นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาว่า สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น โดยประเมินความเสียหายใน 7 จังหวัด ไม่รวมผลกระทบทางการค้า เบื้องต้นอยู่ที่กว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลกำลังพิจารณาทบทวนงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออยู่กว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ดูแลผลกระทบ ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องมีการก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการประเมินผลภาพรวมด้วย แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย สภาพเศรษฐกิจชายแดนก็คงกลับไปเหมือนเดิม
“กระทรวงคลังจะมีการรวบรวมงบมาใช้ดูแลจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และงบที่มีอยู่อาจจะไม่พอ ต้องรวบรวมงบจากที่อื่นมาช่วยด้วย แต่จะไม่มีการกู้เพิ่ม โดยหากจะกู้ ก็เป็นการกู้ตามแผนงบประมาณ”
ขณะที่มาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา นั้น นายพิชีย กล่าวว่า แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มาตรการในระดับพื้นที่ และมาตรการของสถาบันการเงินของรัฐ โดย มาตรการระดับพื้นที่ ประกอบด้วย 1.ขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดละ 100 ล้านบาท และพร้อมพิจารณาขยายเพิ่มหากไม่เพียงพอ เพื่อให้จังหวัดสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัวและตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่
2.อำนวยความสะดวกในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านความมั่นคงให้สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน ผ่านวิธีเฉพาะเจาะจง และ 3.เมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่เกษตรกร จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) สำหรับผู้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีมาตรการด้านภาษี ด้วยการเลื่อนเวลาการยื่นแบบและการชำระภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ จากเดิมระหว่างวันที่ 24 ก.ค.-31 ส.ค.68 เป็นภายใน 30 ก.ค.68 อีกทั้งประชาชนสามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ความเสียหายได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท และสำหรับยานพาหนะไม่เกิน 30,000 บาท
ส่วนมาตรการจากสถาบันการเงินของรัฐ ส่วนใหญ่จะเป็นการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป 1-2 ปี และมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ฟื้นฟูอาชีพ ชีวิตและทรัพย์สิน ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% นาน 5 ปี ผู้ที่บ้านเสียหายทั้งหลัง หรือทุพพลภาพ/เสียชีวิต ได้สิทธิอัตราดอกเบี้ย 0.01% ตลอดอายุสัญญา
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยว หลังจากเกิดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า จากการตรวจสอบในช่วงเช้าของวันที่ 29 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางแล้ว 8,000 ราย แต่ยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบิน ซึ่งตนยังไม่ดูรายละเอียดเรื่องสัญชาติว่ามีชาติอะไรยกเลิกบ้าง แต่ขณะนี้ได้ทำหนังสือไปยังสถานทูตประเทศต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในต่างประเทศ ให้ทำหนังสือชี้แจงแล้ว ว่าจุดที่ปะทะไม่ใช่เป็นจุดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น จะกระทบจากเรื่องประกันภัยการท่องเที่ยว โดยแต่ละประเทศจะมีการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวของตัวเองว่าประกันจะไม่ครอบคลุม ทำให้ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ซึ่งททท.และกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะต้องเร่งทำความเข้าใจและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่นั้น ในฐานะภาครัฐ ก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้ยอดนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมาย
https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2873516
ปะทะไทย-กัมพูชาสูญเสียหมื่นล้าน นักท่องเที่ยวยกเลิกเดินทางแล้ว 8,000 ราย