได้แก่ นายอิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี (จ๋าย ไททศมิตร)
จากเพลง แอบเก็บความในใจไว้ภายในแว่นเรย์แบนสีดำ
๑๑. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตหญิง
ได้แก่ นางสาวชนาภรณ์ ทวีชาติ (แพร ชนา) จากเพลง คลื่น
๑๒. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตหญิง
ได้แก่ นางสาวชฎาพร เถาบุญ (บักฟ้า ชฎาพร) จากเพลง พรหนึ่งข้อ
รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ จำนวน ๒ รางวัล
๑. รางวัลเชิดชูเกียรติ นัจจกรผู้สร้างสรรค์บทเพลงและบทละครเวที
ได้แก่ นางดารกา วงศ์ศิริ
๒. รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้มีคุณูปการต่อวงการเพลงและดนตรี
ได้แก่ นายอานันท์ นาคคง


กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ร่วมสืบสานภาษาไทย ปลูกฝังคนรุ่นใหม่ ให้ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
วันอังคารที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๓๐ น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ เครือข่ายทางวัฒนธรรม สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งที่มีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตัวเอง เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ชาวไทยทุกคนภาคภูมิใจ จากประวัติศาสตร์และหลักฐานการประดิษฐ์อักษรไทยที่ปรากฏตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า ๗๓๐ ปี และ “ภาษา” เป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศและมีการประดิษฐ์คิดค้นวิธีการติดต่อสื่อสารในรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งมีผลกระทบต่อคนจำนวนมากในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ดังนั้น เพื่อให้การใช้ภาษาไทย เกิดความเหมาะสมในการติดต่อสื่อสารและเป็นการสืบสาน สืบทอดการใช้ภาษาให้ถูกต้องจึงมีความจำเป็นที่คนไทยทุกคนต้องเรียนรู้เช่นเดียวกัน
นายประสพ กล่าวต่อว่า การจัดงานในปีนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ซึ่งตรงกับ “วันภาษาไทยแห่งชาติ” อีกทั้งยังตระหนักถึงการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง เหมาะสม เพื่อร่วมกันสร้างค่านิยมและจิตสำนึก พร้อมทั้งส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนเห็นความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย ดังพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๕ ว่า “ภาษาไทยนั้น เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ชนิดหนึ่ง คือ เป็นทางสำหรับแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง เช่น ในทางวรรณคดี เป็นต้น ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ให้ดี เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองมาแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้”
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเสริมว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลและองค์กรที่มีบทบาทโดดเด่นด้านภาษาไทยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้พิจารณาคัดเลือกบุคคลและองค์กรเพื่อรับเข็มและโล่เชิดชูเกียรติทางด้านภาษาไทย แบ่งเป็น ๔ ประเภท จำนวน ๑๖ รางวัล ดังนี้
๑.ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย จำนวน ๑ ราย ได้แก่ รองศาสตราจารย์จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ
๒.ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จำนวน ๗ ราย ได้แก่ (๑) นายกิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน (๒) นายเผด็จ บุญหนุน (๓) รองศาสตราจารย์วิภาส โพธิแพทย์ (๔) นายสมพล เข็มกำเหนิด (๕) นายเอกรัตน์ จิตรมั่นเพียร (๖) นายอนุสรณ์ ติปยานนท์ และ (๗) รองศาสตราจารย์อรชุมา ยุทธวงศ์
๓.ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น จำนวน ๖ ราย ได้แก่ (๑) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประภาศ ปานเจี้ยง (๒) ผู้ช่วยศาสตราจารย์พวงผกา ธรรมธิ (๓) นายยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ (๔) นายวิเชียร รัตนบุญโน (๕) นางสำรวม ดีสม และ (๖) นายอรุณศิลป์ ดวงมูล
๔.ผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย จำนวน ๑ ราย และ ๑ องค์กร ดังนี้
