Patriot PAC-3 ที่ถูกขายไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดีลการจัดซื้อและอัปเกรดระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ Patriot PAC-3 ที่สำคัญซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยคำนวณราคาเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 32 บาท
<u>ภูมิภาคยุโรป</u>
* โปแลนด์ (Poland)
* ปี 2018: $4,750 ล้านดอลลาร์ (~152,000 ล้านบาท) - ซื้อระบบ Patriot/IBCS 2 กองร้อย พร้อมขีปนาวุธ PAC-3 MSE 208 นัด
* ปี 2023: $15,000 ล้านดอลลาร์ (~480,000 ล้านบาท) - ดีลใหญ่ ซื้อระบบ Patriot/IBCS เพิ่ม 6 กองพัน (12 กองร้อย) และขีปนาวุธ PAC-3 MSE อีก 644 นัด
* โรมาเนีย (Romania)
* ปี 2017: $3,900 ล้านดอลลาร์ (~124,800 ล้านบาท) - ซื้อระบบ Patriot 7 กองร้อย พร้อมขีปนาวุธ PAC-3 MSE 168 นัด
* สวีเดน (Sweden)
* ปี 2018: $3,000 ล้านดอลลาร์ (~96,000 ล้านบาท) - ซื้อระบบ Patriot 4 กองร้อย พร้อมขีปนาวุธ PAC-3 MSE และ GEM-T
* สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)
* ปี 2022: $2,200 ล้านดอลลาร์ (~70,400 ล้านบาท) - ซื้อระบบ Patriot 5 กองร้อย และขีปนาวุธ PAC-3 MSE จำนวน 72 นัด
* เยอรมนี (Germany)
* ปี 2024: $5,000 ล้านดอลลาร์ (~160,000 ล้านบาท) - อนุมัติการขายขีปนาวุธ PAC-3 MSE จำนวน 600 นัด เพื่อเสริมคลังแสง
* เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)
* ปี 2022: $1,200 ล้านดอลลาร์ (~38,400 ล้านบาท) - อนุมัติการขายขีปนาวุธ PAC-3 MSE และส่วนประกอบเพิ่มเติม
* สเปน (Spain)
* ปี 2024 (ล่าสุด): $2,800 ล้านดอลลาร์ (~89,600 ล้านบาท) - อนุมัติการขายระบบ Patriot Configuration-3+ ที่ทันสมัย
<u>ภูมิภาคตะวันออกกลาง</u>
* สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
* ปี 2008: $6,500 ล้านดอลลาร์ (~208,000 ล้านบาท) - ซื้อระบบ Patriot 10 ระบบ ซึ่งเป็นดีลสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบในยุคแรก
* มีการซื้อขีปนาวุธเพิ่มเติม ในหลายช่วงเวลา
* กาตาร์ (Qatar)
* ปี 2012: $9,900 ล้านดอลลาร์ (~316,800 ล้านบาท) - ดีลใหญ่มากสำหรับระบบ Patriot, ขีปนาวุธ และการสนับสนุนครบวงจร
* คูเวต (Kuwait)
* ปี 2012: $4,200 ล้านดอลลาร์ (~134,400 ล้านบาท) - ซื้อระบบและอัปเกรด
* ปี 2025 (ล่าสุด): $425 ล้านดอลลาร์ (~13,600 ล้านบาท) - อนุมัติการอัปเกรดระบบให้ทันสมัย
* ซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia)
* ปี 2015: $5,400 ล้านดอลลาร์ (~172,800 ล้านบาท) - ซื้อขีปนาวุธ PAC-3 จำนวนมาก (600 นัด) เพื่อเสริมระบบที่มีอยู่
* มีการซื้อและอัปเกรดต่อเนื่อง ตลอดช่วงเวลา
<u>ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก</u>
* เกาหลีใต้ (South Korea)
* ปี 2015: $1,400 ล้านดอลลาร์ (~44,800 ล้านบาท) - อัปเกรดระบบที่มีอยู่เป็น Configuration-3 และซื้อขีปนาวุธ PAC-3
* ญี่ปุ่น (Japan)
* มีการอัปเกรดและ ซื้อขีปนาวุธ PAC-3 MSE เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพการป้องกันประเทศ
* ไต้หวัน (Taiwan)
* ปี 2010: $2,810 ล้านดอลลาร์ (~89,920 ล้านบาท) - ซื้อขีปนาวุธ PAC-3 และอัปเกรดระบบ
* มีการจัดซื้อเพิ่มเติมหลายครั้งเพื่อเสริมการป้องกัน
ข้อสังเกต: มูลค่าของดีลสะท้อนถึงขอบเขตที่แตกต่างกัน บางดีลเป็นการซื้อระบบใหม่ทั้งหมด (มีมูลค่าสูงมาก) ในขณะที่บางดีลเป็นการซื้อขีปนาวุธเพิ่มเติมหรือการอัปเกรดระบบที่มีอยู่เดิม
สาเหตุที่ราคาแพงเพราะ

