ตามรายงานสรุปเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดน จากกรมกิจการชายแดนทหาร โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า..
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาในหลายจุดตลอดแนวชายแดน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งในหมู่พลเรือนและทหาร รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน โดยมีลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้
📌 07.45 น. กองกำลังสุรนารีตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชา ล้ำเข้ามาสำรวจในเขตพื้นที่หน้าปราสาทตาเมือนธม จากนั้นพบกำลังพลกัมพูชา จำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้าประชิดแนวลวดหนาม ฝ่ายไทยพยายามใช้การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
📌 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงด้วยอาวุธประจำหน่วยเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของไทย ใกล้บริเวณปราสาทตาเมือน ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
📌 09.30 น. ฝ่ายกัมพูชายิงจรวด BM-21 จากพื้นที่เขาแหลม เข้าตกในพื้นที่บ้านขี้เหล็ก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 1 ราย และตรวจพบหัวจรวดตกบนบ้านเรือนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย
📌 09.45 น. มีการยิงจรวด BM-21 เพิ่มเติมเข้าใส่ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน บริเวณ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
📌 10.00-10.22 น. ตรวจพบจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ฐานหมูป่า ฐานพดุง และเนิน 500 ใน จ.อุบลราชธานี พร้อมกระสุนปืนใหญ่ตกใส่พื้นที่ผามออีแดง จุกตา และบริเวณฐานทัพ ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ จำนวน 7 นาย
📌 10.28-10.40 น. มีรายงานการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากฝั่งกัมพูชา ด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 พุ่งเป้าไปยังพื้นที่ฐานมาเรีย และบ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง
📌 10.48-11.00 น. จรวด BM-21 จำนวน 3 ลูก ตกในพื้นที่ฐานหมูป่า และในบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ร้านค้าเอกชนได้รับความเสียหาย มีพลเรือนเสียชีวิต 9 ราย และได้รับบาดเจ็บ 14 ราย
📌 11.02-12.21 น. ยังคงมีการปะทะและยิงถล่มด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ชายแดนของ จ.บุรีรัมย์, จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี โดยกระสุนบางส่วนตกในเขตชุมชนและบ้านเรือนของประชาชน
✍️ สรุปความเสียหายเบื้องต้น
(ณ เวลา 21.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค. 2568 ตามรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข)
📍พลเรือน
- เสียชีวิตแล้ว 13 ราย
- บาดเจ็บสาหัส 7 ราย
- บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย
- บาดเจ็บเล็กน้อย 12 ราย
✍️รวมทั้งสิ้น 45 ราย
📍 ทหาร
- เสียชีวิต 1 นาย
- บาดเจ็บสาหัส 6 นาย
- บาดเจ็บปานกลาง 5 นาย
- บาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
✍️รวมทั้งสิ้น 15 นาย
จากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาในการใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือน ถือเป็นการละเมิดหลักการของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้การโจมตีทางทหารกระทำได้เฉพาะต่อเป้าหมายทางทหาร (Military Objectives) เท่านั้น
กองทัพไทย ขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการกระทำที่เป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรม และยืนยันว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าของมนุษยธรรมสากล พร้อมดำรงเจตนารมณ์ในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น จากการลักลอบยิงอาวุธของกัมพูชาเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทย จนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี, จ.ศรีสะเกษ, จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบ ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องอพยพย้ายที่พักชั่วคราว
นายภูมิธรรม ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง
นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน / กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน / ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและทุกภาคส่วน นำยานพาหนะของทุกหน่วยงานเร่งอพยพประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัย ห่างจากแนวการปะทะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งให้ดูแลด้านการใช้ชีวิตครอบคลุมปัจจัยความจำเป็นพื้นฐาน ทั้งด้านอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ห้องน้ำ และที่พัก ให้ถูกสุขลักษณะ โดยเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สำหรับจำนวนประชาชนผู้ที่ได้ทำการอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 4 จังหวัดข้างต้น
ณ วันที่ 24 ก.ค. 68 เวลา 22.30 น.
มีจำนวนรวม 100,672 คน จำแนกเป็น..
🏠จ.สุรินทร์ 56,000 คน ศูนย์พักพิง 67 แห่ง
🏠จ.ศรีสะเกษ 17,196 คน ศูนย์พักพิง 58 แห่ง
🏠จ.บุรีรัมย์ 17,000 คน ศูนย์พักพิง 1 แห่ง
🏠จ. อุบลราชธานี 10,476 คน ศูนย์พักพิง 169 แห่ง
กระทรวงมหาดไทยยังได้กำชับ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน
ควบคู่การบำรุงขวัญกำลังพลทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน / ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน / อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน / และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามแนวพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง
พร้อมทั้งร่วมกันเป็นกำลังใจให้กับบรรดาพี่น้องทหารหาญผู้ที่กำลังทำหน้าที่เป็นกำลังส่วนหน้า ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญในการปกป้องอธิปไตยของชาติ
และสร้างความรับรู้เข้าใจให้ประชาชนในศูนย์พักพิงได้ทราบถึงสถานการณ์ รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยทรัพย์บริเวณหมู่บ้าน อาคารบ้านเรือน โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พร้อมทั้งย้ำเตือนว่า
“ห้ามกลับไปยังพื้นที่หมู่บ้าน จนกว่าทางภาครัฐจะประกาศให้สามารถกลับไปได้ตามปกติ”
ที่มา : โหนกระแส / เรื่องเล่าเช้านี้ / กองทัพไทย
กองทัพไทย เปิดบันทึก สรุปเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
ตามรายงานสรุปเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดน จากกรมกิจการชายแดนทหาร โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า..