ประเภทบุคคล ได้แก่ นางสุรีย์ พันเจริญ
ประเภทองค์กร ได้แก่ สมาคมกวีร่วมสมัย
ด้านกรมศิลปากร ในฐานะหน่วยงานหลักด้านมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ได้ดำเนินกิจกรรมที่สำคัญ ๓ กิจกรรม โดยมีผู้ได้รับรางวัลในแต่ละกิจกรรม ดังนี้
๑. การประกวดเพลง “เพชรในเพลง” เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ จัดขึ้นเพื่อยกย่องบุคคลในวงการเพลงที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย ได้แก่ นักประพันธ์เพลงที่มีความสามารถผสมผสานความรู้ทางภาษา วรรณศิลป์ คีตศิลป์ และจินตนาการได้อย่างเหมาะสม และนักร้องที่ขับร้องเพลงได้ชัดเจนและถูกต้องตามหลักภาษาไทย มีศิลปะการใช้เสียง และถ่ายทอดจังหวะอารมณ์ในการขับร้องได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร หรือโครงการที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมภาษาไทย และมีคุณูปการต่อวงการเพลง โดยผลการประกวดเพลง “เพชรในเพลง” เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๘ มีทั้งสิ้น ๒๐ รางวัล ได้แก่
รางวัลการประพันธ์เพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๖ รางวัล
๑. รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล
ได้แก่ นายศุภชัย เจียรวนนท์ จากเพลง กตัญญู
๒. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล
ได้แก่ นายกฤตศิลป์ ฉลองขวัญ จากเพลง ฟ้าหลังฝน
๓. รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง
ได้แก่ นายสลา คุณวุฒิ จากเพลง ผู้หญิงหัวใจอีสาน
๔. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง
ได้แก่ นายพีรพัฒน์ คงเพ็ชร จากเพลง ไอดินกลิ่นหญ้า
๕. รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงเพื่อชีวิต
ได้แก่ นายพยัพ คำพันธุ์ จากเพลง สู้ชีวิต
๖. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงเพื่อชีวิต
ได้แก่ นายสุรศักดิ์ ตันน้อย (กฤช เกรียงไกร)
และ นายประเสริฐ พงษ์ธนานิกร (ราชันย์ วังทอง)
จากเพลง ชีวิต คือ อนัตตา
รางวัลการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๑๒ รางวัล
๑. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย
ได้แก่ นายทชภณ พลกองเส็ง (พลพล พลกองเส็ง) จากเพลง อยากให้รู้ว่าห่วงใย
๒. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย
ได้แก่ นายรัชเมศฐ์ สุวโชคพิบูลย์ (เล็ก รัชเมศฐ์) จากเพลง ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
๓. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง
ได้แก่ นางสาวสรวีย์ ธนพูนหิรัญ (ผิงผิง) จากเพลง ฟ้าหลังฝน
๔. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง
ได้แก่ นางสาวกวิสรา คงบุญศิริคุณ (กอกี้ กวิสรา) จากเพลง Life of อีหล่า
๕. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย
ได้แก่ นายอนันต์ อาศัยไพรพนา (นัน อนันต์) จากเพลง จีบเธอได้ไหม
๖. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย
ได้แก่ นายกิตติคุน บุญค้ำจุน (มนต์แคน แก่นคูน) จากเพลง แฟนบ่ว่าบ้อ
๗. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง
ได้แก่ นางสาวสุทธิยา รอดภัย (ใบเฟิร์น สุทธิยา) จากเพลง เสียงหวานจากหลานย่าโม
๘. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง
ได้แก่ นางสาวกาญจนา มาศิริ จากเพลง แฟนเก่าที่เรายังรัก
๙. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตชาย
ได้แก่ นายวรพล นวลผกา (น๊อตตี้ freedom) จากเพลง สู้ชีวิต
๑๐. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตชาย
ได้แก่ นายอิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี (จ๋าย ไททศมิตร)
จากเพลง แอบเก็บความในใจไว้ภายในแว่นเรย์แบนสีดำ
๑๑. รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตหญิง
ได้แก่ นางสาวชนาภรณ์ ทวีชาติ (แพร ชนา) จากเพลง คลื่น
๑๒. รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงเพื่อชีวิตหญิง
ได้แก่ นางสาวชฎาพร เถาบุญ (บักฟ้า ชฎาพร) จากเพลง พรหนึ่งข้อ
รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ จำนวน ๒ รางวัล
๑. รางวัลเชิดชูเกียรติ นัจจกรผู้สร้างสรรค์บทเพลงและบทละครเวที
ได้แก่ นางดารกา วงศ์ศิริ
๒. รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้มีคุณูปการต่อวงการเพลงและดนตรี
ได้แก่ นายอานันท์ นาคคง