JJNY : 5in1 อ่านมุมมองนักวิชาการสหรัฐฯ│‘ช่อ’แนะโกยหลักฐานทุกเม็ด!│เลขาฯปชน.เตือน│เชื่อมั่นอสังหาฯQ2 วูบ│แฮกเกอร์ไทยไม่ทน

อ่านมุมมองนักวิชาการสหรัฐฯ วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดน “ไทยปะทะกัมพูชา”
.
.
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคุกรุ่น โดยสื่อต่างชาติหลายสำนักต่างรายงานความเคลื่อนไหวไปในหลายมุมมอง
เช่น สำนักข่าว BBC และ CNN รายงานตรงกัน ถึงความตึงเครียดที่ขยายจากเรื่องส่วนตัวของผู้นำ สู่การปะทะทางทหาร
.
BBC ชี้ว่า ความสัมพันธ์สองชาติทรุดหนักหลัง “ฮุน เซน” อดีตผู้นำกัมพูชา ปล่อยคลิปเสียงบทสนทนากับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเธอเรียกเขาว่า “คุณลุง” และตำหนินายทหารไทย คลิปนี้ทำให้แพทองธารถูกศาลสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ และกำลังถูกพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่ง
รายงานระบุว่า แพทองธารอาจหวังใช้มิตรภาพระหว่างบิดาเธอ “ทักษิณ” กับฮุน เซน เพื่อคลี่คลายปัญหา ทว่ากลับกลายเป็นจุดแตกหักของความสัมพันธ์ตระกูลชินวัตร–ฮุน จนนำไปสู่ความตึงเครียดระดับประเทศ
.
ด้านการเมือง ฮุน มาเนต นายกฯ คนใหม่ของกัมพูชา ก็ยังขาดอำนาจเด็ดขาด ขณะที่ฮุน เซนยังมีบทบาทและอาจจุดชนวนขัดแย้งเพื่อเสริมภาพลักษณ์ชาตินิยม ส่วนไทยก็เผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเมือง จนไม่อาจอ่อนข้อได้
.
มีความเห็นจากนักวิชาการด้านความมั่นคงต่างประเทศที่มองปรากฏการณ์ดังกล่าว
.
ศาสตราจารย์ ซาชารี อบูซา (Zachary Abuza) นักวิชาการด้านการเมืองและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิทยาลัยสงครามแห่งชาติ มหาวิทยาลัยการป้องกันประเทศ กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐฯ (National Defense University) ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNA สำนักข่าวสิงคโปร์ วิเคราะห์สถานการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นเข้าสู้วันที่ 2
.
ศาสตราจารย์ ซาชารี ให้ความเห็นประเด็นที่ไทยใช้เครื่องบินรบ F-16 ต่อเป้าหมายทางการทหารเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าประจำการเมื่อต้นทศวรรษ 1990 มีความสำคัญอย่างไร โดยระบุว่า “การใช้เครื่องบิน F-16 ของไทยเป็นครั้งแรกนั้น ตอบสนองกับการยิงปืนใหญ่และจรวดของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้วิธียิงแบบไม่เลือกเป้าหมาย กระสุนปืนใหญ่พุ่งเป้าหมายมายังพลเรือน ทำให้ชาวไทยหลายคนที่อยู่ริมชายแดนถูกสังหาร รวมถึงโรงพยาบาลและเป้าหมายพลเรือนอื่นๆ ทางการไทยจึงยกระดับการตอบโต้ทางการทหารต่อกัมพูชามากยิ่งขึ้น เพื่อพยายามกำจัดหน่วยทหารต่างๆของกัมพูชาที่ยิงปืนใหญ่และจรวดเข้ามาในประเทศ
.