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาในหลายจุดตลอดแนวชายแดน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งในหมู่พลเรือนและทหาร รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน โดยมีลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้
📌 07.45 น. กองกำลังสุรนารีตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชา ล้ำเข้ามาสำรวจในเขตพื้นที่หน้าปราสาทตาเมือนธม จากนั้นพบกำลังพลกัมพูชา จำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้าประชิดแนวลวดหนาม ฝ่ายไทยพยายามใช้การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
📌 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงด้วยอาวุธประจำหน่วยเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของไทย ใกล้บริเวณปราสาทตาเมือน ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
📌 09.30 น. ฝ่ายกัมพูชายิงจรวด BM-21 จากพื้นที่เขาแหลม เข้าตกในพื้นที่บ้านขี้เหล็ก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 1 ราย และตรวจพบหัวจรวดตกบนบ้านเรือนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย
📌 09.45 น. มีการยิงจรวด BM-21 เพิ่มเติมเข้าใส่ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน บริเวณ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
📌 10.00-10.22 น. ตรวจพบจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ฐานหมูป่า ฐานพดุง และเนิน 500 ใน จ.อุบลราชธานี พร้อมกระสุนปืนใหญ่ตกใส่พื้นที่ผามออีแดง จุกตา และบริเวณฐานทัพ ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ จำนวน 7 นาย
📌 10.28-10.40 น. มีรายงานการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากฝั่งกัมพูชา ด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 พุ่งเป้าไปยังพื้นที่ฐานมาเรีย และบ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง
📌 10.48-11.00 น. จรวด BM-21 จำนวน 3 ลูก ตกในพื้นที่ฐานหมูป่า และในบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ร้านค้าเอกชนได้รับความเสียหาย มีพลเรือนเสียชีวิต 9 ราย และได้รับบาดเจ็บ 14 ราย
📌 11.02-12.21 น. ยังคงมีการปะทะและยิงถล่มด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ชายแดนของ จ.บุรีรัมย์, จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี โดยกระสุนบางส่วนตกในเขตชุมชนและบ้านเรือนของประชาชน
✍️ สรุปความเสียหายเบื้องต้น
(ณ เวลา 21.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค. 2568 ตามรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข)
📍พลเรือน
- เสียชีวิตแล้ว 13 ราย
- บาดเจ็บสาหัส 7 ราย
- บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย
- บาดเจ็บเล็กน้อย 12 ราย
✍️รวมทั้งสิ้น 45 ราย
📍 ทหาร
- เสียชีวิต 1 นาย
- บาดเจ็บสาหัส 6 นาย
- บาดเจ็บปานกลาง 5 นาย
- บาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
✍️รวมทั้งสิ้น 15 นาย
จากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาในการใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือน ถือเป็นการละเมิดหลักการของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้การโจมตีทางทหารกระทำได้เฉพาะต่อเป้าหมายทางทหาร (Military Objectives) เท่านั้น
กองทัพไทย ขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการกระทำที่เป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรม และยืนยันว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าของมนุษยธรรมสากล พร้อมดำรงเจตนารมณ์ในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น จากการลักลอบยิงอาวุธของกัมพูชาเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทย จนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี, จ.ศรีสะเกษ, จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบ ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องอพยพย้ายที่พักชั่วคราว
นายภูมิธรรม ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง
นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน / กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน / ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและทุกภาคส่วน นำยานพาหนะของทุกหน่วยงานเร่งอพยพประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัย ห่างจากแนวการปะทะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งให้ดูแลด้านการใช้ชีวิตครอบคลุมปัจจัยความจำเป็นพื้นฐาน ทั้งด้านอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ห้องน้ำ และที่พัก ให้ถูกสุขลักษณะ โดยเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สำหรับจำนวนประชาชนผู้ที่ได้ทำการอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 4 จังหวัดข้างต้น
ณ วันที่ 24 ก.ค. 68 เวลา 22.30 น.
มีจำนวนรวม 100,672 คน จำแนกเป็น..
🏠จ.สุรินทร์ 56,000 คน ศูนย์พักพิง 67 แห่ง
🏠จ.ศรีสะเกษ 17,196 คน ศูนย์พักพิง 58 แห่ง
🏠จ.บุรีรัมย์ 17,000 คน ศูนย์พักพิง 1 แห่ง
🏠จ. อุบลราชธานี 10,476 คน ศูนย์พักพิง 169 แห่ง
กระทรวงมหาดไทยยังได้กำชับ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน
ควบคู่การบำรุงขวัญกำลังพลทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน / ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน / อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน / และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามแนวพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง
พร้อมทั้งร่วมกันเป็นกำลังใจให้กับบรรดาพี่น้องทหารหาญผู้ที่กำลังทำหน้าที่เป็นกำลังส่วนหน้า ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญในการปกป้องอธิปไตยของชาติ
และสร้างความรับรู้เข้าใจให้ประชาชนในศูนย์พักพิงได้ทราบถึงสถานการณ์ รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยทรัพย์บริเวณหมู่บ้าน อาคารบ้านเรือน โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พร้อมทั้งย้ำเตือนว่า “ห้ามกลับไปยังพื้นที่หมู่บ้าน จนกว่าทางภาครัฐจะประกาศให้สามารถกลับไปได้ตามปกติ”
ที่มา : โหนกระแส / เรื่องเล่าเช้านี้ / กองทัพไทย