[CR] รีวิวเที่ยวกาตาร์เพราะโรงแรมถูก 3 วัน 2 คืน

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะพาไปเที่ยวโดฮา ประเทศกาตาร์ค่ะ
รูปที่มีประโยชน์อาจจะน้อยไปบ้างแต่รูปอวดวิวจะเยอะนิดนึงค่ะ

ไม่นานมานี้มีโอกาสนั่ง Qatar Airways แบบแวะเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา เห็นว่าสายการบินมีโปรแกรมแวะเที่ยวกาตาร์ไม่เกิน 96 ชั่วโมง ลดราคาโรงแรม 4 ดาว++ เริ่มต้นประมาณ 500 บาท/คืน

เมื่อส่วนลดมากมายมาอยู่ตรงหน้า เราก็จัดเลย แวะกาตาร์สามวัน

ผู้ถือพาสปอร์ไทยถ้าจองโรงแรมผ่าน Discover Qatar (โปรแกรมเที่ยวกาตาร์ของสายการบิน) สามารถขอ Visa On Arrival ได้ (ข้อมูลพฤษภาคม 2568) ถ้าใครที่จองโรงแรมมากับสายการบิน เมื่อมาถึงสนามบินให้ไปที่เคาน์เตอร์ของ Discover Qatar เพื่อขอเอกสารก่อนที่จะเข้าไปที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอ Visa ค่ะ

เราจองรถรับส่งโรงแรมเอาไว้ (ผ่านทาง Discover Qatar คนดีคนเดิม) เมื่อออกมาจากที่รับกระเป๋าจะมีเคานต์เตอร์ของ Discover Qatar เราแค่ต้องเข้าไปแจ้งว่าจองรถรับส่งจากสนามบินเอาไว้ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยลากกระเป๋าเดินทางของเราไปที่รถค่ะ

ซึ่งจังหวะที่เดินออกจากสนามบินเพื่อไปที่รถก็คือ
โอ้ นี่สินะอากาศประเทศตะวันออกกลาง
(จริงๆ เดือนพฤษภาคมไม่ได้ต่างจากประเทศไทยขนาดนั้นค่ะ น่าจะนั่งอยู่ในอากาศเครื่องบินนานมากกว่า)

ระหว่างทางก็ได้นั่งรถชมวิว Middle East Sunset ค่ะ


เราเข้าพักที่ Al Najada Doha Hotel by Tivoli ซึ่งที่นี่จะไม่ใช่โรงแรมที่ราคา 500 นะคะ แพงกว่าประมาณนึงเพราะโรงแรมมีหลายแบบ แต่เราเลือกที่นี่เพราะใกล้สถานที่ที่เราอยากไปก็คือ Souq Waqif ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (แบบว่าอยู่หน้าโรงแรมเลย) และราคารวมอาหารเช้าค่ะ

นี่คือห้องที่เราได้


ขอเล่าถึงประเทศนี้สักเล็กน้อย
ประเทศกาตาร์เป็นหนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก มีสวัสดิการสำหรับประชากรที่ดีมากๆ เกิดมาก็เป็นเศรษฐีได้เลยจากการถือสัญชาติ

ประเทศกาตาร์มีคนอยู่อาศัยประมาณสามล้านคน
แต่มีประชากรผู้ถือสัญชาติเพียงประมาณ 10% หรือสามแสนคนเท่านั้น

มีโอกาสได้คุยกับไกด์ในช่วงหนึ่งของทริปได้ความว่าสิ่งนี้ทำให้การเปิดธุรกิจของตัวเองในกาตาร์ (กรณีไม่ได้ถือสัญชาติ) จะยากมาก เพราะกฎหมายจะต้องทำให้คนมั่นใจว่าคนต่างชาติจะไม่ถือสัดส่วนธุรกิจในประเทศมากกว่าประชากร ด้วยเหตุนี้เราจะเห็นคนกาตาร์เป็นเจ้าของร้านหรือเจ้าของธุรกิจไปทั่วทั้งโดฮา แต่จะไม่ค่อยเห็นคนกาตาร์เป็นลูกจ้างในร้านค่ะ

