🛕ปราสาทอาจเป็นแค่ตัวหลอก เพราะตัวจริงคือ "ปิโตรเลียม"!


1) ถ้าลองดูปัญหาเรื่องดินแดน #ไทยกับกัมพูชา ที่ไม่จบมา 50 กว่าปี ก็พอจะดูรู้ว่ามันไม่ปกติครับ เพราะถ้าการเจรจาปกติเป็นสิบๆปี ก็ควรจะหาข้อยุติได้แล้ว นั่นหมายความว่าจุดนั้น มีผลประโยชน์อย่างมหาศาล

2) ทรัพยากรบริเวณน่านน้ำของไทย ที่มีความทับซ้อนกับกัมพูชา ถูกประเมินว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันด้านปิโตรเลียมสูงถึง 10 ล้านล้านบาท และพยายามเจรจามาหลายยุคสมัย ตั้งแต่ทักษิณเป็นนายก ไล่มาจนเศรษฐา ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้

3) ในขณะที่เรากับมาเลเซีย ก็มีข้อตกลงนี้ ใช้เวลาหลายสิบปีเช่นกัน แต่หาข้อยุติเป็นข้อตกลงร่วมกันที่ได้ผลประโยชน์ร่วมและแบ่งผลประโยชน์เท่าเทียมกัน จนมัน win-win situation ให้ทั้งคู่ได้ใช้ประโยชน์จากปิโตรเลียม มีรายได้เข้าทั้ง 2 ประเทศ มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

4) แต่พอย้อนกลับมาดูฝั่งไทย-กัมพูชา มีข้อถกเถียงจนไปสู่ข้อสรุปได้เพียง MOU2544 เพื่อสรุปว่า เรามีพื้นที่น่านน้ำทับซ้อนกัน และยอมรับว่ามีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถทำอะไรต่อได้เลย ทั้งหมดเกิดขึ้นในยุคทักษิณ

5) สิ่งที่ทำให้ฮุน เซนต้องการนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นคนที่ตัวเองคุยง่าย เพราะอยากให้ได้คุยเรื่องดินแดนพื้นที่ทับซ้อน และผลประโยชน์ปิโตรเลียมที่ค้างคาไว้ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วงเลือกตั้งปี 2566 เขาแสดงออกชัดเจนถึงการไม่ยอมรับ "พิธา และพรรคก้าวไกล" เพราะสิ่งที่เขาตั้งใจสานต่อไว้ ยังไม่ประสบความสำเร็จ และต้องการให้นายกไทยเป็นคนสนิท ที่เขาคุยได้ ไม่ใช่พรรคหัวก้าวหน้า ที่ยากจะอ่อนข้อให้

6) ความสัมพันธ์ของ 2 ตระกูล ระหว่างฮุน เซน และชินวัตร ที่มีความสนิทชิดเชื้อ อาจมองเป็นความตั้งใจหนึ่งที่ผ่านมา ที่ทางกัมพูชาต้องการได้รับผลประโยชน์จากทรัพยากรร่วมตรงที่อยู่ในข้อตกลง MOU2544 และนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งของสงครามครั้งนี้ เพราะเขาต้องการไปสู่จุดที่รุกคืบไปในทุกพื้นที่ เพื่อผลประโยชน์ที่ตนอยากได้สูงสุด และไม่มีใครรู้เลยว่า ในส่วนตัวระหว่างผู้นำกัมพูชา และตระกูลชินวัตร ได้ตกลงอะไรเอาไว้หรือไม่? และเกิดอะไรขึ้นระหว่างเส้นทางไปสู่ความแตกหักนี้ จนทำให้ประเทศกัมพูชา ก่อสงครามกับไทย

7) ส่วนตัว มองว่าปราสาท จริงๆแล้วอาจจะเป็นแค่ตัวหลอกก็ได้ เพราะดินแดนบนบกที่กัมพูชาเคยได้ไปอย่าง "เขาพระวิหาร" เราก็คงเห็นแล้วว่า เขาไม่บูรณะ ไม่ดูแลให้ดี และไม่เคยให้ความสำคัญเลย จนสภาพมันเป็นซากปรักหักพังและทรุดโทรม สุดท้าย มันเป็นแค่หมุดหมายเชิงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ที่เขาแค่ต้องการเอาคืน และต้องการชัยชนะ ที่ใช้คำว่าเอาคืน เพราะในการศึกษาบ้านเขา ยังสอนให้เชื่อว่าปราสาท และพื้นที่ในไทยเป็นของเขาจนถึงทุกวันนี้ ความเชื่อนี้ถูกหล่อหลอมและสะกดจิตคนในชาติมาตลอด ดังนั้น ต่อให้ได้ปราสาทไปเพิ่ม ก็แค่ได้ไป แต่ไม่เห็นค่า แต่ปิโตรเลียม อาจจะเป็นของจริงที่เขารออยู่เพื่อผลประโยชน์สูงสุด

8 ) ประเทศที่ยากจน อย่างกัมพูชา ที่แทบไม่เหลือมูลค่าอะไรทางธรรมชาติให้ทำเงิน นอกจากรายได้ที่ได้จากตลาดบ่อนขนาดยักษ์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย่อมไม่น่าแปลกใจ ที่พยายามหาแหล่งประโยชน์ที่สร้างความมั่งคั่งให้ชนชั้นผู้นำ เพราะมันเป็นหมุดหมายเดียวที่เขาเหลืออยู่ในการครอบครอง เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตระกูลตัวเอง ไม่ใช่เพื่อประชาชน หรือทำเพื่อประเทศของเขาอย่างแท้จริง

9) สาเหตุที่กัมพูชา อ้างแผนที่ 1:200,000 เอาปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย และอีกมากมาย เพื่อที่จะเอาดินแดนเพิ่มจากไทย / หลักหมุดเขตแดนก็จะถูกขยับ โดยหลักหมุดสำคัญ หลักที่ 73 จังหวัดตราด ถ้าขยับ กัมพูชามีโอกาสสูงมาก ที่จะได้ทรัพยากรทางทะเล

10) ข้อสรุปของเรื่องนี้ ที่เราอาจจะคาดคะเนได้ คือ "กัมพูชาอาจจะไม่ยอมจบกับเรา เพราะไม่ต้องการยอมรับผลประโยชน์ร่วม" แต่เขาต้องการ "ประโยชน์ให้เป็นของเขาฝ่ายเดียว" มันจึงเจรจาไม่จบ และรุกคืบมากขนาดนี้ เพราะถ้าต้องการผลประโยชน์ร่วมจริง ต้องมีข้อสรุปที่ดี เหมือนกับที่เราทำได้กับมาเลเซีย มันจะไม่ออกมาทรงนี้ เป็นการใช้สงครามอันโง่เขลา จากผู้นำบ้าอำนาจของเขาเลย

ต้องรอดูต่อไป ... กัมพูชา ไม่ได้จบแค่ปราสาทแน่นอน


ที่มา : ตุ๊ดส์review
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่