ส่วนกรณีความเห็นต่อการใช้กำลังของกัมพูชาภายใต้การนำของฮุนมาเนต นายกฯกัมพูชาซึ่งถูกประเมินว่ามีความแตกต่างกันเรื่องอาวุธนั้น ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุว่า “มีข้อแตกต่างอย่างสำคัญจริงระหว่างกองกำลังทหารของไทยและของกัมพูชา โดยกองทัพไทยเป็นหนึ่งในกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีทรัพยากรดีกว่ามาก อาจมีงบประมาณประจำปีราวๆ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับกัมพูชา น่าจะอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
.
“จากการโจมตีทางอากาศของไทย จะเห็นได้ว่ากองทัพไทยมีความสามารถในการโจมตีที่แม่นยำกว่ามาก ขณะที่ทางกัมพูชามีความเสี่ยงมากกว่าแน่นอน อย่างไรก็ตามส่วนตัวค่อนข้างประหลาดใจกับการยกระดับในปัจจุบัน” ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุ
.
ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุต่อว่า “เราทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในเดือนพฤษภาคมหลังมีการปะทะกันและทหารไทยยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิต ตั้งแต่นั้นมาระดับความรุนแรงก็ยังต่ำมาก แม้จะมีการตอบโต้กันในทางการเมืองระหว่างประเทศของทั้งสองฝ่าย มีการปิดพรมแดน มีผลกระทบทางเศรษฐกิจบางประการ ส่วนตัวสันนิษฐานว่าทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์จากการเมืองภายในจากระดับความรุนแรงนี้ และส่วนตัวก็ยังไม่เห็นว่าจะมีฝ่ายใดได้ประโยชน์จริงๆหากความขัดแย้งนี้ทวีความรุนแรง และดำเนินต่อไปในระยะเวลาอันใกล้
.
สำหรับประเด็นหลักของการปะทะกันในครั้งนี้ ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุว่า “ความขัดแย้งครั้งนี้เริ่มจากปัญหาสนธิสัญญาเขตแดนที่ถูกกำหนดขึ้นในปี 1907 สมัยที่กัมพูชายังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ขณะที่ฝั่งไทยมองว่า ปัญหาการตกลงเขตแดนขณะนั้นเกิดขึ้นจากการถูกกดดัน กระทั้งมีการขึ้นศาลโลกในปี 2505 ที่ศาลตัดสินให้โบราณสถานนั้นเป็นของกัมพูชา การปะทะกันล่าสุดบริเวณ สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นแนวชายแดนของทั้งสามประเทศ เกิดจากการโต้แย้งของกัมพูชา และกัมพูชาต้องการนำดินแดนพิพาทในส่วนนี้ไปขึ้นศาลระหว่างประเทศ ขณะที่ฝั่งไทยไม่สนใจเพราะเคยแพ้มาแล้ว 2 ครั้ง มันมีเหตุผลเรื่องความรักชาติอยู่เบื้องหลัง
.
แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือ ทั้งสองชาติต่างได้ผลประโยชน์บางอย่างจากการเป็นคู่ขัดแย้งกันในระดับไม่สูงมาก เพราะหากย้อนไปในการปะทะเมื่อปี 2010-2011 ตอนนั้นฮุน มาเนต เพิ่งได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญก่อนที่เขาจะดำรงตำแหน่งนายกฯเมื่อ 2 ปีก่อน ในครั้งนั้นถือเป็นบททดสอบตัวเอง และหลังจากเขาดำรงตำแหน่งมาสองปี เขาก็อยากทำแบบเดิมแน่นอน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง สามารถกำจัดฝ่ายค้านในประเทศรวมถึงฝ่ายต่อต้านที่หนีออกไปต่างประเทศได้ มีความเต็มใจอย่างมากที่จะต่อสู้เพื่อชาวกัมพูชา” ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุ
.
ขณะที่ฝั่งไทย เพิ่งมีปัญหากรณีคลิปเสียงสนทนาหลุดของ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุนเซน นั่นก็เป็นเครื่องมือที่กลุ่มอำนาจเก่าใช้เรื่องนี้ทำลายเธอและบิดาของเธอที่กลับจากการลี้ภัยในปี 2023 หวังโค่นตระกูลชินวัตรให้พ้นจากระบบการเมือง
.
