เลี้ยงลูกแบบอนาล็อก ทำได้มั้ยในยุคนี้ .. บันทึกเรือ่งราวเลี้ยงลูกสวนกระแส

ปุจฉา :
คุณคิดว่า การเลี้ยงลูกแบบห่างไกลดิจิตัล ทำได้หรือไม่ในยุคนี้ และ ส่งผลดีอย่างไรบ้าง?

ต่อไปนี้คือบันทึกเรือ่งราวกว่า 10 ปี ของการเลี้ยงลูกสาวหนึ่งหน่วย จนโตมาบัดเดี๋ยวนี้ เดินทางออกไปในโลกห่างไกลพ่อแม่แล้ว ในวัย 16 ปี กับการได้ทุนไปเรียนไฮสคูลที่ต่างประเทศ นับย้อนไป หนึ่งในการเดินทางคือ การเลี้ยงลูกแบบ อนาล็อก

ลูกสาวเป็นเด็กที่เกิดช่วงปี 2008 เกิดมาพร้อมกับสมาร์ทโฟน กับดิจิตัล กับอินเทอรืเน็ท เกิดมาก็มีไอแพดแล้ว แต่ ที่บ้านตัดสินใจว่า จะเลี้ยงลูกแบบย้อนยุค


วัยทารก
ลูกจะไม่ได้แตะไอแพด แท็บเล็ท เลย ในตอนนั้นสมาร์ทโฟนเริ่มมีแล้วแต่ยังไม่ได้ใช้กันแพร่หลายจริงจัง พ่อแม่ ใช้แบล็คเบอรี่ จึงไม่มีจอสี่เหลี่ยมให้ลูกจับเลย
สิ่งที่ลูกได้เล่นคือ ของเล่นประดิษฐ์เองในบ้าน เช่น ตัดกระดาษสีเป็นรูปต่างๆเคลือบพลาสติก วาดรูปสัตว์ เจ้าชาย เจ้าหญิง จากนิทาน แล้วปรินท์ออกมาเคลือบพลาสติก แขวนเส้นเอ็นห้อยลงจากเพดานระโยงระยางเต็มบ้าน ให้ลูกเล่น
ติดกระดาษบนฝาผนังให้ลูกเขียนเล่นได้ตามอิสระ และ ซื้อสีไร้สารพิษมาเตรียมพร้อมตลอดเวลา พร้อมทั้ง ติดมือจับตามมุมต่างๆของผนัง(แบบที่ติดให้คนแก่) ให้ลูกได้จับเพื่อดึงตัวเองยืน เกาะได้
นอกจากนี้ ยังมีของเล่นทำเองอีกมากมายเช่น เอาถุงเท้าเก่าๆมายัดนุ่นเย็บเป็นก้อนกลม ไว้โยนไปติดตีนตุ๊กแกตามผนังบ้าน เอาถุงน่องเก่าๆของแม่ มายัดนุ่นและเสื้อยืดเก่าๆที่ตัดเป็นริ้วจนแน่น ใส่กระพรวนข้างใน เย็บปิดเป็นปล้องๆแบบไส้กรอกอีสาน บีบเล่น โยนเล่นไปมา คลานไปเก็บได้



ปฐมวัย วัยอนุบาล
ถึงวัยนี้ เริ่มให้จับแท็บเล็ทแล้วแต่จะเล่นด้วยกันเท่านั้น ไม่มีการทิ้งให้เล่นเอง และ เล่นเฉพาะเวลาจำเป็นต้องให้นิ่งเช่น ไปกินข้าวนอกบ้าน ไปในที่สาธารณะ เตรียมไว้เผื่อ แต่กิจกรรมหลักๆที่ลูกสาวเล่นคือ ดินน้ำมัน และการปั้นแป้งโดว์ (แป้งโดว์ทำเอง นวดเอง ใช้สีแบบไม่มีพิษ) เริ่มต่อจิ๊กซอว์ง่ายๆ ต่อเลโก้อย่างง่าย

รวมถึงการวาดภาพด้วยสีเทียน เพื่อเน้นพัฒนาการกล้ามเนื้อมือและนิ้วมือไปด้วย
เริ่มสอนให้ทำอาหาร ปั้นแป้งทำขนม นวดแป้งทำขนมปังกินกันเอง ทำปาท่องโก๋ เจลลี่