กาตาร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสำหรับการท่องเที่ยว สามารถเดินตอนกลางคืนได้สบายๆ ตลาดอย่าง souq waqif เดินช่วงคนแน่นกลางคืนของไม่หาย มีเจ้าหน้าที่ตรวจตราตลอดค่ะ มาพร้อมม้าแสนน่ารัก

น้องม้าสายพันธุ์อาหรับ จมูกใหญ่หน่อยเพราะอยู่แถบทะเลทราย


ส่วนอันนี้น้องอูฐหลวงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู (มั้ย) ทุกเช้าและบ่ายน้องจะถูกพาออกไปเดินขบวนหน้าพระราชวัง


ในส่วนของการแต่งกาย ที่นี่สามารถเดินในที่สาธารณะด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ได้เลย แค่เสื้อที่คลุมไหล่และกางเกงคลุมเข่า ยกเว้นในกรณีเยี่ยมชมมัสยิด อันนี้จะต้องคลุมแขน คลุมขาและคลุมผมค่ะ

เช้าวันถัดมาก็เปิดด้วยอาหารเช้าโรงแรม ค่อนข้างจะหนักไปทางอาหารตะวันตก อาจจะเพราะมาค่อนข้างสาย มีให้เลือกหลากหลายและรสชาติดีค่ะ (แอบไม่ชินรสชาติของเบค่อนไก่งวงสักหน่อย)



วันนี้เราจะไปที่ National Museum of Qatar

ซื้อ pass ราคา 99 Riyal ประมาณ 900 บาท เข้าได้ 4 พิพิธภัณฑ์คือ National Museum of Qatar, Museum of Islamic Art, 3-2-1 Qatar Olympic and Sports Museum, MATHAF: Arab Museum of Modern Art แต่ทริปนี้เราไปแค่สองที่เพราะเวลาไม่พอค่ะ

วันที่เราไปพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุงบางส่วน ตรงนี้ทาง Discover Qatar คืนเงินค่า pass ให้บางส่วนค่ะ

พิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ คือส่วนตึกพิพิธภัณฑ์และวังเก่าค่ะ
ส่วนตึกพิพิธภัณฑ์เป็นตึกใหม่ ได้แรงบันดาลใจมาจากกุหลาบทะเลทราย (ที่ไม่ใช่ดอกไม้) เป็นคริสตัลที่เกิดในทะเลทรายซึ่งแหล่งที่พบได้บนโลกนี้มีน้อยมาก หนึ่งในนั้นคือกาตาร์ค่ะ



กลุ่มตึกกุหลาบทะเลทรายจะเล่าประวัติศาสตร์ของประเทศกาตาร์ จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงการค้นพบแหล่งน้ำมันที่ทำให้กาตาร์กลายเป็นประเทศที่รวยติดท้อปโลกในปัจจุบัน

ส่วนที่เรามีโอกาสได้เข้าคือเน้นไปที่เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของกาตาร์

ตื่นตาตื่นใจที่สุดคือพรมค่ะ

ประเด็นคือ ตอนแรกเรามองไกลๆ ก็คิดว่าพรมปกติ เราก็ อ๋อ พรมลายสวยดีนะ เกือบจะเดินผ่านแล้วถ้านักท่องเที่ยวข้างๆ ไม่ส่งเสียงประทับใจอยู่ที่หน้าป้าย

สิ่งที่เห็น


เราก็เลยเดินไปดู สรุปคือมันไม่ใช่ปักธรรมดา
มันเป็นปักไข่มุกค่ะ

สิ่งที่เป็น



อย่างที่ได้เล่าไปว่าก่อนจะค้นพบน้ำมัน ประเทศกาตาร์เติบโตมาด้วยไข่มุกในอ่าวเปอร์เซีย ความที่มีไข่มุกเยอะมากๆ ก็เลยกลายมาเป็นพรมมุกอย่างที่เห็น