และ ล็อคเป้าหมายได้อย่างจำกัด จำเขี่ย…เรดาห์ มิได้รอบตัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับระบบ Patriot PAC-3 MSE หนึ่งระบบ (1 กองร้อย/Battery) ความสามารถในการ "ล็อคเป้าหมาย" จะขึ้นอยู่กับรุ่นของเรดาร์ที่ใช้งานครับ ซึ่งต้องแยกความสามารถออกเป็น 2 ส่วนคือ การติดตาม และ การยิงโจมตี
1. ระบบมาตรฐาน (ใช้เรดาร์ AN/MPQ-65)
นี่คือระบบที่ใช้งานแพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน มีขีดความสามารถดังนี้:
* ตรวจจับและติดตาม (Track): เรดาร์ AN/MPQ-65 สามารถตรวจจับและติดตามเป้าหมายที่ต้องสงสัยได้พร้อมกันสูงสุด 100 เป้าหมาย ภายในรัศมีทำการของเรดาร์ (ประมาณ 120 องศาด้านหน้า)
* ควบคุมการยิง (Engage/Guide): จากเป้าหมายที่ติดตามทั้งหมด ระบบสามารถส่งข้อมูลควบคุมขีปนาวุธเพื่อเข้าโจมตีเป้าหมายได้พร้อมกันสูงสุด 9 เป้าหมาย
สรุปง่ายๆ คือ:
> ต่อ 1 ระบบ Patriot มาตรฐาน สามารถ ติดตามได้ 100 เป้าหมาย และ ยิงโจมตีได้พร้อมกันสูงสุด 9 เป้าหมาย
>
2. ระบบยุคใหม่ (ใช้เรดาร์ LTAMDS)
นี่คือเรดาร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังจะเข้ามาประจำการแทนที่ AN/MPQ-65 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของระบบ Patriot ขึ้นไปอีกระดับ:
* ครอบคลุม 360 องศา: สามารถตรวจจับและติดตามภัยคุกคามได้รอบทิศทาง ไม่ใช่แค่ 120 องศาเหมือนรุ่นเก่า
* เพิ่มจำนวนเป้าหมาย: สามารถติดตามและควบคุมการยิงต่อเป้าหมายได้ "จำนวนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดต่อสาธารณะ แต่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับการโจมตีแบบอิ่มตัว (Saturation Attack) จากภัยคุกคามยุคใหม่ เช่น ฝูงโดรนและขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง
ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องที่สุดสำหรับระบบที่ใช้งานกันในปัจจุบันคือ "สามารถยิงโจมตีพร้อมกันได้สูงสุด 9 เป้าหมาย" ครับ
ถึงกระนั้น การ salvoก็ยังพอมีช่องว่าง ความยืดหยุ่นผลงานโชกโชน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผลงานของการยิง Salvo ครั้งประวัติศาสตร์ในคืนวันที่ 16 พฤษภาคม 2023 ณ กรุงเคียฟ ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของยูเครนและระบบ Patriot ซึ่งสามารถสรุปผลลัพธ์ได้ดังนี้:
ผลงานด้านการสกัดกั้น (ฝ่ายยูเครนและสหรัฐฯ)
* ทำลายเป้าหมายได้ทั้งหมด: กองทัพอากาศยูเครนและเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ยืนยันตรงกันว่า ระบบ Patriot สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธและโดรนทั้งหมดที่รัสเซียยิงเข้ามาในระลอกนั้นได้สำเร็จ
* ไฮไลท์สำคัญ: สกัดกั้น Kinzhal ได้ 100%: ผลงานที่โดดเด่นที่สุด คือการยิงสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "คินซาล" (Kinzhal) ได้ครบทั้ง 6 ลูก ที่ถูกยิงเข้ามาพร้อมกัน การสกัดกั้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ "อาวุธไร้เทียมทาน" ที่รัสเซียเคยกล่าวอ้าง และพิสูจน์ให้เห็นว่าระบบ Patriot มีประสิทธิภาพสูงพอที่จะรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและมีความเร็วสูงที่สุดของรัสเซียได้
* ความเสียหายของระบบ Patriot: เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าระบบ Patriot ได้รับความเสียหายเล็กน้อย (Minor Damage) ซึ่งคาดว่าเกิดจากเศษซากของขีปนาวุธที่ถูกยิงตก หรือการระเบิดใกล้เคียง แต่ ระบบยังคงปฏิบัติการต่อไปได้ และถูกซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว ณ ที่ตั้ง โดยไม่ต้องส่งออกจากยูเครน
คำกล่าวอ้างของฝ่ายรัสเซีย
* กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาประกาศว่า สามารถทำลายระบบ Patriot ได้สำเร็จ โดยใช้ขีปนาวุธ Kinzhal พร้อมเผยแพร่คลิปวิดีโอเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้าง
* อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างนี้ถูกโต้แย้งจากชาติตะวันตกและผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองแบบเปิด (OSINT) ซึ่งวิเคราะห์ว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวไม่ได้แสดงให้เห็นการโจมตีที่ตั้งของ Patriot โดยตรง และคำยืนยันจากสหรัฐฯ ว่าระบบเสียหายเพียงเล็กน้อยก็ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของรัสเซีย
บทสรุปและผลกระทบ
การปะทะในคืนนั้นถือเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญ ผลงานที่ออกมาคือ:
* พิสูจน์ประสิทธิภาพ: ระบบ Patriot แสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดในการป้องกันการโจมตีทางอากาศแบบอิ่มตัวและซับซ้อน
* ทำลายขวัญและสงครามจิตวิทยา: การสกัดกั้น Kinzhal ได้สำเร็จ เป็นการทำลายเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อชิ้นสำคัญของรัสเซีย และสร้างขวัญกำลังใจอย่างมหาศาลให้กับฝ่ายยูเครน
* ยืนยันคุณค่าของเทคโนโลยีตะวันตก: ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ชาติตะวันตกส่งไปช่วยเหลือยูเครน
โดยสรุป "ผลงาน" ของการ Salvo ครั้งนั้น คือ การป้องกันที่ประสบความสำเร็จเกือบสมบูรณ์แบบ โดยสามารถทำลายภัยคุกคามทั้งหมดได้ ขณะที่ตัวระบบป้องกันได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยและยังคงทำหน้าที่ต่อไปได้
โดยระบบที่ใช้นั้นคือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้งานระบบ Patriot ในสมรภูมิจริง เหตุการณ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น "การยิง Salvo ครั้งใหญ่และเข้มข้นที่สุด" ในประวัติศาสตร์ของระบบ Patriot ไม่ได้เกิดขึ้นในสงครามอ่าวหรือที่ซาอุดีอาระเบีย แต่เกิดขึ้นที่ประเทศยูเครนเมื่อไม่นานมานี้
เหตุการณ์: การป้องกันกรุงเคียฟในคืนวันที่ 16 พฤษภาคม 2023
สถานที่: เหนือน่านฟ้ากรุงเคียฟ ประเทศยูเครน
รายละเอียดของเหตุการณ์:
ในคืนดังกล่าว รัสเซียได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศแบบผสมผสานและซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายหลักคือการ "ล่าและทำลาย" (Seek and Destroy) ระบบ Patriot ที่ป้องกันกรุงเคียฟโดยตรง การโจมตีประกอบด้วย:
* ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic) รุ่น คินซาล (Kinzhal)
* ขีปนาวุธร่อน (Cruise Missiles) รุ่น คาลิเบอร์ (Kalibr)
* ขีปนาวุธประเภทอื่นๆ และโดรน
เพื่อรับมือกับการโจมตีแบบอิ่มตัว (Saturation Attack) ที่มุ่งเป้ามาที่จุดเดียว ระบบ Patriot ได้ทำการยิงสกัดกั้นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
* การ Salvo: มีรายงานจากหลายแหล่ง (รวมถึงภาพวิดีโอ) ที่แสดงให้เห็นว่าระบบ Patriot ได้ยิงขีปนาวุธสกัดกั้น (Interceptor) ออกไปจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที บางรายงานระบุว่ามีการยิงออกไป มากกว่า 30 นัด ในการปะทะครั้งเดียว
* จำนวนระบบที่เข้าร่วม: การยิง Salvo ในลักษณะนี้มาจาก 1 กองร้อย (Battery) ซึ่งประกอบด้วยเรดาร์ 1 ระบบ และแท่นยิง (Launcher) หลายแท่นที่ทำงานประสานกัน แม้ยูเครนจะไม่เปิดเผยจำนวนที่แน่นอนเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่การป้องกันเมืองใหญ่อย่างเคียฟจะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศหลายชั้นทำงานร่วมกัน แต่ตัว "Salvo" ที่เกิดขึ้นมาจากกองร้อย Patriot เพียงหน่วยเดียวที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น
ทำไมเหตุการณ์นี้จึงถือว่าใหญ่ที่สุด?