เริ่มเล่นการทดลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆเช่น ต้มน้ำให้มีไอ มาเป่ากังหันกระดาษหมุนได้ เริ่มช่วยกันปลูกถ่วงอกในกล่องนมเก่าๆ(ที่กินเหลือแล้วมาล้าง) คอยรดน้ำ เรียงตามวันที่ปลูกจนงอกยาว เอาถั่วงอกมากิน
เริ่มเลี้ยงปลาสวยงามในตู้ ต้องเปลี่ยนน้ำ ล้างตู้ทุกสัปดาห์ และ คอยดูสุขภาพปลา




วัยประถมต้น
ถึงตอนนี้ช่วงอายุ 6-9 ปี ก็ยังไม่ได้มีสมาร์ทโฟนให้จับ มีโทรศัพท์กดปุ่มให้ใช้สำหรับติดต่อกันเท่านั้น กิจกรรมหลักยังคงเป็นกิจกรรมเล่นต่างๆเช่น หลังเลิกเรียนกลับมาบ้าน จะกระโดดยางเล่นกันกับพ่อแม่ และเด็กๆในหมู่บ้าน วิ่งไล่จับ แปะแข็ง บอลลูนสี
นอกจากนั้น ยังเริ่มเรียนเทควันโด เลือกที่เรียนแบบจริงจัง เรียนเพื่อไปแข่งขัน ต้องไปซ้อมสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
และ เริ่มเรียนเปียโน สัปดาห์ละครั้ง กับฝึกซ้อมที่บ้านตามกำหนดเวลา สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
เร่ิมต่อเลโก้ซับซ้อน เล่นจิ๊กซอว์ 500 ชิ้น

เล่นตุ๊กตากระดาษ (แบบที่ทำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนใส่ได้) โดยให้ลูกวาดเอง ทำเอง ช่วยกันตัดออกมา
ความบันเทิง เริ่มให้อ่านการ์ตูน(มังงะ) ที่บ้านมีการ์ตูนเก่าๆเยอะมาก เช่น นินจาฮาโตริ โดราเอมอน ปาร์แมน ผีน้อยคิวทาโร่ เริ่มอ่านวรรณกรรมสำหรับเด็ก ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ




ประถมตอนปลาย
จุดเปลี่ยนชีวิต เพราะแยกทางกับภรรยา เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว
ช่วงอายุ 9-11 ขวบ เริ่ให้เล่นเกมส์ได้แล้ว แต่ ให้เล่นเกมส์เก่าๆ พวกมาริโอ้ คอนทร้า ทั้งเล่นคนเดียวหรือเล่นกับพ่อ เน้นเล่นเพื่อเาอชนะเกมส์ให้ได้ กิจกรรมอื่นๆทั้งเทควันโด เปียโน ก็ยังทำเหมือนเดิม
ยังคงให้อ่านการ์ตูนเหมือนเดิม แต่เพิ่มวรรณกรรม นิยาย เืรอ่งนั้น เน้นให้อ่านเวลาไปนอกบ้าน แทนการเล่นไอแพด นั่งรถทางไกล ไปเที่ยวบนเครื่องบิน รถบัส รถไฟ
โดยเริ่มจากตัวเองทำให้ลูกเห็นว่า เราไม่เล่นโทรศัพท์ แต่อ่านหนังสือนิยาย อ่านพ็อคเก็ทบุ๊ค

มีเพิ่มเติมเรือ่งคอมพิวเตอร์แล้ว สอนให้มีอีเมล ใช้คอมฯได้ มีไฟล์ต่างๆ วาดรูปในไอแพด หรือสแกนเข้าไปเซฟเก็บไว้ สอนใช้กูเกิ้ลค้นหา แต่ยังไม่มีคอมฯเป็นของตัวเอง ใช้ร่วมกันเฉพาะเวลาต้องการใช้เท่านั้น




มัธยมต้น
มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเองครั้งแรก ม.2
ขึ้นมัธยมลูกเปลี่ยนไปเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ(EP) เพราะคะแนนถึงเกณฑ์และสอบผ่าน

เริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว ให้อิสระมากขึ้น เกมส์ที่เล่น เริ่มเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์ โดยเน้นไปที่เกมส์ที่ใช้แข่งขันได้ สนับสนุนให้ลูกเล่นเกมส์เพื่อไปลงแข่งขัน ทำสตรีมมิ่ง สนับสนุนให้ลูกตั้งทีมอีสปอร์ตในโรงเรียน ทำชมรมอีสปอร์ต และทีมไปแข่งในอีเว้นต่างๆ
สอนให้ถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูปจริงๆ พาไปถ่ายรูปอาสาอุทกภัย (กู้ภัยลงพื้นที่ แล้วติดไปถ่ายรูปความเดือดร้อนของชาวบ้าน)
เร่ิมให้ตัดคลิปต่างๆเอง(ทำคลิปเล่นเกมส์)