บอกตามตรงว่าที่นี่มีวัตถุโบราณค่อนข้างเยอะแต่ก็ยังรู้สึกว่ามันไปได้มากกว่านี้อีก อาจจะต้องกลับมาในตอนที่ปรับปรุงเรียบร้อย ไว้ถ้ามีโอกาสกลับมาคงจะได้นำมารีวิวให้ทุกคนชมอีกครั้งค่ะ





อีกส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์คือส่วนวังเก่า
พื้นที่บริเวณตรงนี้เคยเป็นพระราชวังของ Emir (ประมุขของกาตาร์) ในสมัยก่อนค่ะ ปัจจุบันพระราชวังย้ายไปตั้งที่ใหม่เป็นที่เรียบร้อย





ช่วงเย็นเราไปเดินเล่นที่ souq waqif เป็นตลาดที่อยู่มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คือถ้าเสิร์ช “ที่เที่ยวกาตาร์” ยังไงตลาดนี้ก็ขึ้นมา เราก็เลยไปด้วยความคิดว่าคงมีแต่นักท่องเที่ยวแล้วก็ของก็คงแพงตามประสาแหล่งท่องเที่ยว

แต่พอไปถึงจริงๆ คนในพื้นที่ก็ยังมาเดินกันปกติ นักท่องเที่ยวจะเยอะโซนข้างนอกเพราะมีร้านอาหารและร้านของที่ระลึก ถ้าเดินลึกเข้าไปข้างใน หนึ่งเลยคือจำทางดีๆ เพราะเราหลงเหมือนเดินอยู่เซนทรัลเวิลด์ หลงจนต้องเปิดแมพเดินออก สองคือของจะถูกลงมากแล้วก็ได้ซื้อของที่คนท้องถิ่นซื้อจริงๆ แถมต่อได้ด้วย

ตลาดไม่มีเวลาเปิดจริงจัง ประมาณสี่โมงเย็นร้านจะเริ่มเปิด แล้วก็จะคึกคักช่วงหลังละหมาดเย็นค่ะ ถ้าอยากซึมซับบรรยากาศตลาดขอแนะนำให้มาหลังหกโมงเย็นจะได้ไม่ร้อนด้วย

สิ่งที่เราซื้อด้วยเหตุผลที่ว่ามาถึงนี่ก็ต้องซื้อซักหน่อยคือน้ำมันหอมหรือ Oud เพราะเป็นของที่อินเตอร์เน็ตบอกให้ซื้อ ส่วนตัวเป็นคนไม่ได้ใช้เครื่องหอมอะไร บอกตามตรงว่ารีวิวกลิ่นไม่ได้แต่พอจะบอกได้ว่ากลิ่นแรงพอควร

อย่างที่สองคืออินทผาลัมค่ะ ซึ่งเราไม่กินอินทผาลัม5555555 อะไรที่เด่นดังจากกาตาร์ ฉันไม่ใช้หมดเลย5555 แต่มีคนที่บ้านชอบกินก็เลยซื้อไปฝากค่ะ มีหลายร้านมากๆ เราเองก็ไม่รู้ว่าร้านไหนดังที่สุด เลยตัดสินใจว่าเจอร้านไหนเอาร้านนั้น

ร้านที่เราเข้าไปนอกจากอินทผาลัมแล้วก็มีผลไม้แห้งต่างๆ แต่ไม่ได้ซื้อนะคะเพราะผลไม้แห้งทุกอันเขียนว่า from Thailand

ในส่วนของราคาคือถูกกว่าที่ไทย ถึงอย่างนั้นแต่ละร้านก็ไม่เท่ากันค่ะ ร้านเดียวกันก็มีหลายแบบจากหลายแหล่ง ถ้าใครที่ชอบกินอินทผาลัมจริงจังก็คงจะจับจ่ายซื้อหาได้สนุกมากทีเดียว

พอชอปปิ้งจนพอใจก็หาอะไรกินสักนิด ด้วยความที่ตอนที่เราไปมันเปลี่ยนเวลาค่อนข้างหนัก (บินมาจากอเมริกา) เลยยังไม่อยากกินข้าวมื้อหนักเท่าไหร่ ก็เลยแวะร้านขนมหวานมหาชน เสิร์ชทุกเว็บ ขึ้นทุกเว็บ ชื่อร้าน Al Aker Sweets Souq Waqif