เมื่อถามความเรื่อง ปัญหาแก็งสแกมเมอร์และการหลอกลวงออนไลน์ที่มีรายงานว่ารายได้ของผู้นำระดับสูงของกัมพูชาเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว พร้อมๆกับการที่ประเทศไทยพยายามผลักดันนโยบายบ่อนกาสิโนถูกกฏหมายและกำจัดแก็งสแกมเมอร์ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่?
.
ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุว่า เห็นชัดว่ารัฐบาลไทยกำลังเสนอเรื่องการทำเรื่องการพนันถูกกฏหมายซึ่งจะส่งผลให้รายได้กัมพูชาลดลง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือศูนย์หลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตเหล่านี้มีมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเชื่อมโยงกับบุคคลระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงตระกูลฮุนด้วย ขณะที่รัฐบาลไทยก็หลับตากับเรื่องนี้มานานหลายปี และไม่ได้พยายามเป็นพันธมิตรที่ดีต่อชาติตะวันตกในการจัดการปัญหาศูนย์หลอกลวงเหล่านี้
.
แต่มันเปลี่ยนไปแล้วเมื่อราวสองสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อทางการไทยได้จับกุม “ก๊กอาน” คนสนิทฮุนเซน ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “ก็อตฟาเทอร์แห่งปอยเปต” ซึ่งชนชั้นนำกัมพูชาจำนวนมากของกัมพูชามักนำทรัพย์สินจำนวนมากมาไว้ที่ประเทศไทย โดยไทยก็พยายามสร้างกดดันจากนานาชาติต่อปัญหาในกัมพูชาด้วย” ศาสตราจารย์ ซาชารี กล่าว
.
และว่า “ไทยเข้าใจดีว่าพรรคประชาชนกัมพูชา ตระกูลฮุนและกลไกทางการเมืองของตระกูลฮุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับรายได้จากศูนย์หลอกลวงเหล่านี้จริงๆ เพราะหากไม่มีรายได้เหล่านั้น ตระกูลฮุนก็จะไม่สามารถรักษาระบบอุปถัมภ์ซึ่งรับประกันการผูกขาดอำนาจของพวกเขาได้ แน่นอนว่าทางการไทยต้องการให้ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบต่อตระกูลฮุนเป็นการส่วนตัวด้วย”ศาสตราจารย์ ซาชารี ให้ความเห็น
.
ส่วนกรณีความสัมพันธ์ของทักษิณและฮุนเซน จะส่งผลต่อความเสี่ยงในความขัดแย้งครั้งนี้อย่างไรนั้น ศาสตราจารย์ ซาชารี ระบุว่า ช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฮุนเซนและทักษิณมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ช่วงที่ลี้ภัย นายทักษิณก็ไปหาฮุนเซนบ่อยครั้งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับชนชั้นนำไทย แต่ความขัดแย้งครั้งนี้สะท้อนว่า พวกเขาจะไม่ยอมแลกความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เคยมีมากับผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมืองแคบๆของพวกเขา
.

.
‘ช่อ’ แนะโกยหลักฐานทุกเม็ด! ดีเฟนด์ประชาคมโลก ‘เราไม่ผิด’ เขมรเล่นบทเหยื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5292972
.
‘ช่อ’ แนะโกยหลักฐานทุกเม็ด! ดีเฟนด์ประชาคมโลก ‘เราไม่ผิด’ เขมรเล่นบทเหยื่อ
.
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านทาง รายการ The Politics “รู้ทันฮุนเซน ชนะศึกแพ้สงคราม สนทนา ช่อ พรรณิการ์” ทางมติชนทีวี เมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยประเด็นหลักได้วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าหลังจากนี้รัฐบาลไทยจะเดินอย่างไร? กัมพูชาต้องการอะไร?
.
ในตอนหนึ่งเมื่อพิธีกรถามว่า สรุปแล้วกัมพูชาต้องการอะไร ?