เริ่มมีบัญชี Youtube เอง มีบัญชีไอจีของชมรม ช่วยกันดูแลกับเพื่อน ส่วน ธราะนา และ X เริ่มมีตอน 14 ปี
วันหยุดเน้นหากิจกรรมออกนอกบ้าน ไปเที่ยววัด ไปกางเต็นท์นอนต้มมาม่ากินในป่า ดูดาว ไปเก็บขยะชายหาดและป่าชายเลน ไปเป็นจิตอาสาสอนภาษาอังกฤษเด็กด้อยโอกาสตามชุมชนแออัดวันหยุด




มัธยมปลาย
สอบได้ทุนการศึกษาไปเรียนไฮสคูล จนตอนนี้เกรด 11 แล้ว เป็นสมาชิกทีมตอบคำถามวิชาการของโรงเรียน แข่งเก็บคะแนนเพื่อไปแข่งชิงแชมป์รัฐ
ไม่ได้เรียนเทควันโดต่อแล้ว ชีวิตดำเนินไปตามทางของเค้าเอง เลือกกิจกรรมทำเอง

อ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นเกมส์กับเพื่อนได้ เล่นโซเชียลตามวัยของพวกเค้าได้
แต่ก็ รับผิดชอบตัวเองได้ดี

แผนอนาคตคือ เรียนมหาวิทยาลัย ด้วยทุนและสิทธิ์โควต้าวิชาการ หรือ กลับมาไทย เรียนมหาลัยในไทย หลักสูตรนานาชาติ หรือ กลับมาไทยและสอบทุนการศึกษาต่างๆที่หาได้ ไปเรียนประเทศที่สาม เช่น เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น ที่มีทุนให้กับหลักสูตรนานาชาติ


ข้อดีที่ทบทวนแล้วรู้สึกว่าสำเร็จคือ
ความสุขของเค้าไม่ใช่จอสี่เหลี่ยม ไม่ใช่เด็กที่นึกไม่ออกก็จับโทรศัพท์ เกมส์คือนันทนาการคลายเครียด(เพราะตระหนักแล้วว่าแข่งไปไม่รุ่ง) หนัง อนิเมะ ซีรีย์  เสลาดูจะเทียบเคียงกับวรรณกรรม นิยาย สนใจเรื่องตัวละคร เนื้อเรื่อง การเล่าเรื่อง สนใจเรื่องภาพ สีสัน แสงมากกว่าพระเอกหล่อ นางเอกสวย

มีคาแร็คเตอร์ผสม ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน บางอย่างก็ช้ากว่าเพื่อน แต่ อดทนกับแรงกดดันได้มากกว่าเพื่อน ไม่ได้เรียนเก่งมาก แต่ทำงานหนักได้ ใช้เทคโนโลยีเป็น ปรับตัวกับของใหม่ๆได้ไม่มีปัญหาอะไร


จุดด้อยและข้อควรระวัง
เนือ่งจากกิจกรรมที่มากมาย ลูกสาวไม่เคยเรียนพิเศษอะไรเลย มีความพยายามในการฝึกทักษะกันเองเช่น อังกฤษ คณิต แต่สุดท้าย ช่วงมัธยมต้น คณิตศาสตร์ถือว่าอ่อน ไปถนัดภาษา สังคม ประวัติศาสตร์มากกว่า และ กลายเป็นเด็กไม่ชอบวิชาเลขไปทันที
ไปเรียนอเมริกา เรียนวิชาด้านสังคมศาสตร์เป็นหลัก ดังนั้น แม้จะเป็นคนชอบเกมส์ และคอมพิวเตอร์ เคยอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ทำเกมส์ มาถึงจุดๆนี้ ก็ต้องพับฝันนั้นไปแล้ว



หมายเหตุ
-ใช้ภาพประกอบเป็น AI เพื่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่อาจเกี่ยวข้อง
-เปิดบัญชีใหม่ ยุติบัญชีเก่าไปแล้ว ใครพอจำกันได้บ้างมั้ยนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่