เข้าไปถึงมีเซ็ตสำหรับนักท่องเที่ยวพร้อมขายให้ทันที ถามว่าแต่ละอย่างคืออะไรเพราะมันน่ากินทุกอันเลยก็ไม่ตอบ ทางเราเองก็พูดอราบิคไม่ได้ก็เลย เคครับพี่ ชุดทัวริสมาเลยครับ

สิ่งที่ได้แน่นอนว่าก็เป็นของหวานตะวันออกกลางที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักคือ Kunafa และ Baklava ทางเราเคยกินทั้งสองอย่างมาก่อนแล้ว แต่ว่าไม่เคยกิน Kunafa แบบมีชีสเลย รสชาติแปลกใหม่มากทีเดียวค่ะ รสชาติหวานๆ ปนกับชีสเค็มๆ ที่อุ่นกำลังดีแถมยืดด้วย มันเข้ากันมาก ส่วน Baklava กรอบและหวานอร่อยตามสมควรค่ะ ไม่ได้ว้าวถึงกับแสงออกปาก แต่ก็ถือว่ากินเป็นประสบการณ์


วันสุดท้ายเรามีเวลายาวๆ ถึงเย็นค่ะ

การจองทริปพักเครื่องทางนี้ทำให้เราสามารถเลือกเวลาเช็คอินและเช็คเอาท์ได้แบบ 24 ชั่วโมง ทางเราที่เครื่องออกตีสองก็เลยรีเควสเช็คเอาท์ตอนกลางคืน ทำให้เราสามารถเที่ยวทั้งวันแล้วกลับมาอาบน้ำก่อนออกไปสนามบินได้

วันนี้เราไปเที่ยวที่  Museum of Islamic Art หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม ที่นี่จะไม่ได้มีแค่งานของกาตาร์ แต่รวบรวมงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม และงานศิลปะจากอารยธรรมอิสลามจากทั่วทั้งโลก ถ้าใครชอบงานศิลปะและประวัติศาสตร์เราขอแนะนำอย่างน้อยครึ่งวันค่ะ ทางเราไปครึ่งบ่าย เดี๋ยวจะบอกเหตุผลตอนท้าย

ก่อนอื่น ถ้าเข้ามาในอาคารจะเห็นมุมนี้ค่ะ มหาชนมาก


ที่นี่มีคาเฟ่จิบกาแฟชมวิวอ่าวเปอร์เซีย ทุกร้านกาแฟในกาตาร์ขนมน่ากินมาก มันดูต้องแชะรูปลงอินสตาแกรมในทุกชิ้นที่ซื้อกิน


กลับมาที่งานศิลป์กันดีกว่า
ที่นี่มีทั้งหมด 13 ห้องจัดแสดง แบ่งสิ่งของจัดแสดงตามช่วงเวลาและแหล่งอารยธรรม
ตัวอย่างบางส่วน

ชุดเกราะจากอาณาจักรเปอร์เซีย



น้องคนนี้เป็นสาวด้ามขวานทอง อิมพอร์ตส่งตรงจากปักษ์ใต้ไทยแลนด์





สุดท้ายมาถึงเหตุผลที่เราตัดสินใจมาที่นี่ช่วงบ่ายถึงเย็น คือพระอาทิตย์ตกค่ะ

พิพิธภัณฑ์เปิดถึงหนึ่งทุ่มและมีพื้นที่ระเบียงชมวิวที่จะเห็นพระอาทิตย์ตกดิน (ตกอ่าวเปอร์เซียถ้ายืนถูกมุม) ปิดท้ายจบทริปนี้ได้สวยที่สุดในความคิดของเรา

ดังนั้นเราขอปิดท้ายกระทู้นี้ไปด้วยรูปพระอาทิตย์ตกดินจากเมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ค่ะ
หวังว่าจะชอบกันนะคะ




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่