.
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป้าหมายของกัมพูชาต้องการนำไปสู่การปะทะ ในขณะที่เราต้องการให้เรื่องคลี่คลายผ่านทวิภาคีมาโดยตลอด ซึ่งการปะทะเขาไม่ต้องการชนะที่ชายแดน แต่ต้องการชนะที่เวทีระหว่างประเทศ เพราะต้องการสู้เอาพื้นที่ปราสาทเป็นของตน เพราะเคยชนะเกมนี้มาแล้วที่ปราสาทพระวิหาร
.
โดยมองว่า เมื่อไม่รับเขตอำนาจศาลโลก ดังนั้นทางเดียวที่จะทำได้คือทำให้เกิดการปะทะ เพื่อลากเรื่องไปถึง UNSC โดยเชื่อมั่นว่าพยานหลักฐานตนจะชนะคดี เราเคยชนะศึกแล้วแพ้สงครามไปแล้วเมื่อปี 2554 รอบนี้เราอยากซ้ำรอยอีกหรือเปล่า
.
ข้อสังเกตุที่ 1 ทำไมวันนี้ปะทะที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งที่ 2 เดือนที่ผ่านมาจะเอาพื้นที่ ปราสาทตาควาย ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด อาจจะเป็นจุดยุธศาสตร์ทางการทหาร พื้นที่พิพาทเดิม จะบอกว่าไทยละเมิดข้อพิพากษาและเอาเรื่องขึ้นศาลโลกเหมือนเดิมใช่ไหม เพราะฉะนั้นต้องรู้เท่าทัน
.
“แพ้ศึกไม่เป็นไร แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเราชนะศึกที่ชายแดนคนของเราตายมากกว่า เรายังไม่เห็นว่าพลเรือนกัมพูชาตายเท่าไหร่ อาจจะน้อยมาก เพราะการโจมตีของไทยแม่นยำ นำ F16 ไปทิ้งฐานทัพเขาแล้วก็กลับ
.
“แต่การโจมของกัมพูชาอาวุธพิสัยยิง30- 40 กิโลเมตร คิดถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ชายแดน คิดดูว่ากี่แสนคน คุยกับ ส.ส.พื้นที่พนมดงรัก กับกาบเชิง บริเวณที่มีคนเสียชีวิตเยอะ มีประชาชนที่อยู่ในระยะยิงถึง 200,000 คน ยังไม่รวมพื้นที่จังหวัดอื่น ความเสี่ยงของเรามากกว่า เพราะกัมพูชายิงทุกพื้นที่และอาวุธไม่แม่นยำ เนื่องจากเป็นเครื่องยิงจรวด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเด็ก คนแก่ เพราะต่างจังหวัดประชากรกลุ่มนี้จะอาศัยในหมู่บ้านมีปัญหาต่อการอพยพ” น.ส.พรรณิการ์ระบุ
.
น.ส.พรรณิการ์ยังชี้ด้วยว่า ความสูญเสียครั้งนี้ต่างจากเหตุการณ์ปี 2554 เพราะอาวุธมีการอัพเกรดมากขึ้นจากการช่วยเหลือในบางประเทศ ดีที่สุดของประเทศไทยคืนสถานการณ์กลับสู่การไม่สู้รบ หยุดยิงเป็นประโยชน์กับทางเรามากที่สุด แม้เราได้เปรียบทางศักยภาพทางการรบ แต่เราสูญสียมากกว่า เพราะลักษณะการโจมตีของกัมพูชาที่พลเรือนของไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
.
“ทั้งหมดนี้ไทยต้องไปเร่งทำความเข้าใจกับประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เราต้องทำให้เขารู้ว่า ‘เราไม่ผิด’ กัมพูชามีหลักฐานมากมาย เพื่อให้เราเหมือนฝ่ายเริ่มก่อน ประเด็นคือรัฐมนตรีต่างประเทศไปพูดกับใครที่ UN” น.ส.พรรณิการ์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่