* ความเข้มข้น: เป็นการยิงจำนวนมากในเวลาสั้นที่สุด เพื่อรับมือภัยคุกคามที่มุ่งเป้าทำลายตัวระบบเองโดยตรง
* ความซับซ้อนของเป้าหมาย: เป็นการพิสูจน์ความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามยุคใหม่ที่หลากหลายและมีความเร็วสูงมากพร้อมๆ กัน
* จำนวนขีปนาวุธที่ยิง: การยิงมากกว่า 30 นัดในหนึ่งการปะทะ ถือเป็นจำนวนที่สูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับการใช้งานในสงครามครั้งก่อนๆ เช่น สงครามอ่าว หรือการป้องกันของซาอุดีอาระเบียที่มักเป็นการยิงสกัดกั้นขีปนาวุธ 1-2 ลูกต่อครั้ง
แต่บางครั้งก็ต้องใช้หลายระบบ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากการยิง Salvo ครั้งล่าสุดที่ฐานทัพอากาศอัลอูเดด ประเทศกาตาร์ (23 มิถุนายน 2025) สรุปได้ดังนี้:
* จำนวนกองร้อย: มีระบบ Patriot ของ สหรัฐฯ อย่างน้อย 2 กองร้อย ทำการป้องกันร่วมกับระบบของ กาตาร์
* จำนวนที่ยิง: ประมาณ 30 นัด (เฉพาะส่วนของสหรัฐฯ)
* ผลงาน: ป้องกันสำเร็จ โดยสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธทิ้งตัวของอิหร่านได้ 14 ลูกที่มุ่งเป้ามายังฐานทัพ
ราคา…ต่อ ระบบ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ราคาโดยสรุปสำหรับระบบ Patriot PAC-3 MSE
1 ระบบ 6 แท่นยิง (ไม่รวมจรวดสำรอง) ณ เดือนกรกฎาคม 2568 คือ:
ประมาณ 25,600 - 28,800 ล้านบาท
($800 - $900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ราคานี้ประกอบด้วย:
* ระบบภาคพื้นดิน (~14,400 - 17,600 ล้านบาท):
* เรดาร์, สถานีควบคุม, รถยนต์สนับสนุน และแท่นยิง 6 แท่น
* ขีปนาวุธพร้อมยิง (~10,400 ล้านบาท):
* จำนวน 72 นัด (สำหรับบรรจุใน 6 แท่นยิง)
ตัวอย่างดีลที่ใกล้เคียงที่สุด
ดีลของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (อนุมัติปี 2022):
* สิ่งที่จัดหา: ส่วนหนึ่งของดีลใหญ่คือการอนุมัติขายขีปนาวุธ PAC-3 MSE จำนวน 72 นัด พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
* มูลค่า (เฉพาะส่วนขีปนาวุธ): ประมาณ $700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (~22,400 ล้านบาท)
Patriot PAC-3 MSE ที่สุดของราคาและความแรง ถึงแพงแต่นุดโลกนิยม
Patriot PAC-3 ที่ถูกขายไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สาเหตุที่ราคาแพงเพราะ
และ ล็อคเป้าหมายได้อย่างจำกัด จำเขี่ย…เรดาห์ มิได้รอบตัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถึงกระนั้น การ salvoก็ยังพอมีช่องว่าง ความยืดหยุ่นผลงานโชกโชน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยระบบที่ใช้นั้นคือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่บางครั้งก็ต้องใช้หลายระบบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ราคา…ต่อ ระบบ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้